“ท่านพี่กล่าวล้อเล่นแล้ว คุณชายอะไรที่ไหนกัน?” เหนียนยวี่รีบปฏิเสธอย่างร้อนรน "ท่านพี่เื่นี้จะเล็กหรือใหญ่ ท่านอย่าพูดส่งเดชให้เหนียนยวี่เสียหายเลยเ้าค่ะ!"
เหนียนอีหลานยิ่งไม่เชื่อ จ้องมองเหนียนยวี่อย่างจับผิด"ยวี่เอ๋อร์ กับข้าเ้าก็ยังไม่ยอมพูดความจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเ้าบอกมาว่าข้าเป็อะไรสำหรับเ้า?"เกรงว่ามันจะไม่ใช่เื่ง่าย
“แน่นอนว่าท่านพี่ดีต่อยวี่เอ๋อร์ยิ่งนัก” เหนียนยวี่คลายความตื่นตระหนก ยิ้มอย่างอ่อนโยน “โดยทั่วไปก็นับว่าดี”
"เช่นนั้นเ้าก็ยังจะปิดบังข้า?" หนียนอีหลานดูอารมณ์เสียเล็กน้อย นางปล่อยมือออกจากเหนียนยวี่และกลับไปนั่งบนเก้าอี้
“ยวี่เอ๋อร์จะกล้าที่จะปิดบังพี่สาวได้อย่างไรกล่องใบนี้...ยวี่เอ๋อร์ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ใดเป็คนส่งมันมา!” เหนียนยวี่ขมวดคิ้วใบหน้าดูจริงใจ นางไม่ได้โกหก กล่องที่มีกริชและกล่องที่มีเครื่องประดับหยกเหมือนกันทุกประการอย่างคาดไม่ถึง นี่ใช่เื่บังเอิญหรือ?
เหนียนยวี่นึกถึงฉู่ชิงเกรงว่ามันไม่จะไม่ใช่เื่ง่ายที่บังเอิญขนาดนี้!
และตอนนี้ นางไม่รู้จริงๆว่าจะมีอะไรอยู่ข้างในกล่องที่อยู่บนโต๊ะกันแน่
เหนียนอีหลานเหลือบมองเหนียนยวี่ ราวกับว่ากำลังสำรวจบางอย่างชั่วครู่รอยยิ้มบนใบหน้างดงามก็เผยอีกครา "เอาล่ะเช่นนั้นเ้าก็เปิดกล่องตรงหน้าข้าดู เป็อย่างไร?"
เปิดกล่องหรือ? นางอยากรู้อยากเห็นมากเช่นนี้เลยหรือ?
"ย่อมได้เ้าค่ะ" เหนียนยวี่ไม่ปฏิเสธก้าวไปข้างหน้าและหยิบกล่องขึ้นมา สายตาของของเหนียนอีหลานจับจ้องอยู่ที่กล่องมือของนางกำแน่น หัวใจกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูก
เหนียนยวี่เห็นทุกสิ่งในสายตา หึ พี่สาวผู้นี้ช่างเอาใจใส่ข้าเสียจริง!
เสียงเปิดกล่องดังขึ้น ในกล่องมีกริชเล่มหนึ่ง ประณีตเล็กกะทัดรัดภายใต้แสงสะท้อนของแสงแดด กระทบเข้าดวงตาเยือกเย็นของเหนียนยวี่พอดี เหนียนอีหลานกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวทันที
"เหนียนยวี่ บังอาจ! เ้า..." ฟางเหอเร่งรีบเข้าไปปกป้องทันทีะโออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ
ทว่าเหนียนอีหลานกลับจ้องฟางเหอเขม็งทันที “เ้าหมาทาส! กล้าเรียกชื่อเหนียนยวี่ตรงๆ หรือ? นางเป็น้องสาวข้า คุณหนูรองแห่งจวนเหนียนถ้าหลังจากนี้ข้ายังเห็นเ้าไร้มารยาทเช่นนี้อีก ข้าจะส่งตัวเ้าให้ท่านแม่ลงโทษ ”
ฟางเหอใแลมึนงงคุณหนูมิได้เรียกลับหลังอยู่ตลอดหรือว่าหญิงสารเลวโสเภณี?
"บ่าวผิดไปแล้วเ้าค่ะ บ่าวมิกล้าแล้ว"ฟางเหอยอมรับผิดอย่างหวาดกลัวและเชื่อฟังในทันที
เหนียนอีหลานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางเบนสายตามองเหนียนยวี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ "น้องยวี่เอ๋อร์สาวรับใช้คนนี้ไม่เข้าใจเื่ราว เ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ"
"จะใส่ใจได้อย่างไรเ้าคะ?" เหนียนยวี่หัวเราะเบาๆ
เหนียนอีหลานหันกลับมาสนใจของในกล่องอย่างรวดเร็ว กริชงั้นหรือ? มันเป็กริชจริงๆ เสียด้วย!
นี่เป็สิ่งที่อย่างไรนางก็ไม่เคยคิดถึง
ผู้ใดจะให้กริชแก่สตรีกัน?
"ฮ่าๆๆ ผู้ใดกันช่างน่าสนใจยิ่งนัก? กล่องพวกนั้นก็เป็กริชทั้งหมดเลยหรือ?" เหนียนอีหลานถามราวกับไร้เจตนาหยั่งเชิง "แต่กริชนี้งดงามมากมู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยส่งมาให้หรือ?"
มู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยหรือ?
มือของเหนียนยวี่สั่นเล็กน้อย วันนั้นที่เก้งริมน้ำในลานหลังจวนนางอยู่กับจ้าวอี้ตามลำพัง สุดท้ายก็ถูกเหนียนอีหลานรู้เข้าให้แล้วหรือ?
"จะเป็ไปได้อย่างไรเ้าคะ? มู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยจะส่งของมาให้ข้าได้อย่างไร?" เหนียนยวี่เอ่ยปากปฏิเสธไม่ช้าไม่เร็วนัก
เหนียนอีหลานจะยอมเชื่อได้อย่างไร?
หลังจากที่เหนียนยวี่กลับมาแต่งกายเป็เด็กสาวนางแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่ว่านางจะติดต่อกับใคร รวมถึงคนที่เคยติดต่อทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือของนาง ทุกวันนี้ นอกจากมู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ไม่มีผู้ใดแล้ว...
นางไม่พลาดสังเกตเห็นท่าทีตอบสนองเล็กๆ น้อยๆ ของเหนียนยวี่เมื่อครู่นี้ยิ่งทำให้นางเชื่อว่าของพวกนี้เป็ของที่จ้าวอี้ส่งมาให้
ความริษยาปะทุขึ้นในหัวใจอย่างมิอาจควบคุมได้เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเหนียนยวี่ นางจำได้ว่าตอนที่เหนียนยวี่เพิ่งกลับมาแต่งกายเป็เด็กสาวยามนั้นนางยