ครั้นสวีหว่านเอ๋อร์นึกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางพลันรู้สึกตื่นใ หรือว่าท่านอ๋องมู่จะชอบคุณหนูรองเข้าแล้วงั้นหรือ?
ความคิดที่คาดเดาออกมานี้ ทำให้สวีหว่านเอ๋อร์มิกล้าเพิกเฉย
“นายหญิงเ้าคะ ของที่ท่านให้บ่าวไปเตรียมมาเมื่อสองสามวันก่อน นายหญิงยัง้าให้บ่าวไปส่งอีกหรือไม่เ้าคะ?” เหมยเซียงเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“ส่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องส่ง” สวีหว่านเอ๋อร์เอ่ยอย่างหนักแน่นทันใด นางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ตรึกตรองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีความเห็นออกมาว่า “แต่ข้าจะไม่ไปส่งด้วยตนเองแล้ว รออีกสักประเดี๋ยวเ้าไปพาหมอมาที่นี่ และจัดยาสักเทียบให้ข้า ส่วนของกำนัลที่เตรียมไว้ให้คุณหนูรอง เ้าก็ส่งไปเถิด เข้าใจหรือไม่?”
"เข้าใจแล้วเ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว" เหมยเซียงเองก็เป็คนฉลาดคนหนึ่ง นางรู้ว่าอนุสี่กลัวว่าหากไปส่งด้วยตนเอง จะเป็การทำตัวโอ้อวดเกินไป เพราะฉะนั้นการจัดการเื่ราวเช่นนี้ดูจะเหมาะสมที่สุด
สวีหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดถึงการจัดการของตนเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมาก
จวนเหนียนในยามนี้ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็สองด้านอย่างกะทันหัน รูปแบบการปกครองในจวนเหนียนก่อนหน้านี้ถูกทำลาย สำหรับพวกนางเหล่าอนุที่ไม่มีอำนาจแข็งแกร่งคอยหนุนหลัง การเดิมพันด้วยการมอบของล้ำค่าให้เช่นนี้ ถือว่าเป็โอกาส!
ท่านอ๋องมู่...
คุณหนูรองเอ๋ยคุณหนูรอง เ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังเล่า!
ข่าวเื่ที่ท่านอ๋องมู่ทรงจัดงานเลี้ยงให้เหนียนยวี่นั้นเผยแพร่มาถึงลานเซียนหลานแล้ว เหนียนอีหลานเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
นางทำได้เพียงส่งยิ้มให้เหนียนยวี่และคนจากจวนมู่อ๋อง ทว่าเมื่อนางกลับมาที่ห้องตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้ากลับมลายหายไปทันที
"เหนียนยวี่!" เหนียนอีหลานกัดฟันแน่น จะเป็เหนียนยวี่ได้เยี่ยงไร? เหนียนยวี่ได้รับเชิญจากอ๋องมู่ได้เยี่ยงไร!
เหนียนอีหลานถือถ้วยชาในมือ นางอยากจะขว้างมันให้แตก ทว่าก็ยังกังวลว่าเหนียนยวี่ที่อยู่ในลานเซียนหลานด้วยกันจะสังเกตเห็น นางจึงได้แต่รู้สึกอึดอัดคับแน่นด้วยความไม่พอใจ
"คุณหนู บ่าวคิดว่าเหนียนยวี่ นางผู้หญิงสารเลวนั่นต้องล่อลวงอ๋องมู่เป็แน่เ้าค่ะ..." ฟางเหอแ่เสียงลงตอนท้าย นางเหลือบมองใบหน้าของเหนียนอีหลาน "คุณหนู เช่นนั้นพรุ่งนี้คุณหนูสู้ออกเดินทางไปพร้อมกับคุณหนูรองจะไม่ดีกว่าหรือเ้าคะ?"
“ข้าจะไปทำอะไร?” เหนียนอีหลานจ้องฟางเหอเขม็ง “ไปเพื่ออันใดก็ยังคลุมเครือ ท่านอ๋องมู่ชี้ชัดแล้วว่าเขาจัดงานเลี้ยงเพื่อนางผู้หญิงสารเลวนั่น ข้าเหนียนอีหลานเกาะติดตามไปด้วยเช่นนั้น จะกลายเป็ตัวอะไรในสายตาของท่านอ๋องเล่า?
นางอยากเจอท่านอ๋อง ทว่านางเห็นว่าตนเองนั้นสูงส่งมาตลอด มิง่ายเลยที่จะยอมให้ผู้อื่นโดดเด่นกว่าตัวเอง
ในหัวนางผุดภาพวันนั้น ข้างต้นหลิว ณ ลานหลังจวน ความใกล้ชิดสนิทสนมของมู่อ๋องและเหนียนยวี่ ทันใดนั้นเหนียนอีหลานกระแทกถ้วยชาวางลงอย่างแรงทันที
วันหนึ่ง นาง... เหนียนอีหลานผู้นี้จะทำให้ในสายตาของมู่อ๋องมีแต่นางเหนียนอีหลานเพียงผู้เดียว!
ฟางเหอไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ประหนึ่งลมเอื่อยไร้แรงพัด ชั่วครู่หนึ่ง เหนียนอีหลานสูดลมหายใจลึก ครั้นสงบใจลงมาได้ ั์ตาคู่นั้นพลันลุกวาวประหนึ่งคิดการอะไรบางอย่างออก “นำชุดที่ข้ายังไม่เคยใส่ ส่งไปให้คุณหนูรองพรุ่งนี้เช้า”
“เ้าค่ะ” แม้ว่าฟางเหอจะไม่เข้าใจเจตนาของคุณหนู ทว่าก็ต้องรับคำสั่งแต่โดยดี
วันต่อมา
ยามที่เหนียนยวี่ลุกขึ้นมาล้างหน้าหวีผม ฟางเหอได้เข้ามามอบชุดชุดหนึ่งให้ พร้อมกับบอกว่าคุณหนูเหนียนอีหลานเลือกให้นางด้วยตนเอง
เหนียนยวี่มองดูเสื้อผ้า ยกยิ้มอย่างรู้ทัน มิเอ่ยปฏิเสธ พร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณฟางเหอ และสวมชุดนั้น
รถม้าของจวนมู่อ๋องรออยู่ด้านนอกประตูจวนเหนียนั้แ่เช้า เหนียนยวี่ออกมาจากลานเซียนหลาน ก้าวเดินตรงไปยังประตูใหญ่ ยามที่นางเดินผ่านเรือนหรูอี้ บังเอิญเจอกับจ้าวอิ้งเสวี่ยที่มีสาวใช้คอยประคองออกไปอย่างพอดิบพอดี
สองสายตามองสบกันผ่านผ้าบาง เหนียนยวี่ย่อเข่าคำนับให้นางอย่างไม่รีบร้อน "เหนียนยวี่ขอคารวะท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเ้าค่ะ"
นางเป็บุตรีของอนุ ครั้นต้องประจันหน้ากับท่านหญิง การคารวะนางถือเป็กฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง
"เหนียนยวี่หรือ? เ้าคือเหนียนยวี่งั้นหรือ? " จ้าวอิ้งเสวี่ยมองประเมินร่างบางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานจึงเอ่ยกล่าวออกมาอย่างราบเรียบว่า "คุณหนูรองรีบไปเถิด หากวันหน้ามีเวลา โปรดอย่าลืมมานั่งเล่นที่เรือนหรูอี้ของข้าบ้าง"
หลังจากเอ่ยจบจ้าวอิ้งเสวี่ยหันหลังและเดินออกไป
เหนียนยวี่จ้องมองแผ่นหลังของจ้าวอิ้งเสวี่ย ชาติก่อน ความรู้สึกของนางที่มีต่อสตรีผู้นี้นั้นซับซ้อนยุ่งเหยิง นางทั้งเห็นอกเห็นใจและเคียดแค้นในเวลาเดียวกัน ทว่าชาตินี้...
พวกนางเหมือนจะมาเพื่อแก้แค้นตามประสาคนหัวอกเดียวกัน มิใช่หรือ?
อย่างไรเสีย ครั้นเหนียนยวี่ได้ยินน้ำเสียงของจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อครู่นี้แล้ว นางเก็บมาครุ่นคิดอย่างละเอียด นางรู้สึกประหลาดใจไปครู่หนึ่ง ทว่าก็ยังคงคาดหวัง
ดูเหมือน จ้าวอิ้งเสวี่ยจะควบคุมหลายสิ่งหลายอย่างในจวนเหนียนไว้ได้แล้ว!
ไปลองนั่งเล่นที่เรือนหรูอี้ของนางงั้นหรือ?
บางทีนางควรหาเวลาไปลองดู!
เมื่อนึกถึงงานเลี้ยงของมู่อ๋องจ้าวอี้ในวันนี้ เหนียนยวี่ไม่รีรอ นางรีบออกจากจวนเหนียนไปขึ้นรถม้าทันที
จวนมู่อ๋องตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองชุ่นเทียน อยู่ไม่ไกลจากวังหลวง และอยู่ห่างจากจวนแม่ทัพเพียงถนนเดียวเท่านั้น
ยามที่รถม้าแล่นผ่านจวนแม่ทัพ เหนียนยวี่ผุดคิดถึงฉู่ชิง นางเปิดม่านออก ทว่านางเองก็มิคาดคิดเลยว่าจะประจวบเหมาะได้เห็นบุรุษชุดดำท่วงท่าแข็งแกร่งกำลังขึ้นควบหลังม้าอย่างคล่องแคล่วพอดี ในใจของเหนียนยวี่สั่นไหว นางรู้สึกราวกับจะตกอยู่ในภวังค์ มือไม้รีบปิดม่านรถม้าทันที
แม้นจะปิดม่านลงอย่างรวดเร็วเพียงใดก็ตาม ทว่าฉู่ชิงนั้นเห็นนางเข้าแล้ว
คิ้วหนาภายใต้หน้ากากขมวดมุ่นเล็กน้อย เฝ้ามองรถม้าแล่นผ่านหน้าตนเองไป ท้ายที่สุดก็หยุดลงที่หน้าจวนมู่อ๋อง
"วันนี้จวนมู่อ๋องมีเื่อะไรหรือ?" ฉู่ชิงถามข้ารับใช้ที่ติดตามมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ข้ารับใช้ผู้นั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากตอบว่า “เมื่อวานข้าน้อยได้ยินมาจากบ่าวรับใช้ในจวนมู่อ๋องพูดกันว่า วันนี้ท่านอ๋องมู่จะจัดงานเลี้ยงที่จวนอ๋องขอรับ เพียงแค่ไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่เป็ผู้โชคดีที่ทำให้มู่อ๋องจัดงานเลี้ยงในจวนได้ขอรับ”
มู่อ๋องมีมิตรสหายมากมาย ทว่าเขาไม่ชอบเชื้อเชิญผู้คนมาที่จวนของเขานัก แต่วันนี้ไม่รู้ว่าผู้ใดที่เป็กรณีพิเศษนี้ของเขา
ฉู่ชิงมองสตรีที่ลงจากรถม้า ดวงตาเฉียบแหลมคู่นั้นหรี่ลง
ตอนแรกก็ทำให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหออยากรับนางเป็บุตรีบุญธรรม จากนั้นก็เป็หลีอ๋องจ้าวเยี่ยน และตอนนี้ยังมีมู่อ๋องจ้าวอี้เพิ่มขึ้นมาอีกคน หึ คุณหนูรองแห่งจวนเหนียนผู้นี้ ช่างน่าแปลกใจจนทำให้ผู้คนต้องมองใหม่แล้วจริงๆ !
เหนียนยวี่ลงจากรถม้า ก้าวเดินเข้าไปในจวนมู่อ๋องอย่างสุขุม ทว่าในใจกลับะโโลดเต้นอย่างไม่มีเหตุผล
นางรับรู้ถึงสายตาของฉู่ชิงมาโดยตลอดว่าเขาคอยเฝ้ามองนางอยู่ แววตาของบุรุษผู้นั้น ช่างแหลมคมยิ่งนัก แม้นอยากจะทำเป็เฉยเมยมากเท่าใด ทว่ากลับรู้สึกลำบากยิ่งนัก!
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในหัวของเหนียนยวี่จึงมีแต่ภาพใบหน้างดงามไร้ที่ติใต้หน้ากากใบนั้น รวมถึงสายตาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เข้าใจ บวกกับประโยคที่เอ่ยเตือนว่า ‘ข้าจับตาดูเ้าอยู่ตลอด’ นั่นอีก เื่ราวเหล่านี้วนเวียนไปมาอยู่ในหัวของนาง ความคิดทั้งหมดจนไม่ทันสังเกตเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา
เหนียนยวี่ชนหน้าอกใครบางคนเข้าอย่างจัง ความเ็ปจากปลายจมูกที่แล่นเข้ามา ทำให้นางได้สติกลับมาทันใด
“ฮ่าๆๆ ข้าบอกแล้วว่า นางต้องชนเป็แน่” จ้าวอี้หัวเราะเสียงดังโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ เขายื่นมือออกมาลูบผมเหนียนยวี่ “เ้าคิดอะไรอยู่หรือ? ถึงได้เหม่อลอยถึงเพียงนี้ ขนาดพวกข้าเรียกเ้าก็ยังไม่ได้ยิน!”
พวกข้าหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว หันมองบุรุษด้านข้างจ้าวอี้ที่อยู่ในชุดสีขาวราวเทพเซียน ประหนึ่งหลุดพ้นจากโลกหล้าอันหยาบโลน ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมรอยยิ้ม แลดูอ่อนโยนและสง่างาม ราบเรียบและสบายตา
จ้าวเยี่ยนหรือ? เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
"เหนียนยวี่คารวะท่านอ๋องมู่ คารวะท่านอ๋องหลีเพคะ" เหนียนยวี่รีบจัดการความรู้สึกอย่างรวดเร็ว นางก้าวไปข้างหน้าและย่อเข่าโค้งคำนับให้ทั้งสองอย่างมีชั้นเชิงจนทำให้ผู้คนหาช่องโหว่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“คารวะอะไรกัน?” จ้าวอี้ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะชอบใกล้ชิดสนิทสนมกับเหนียนยวี่เป็อย่างยิ่ง จ้าวอี้ก้าวเข้าไปยืนขนาบข้างเหนียนยวี่และยกมือขึ้นโอบไหล่นางโดยไม่สนใจสิ่งใด “นามของเ้าถูกบันทึกลงในม้วนหนังสือราชสำนักแล้ว รอเพียงแต่เข้าพิธียกน้ำชา[1] คุกเข่าคำนับ[2] เสด็จป้าชิงเหอเท่านั้น เ้าก็จะได้เป็เปี่ยวเม่ยของเปิ่นหวางแล้ว เปิ่นหวางผู้นี้จะคอยเอาใจใส่ดูแลเ้าเป็อย่างดี"
ท่าทางสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ของจ้าวอี้ที่มีต่อเหนียนยวี่อยู่ในสายตาของจ้าวเยี่ยนตลอดเวลา ชั่วขณะหนึ่งเขาขมวดคิ้วมุ่น สายตาจ้องมองคนทั้งสอง คอยพินิจมองอย่างละเอียด
"พวกเ้า...สนิทกันมากเลยหรือ?" จ้าวเยี่ยนถามออกมาอย่างไม่ระมัดระวัง
"ไม่สนิท"
"แน่นอน"
เหนียนยวี่และจ้าวอี้เอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทว่าคำตอบที่ออกมากลับต่างกันมาก
ทั้งสองสบสายตากัน เหนียนยวี่อยากจะหนีออกจากอ้อมแขนยาวๆ ของจ้าวอี้ ทว่าดูเหมือนจ้าวอี้จงใจจับไหล่นางไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม "สนิทสิ ผู้ใดบอกว่าพวกเราไม่สนิทกัน? สนิทกันั้แ่พบหน้ากันครั้งแรก! ยวี่เอ๋อร์เอ๋ยยวี่เอ๋อร์ เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดเปิ่นหวางไม่เจอเ้าให้เร็วกว่านี้นะ? หากเจอเร็วกว่านี้ เปิ่นหวางคงขอให้เ้ามาจวนมู่อ๋องั้แ่ตอนนั้นแล้วอย่างแน่นอน"
ขอให้มาจวนจิ้นอ๋องงั้นหรือ?
ความหมายในคำพูดของจ้าวอี้นั้นคลุมเครือ ซับซ้อน จึงทำให้ผู้คนอดที่จะจินตนาการไปไกลไม่ได้
เหนียนยวี่อ้าปากค้าง จ้าวอี้ผู้นี้...
"ท่านอ๋องมู่ ท่านอย่าล้อเล่นกับเหนียนยวี่เลยเพคะ" เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกล้ำกลืนเล็กน้อย
"ไม่ได้ล้อเล่น" จ้าวอี้แย้มยิ้ม "วันนี้เ้าเป็แขกคนสำคัญของข้า"
จ้าวเยี่ยนเฝ้ามองความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่างเงียบๆ ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน ทว่าไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
จ้าวอี้ลากเหนียนยวี่ไปเดินชมจวนมู่อ๋อง
ชาติก่อนเหนียนยวี่เคยมาเยือนจวนมู่อ๋องครั้งหนึ่ง ยามนั้นความดีความชอบในการจัดตั้งกองทัพของนางดังเลื่องลือไปทั่วแล้ว นางได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้หยวนเต๋อให้เป็แม่ทัพทหารม้า ครานั้นนางมากับจ้าวเยี่ยน ครานี้ถือว่าได้กลับมาเยือนสถานที่เก่า ทว่าไม่ว่าจะผู้คนหรือจิตใจล้วนอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างไปจากเดิมแล้ว
ภายในจวนมู่อ๋อง มีทะเลสาบขนาดใหญ่ ณ กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปไกลนัก จากตรงนี้เห็นเป็เพียงจุดเล็กๆ จุดหนึ่งเท่านั้น
เหนียนยวี่นึกไม่ถึงเลยว่า จ้าวอี้จะจัดงานเลี้ยงที่เกาะใจกลางทะเลสาบนั่น
บนเรือที่ไปยังเกาะใจกลางทะเลสาบ เหนียนยวี่นั่งอยู่บนหัวเรือ หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนพายเรือด้วยตัวเอง บนเรือมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แท้จริงแล้วนางไม่อยากอยู่ตามลำพังกับบุรุษผู้นี้เลย
ทว่าบังเอิญจ้าวอี้ที่มีนิสัยรักอิสระคล่องแคล่วผู้นั้น อยู่ดีๆ เกิดอยากจะไปหยิบสุรามาด้วยตัวเองขึ้นมา
" หยกที่ข้าส่งไปให้เมื่อสองสามวันมานี้ เ้าชอบหรือไม่?
เหนียนยวี่ที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เสียงของจ้าวเยี่ยนพลันดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงนั้นดังเข้าคู่กับเสียงของสายวารี ฟังดูไพเราะน่าฟังอย่างแปลกประหลาด เหมือนดั่งเช่นเสียงแต่ก่อนที่เขาเคยกระซิบข้างหูนางมานับไม่ถ้วน ตามประสาคนรัก...
เชิงอรรถ
[1] พิธียกน้ำชา แปลว่าทำความรู้จัก จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงการให้ความเคารพผู้ใหญ่
[2] คุกเข่าคำนับ ในที่นี้ คือการคุกเข่าคำนับแบบแนบกับพื้น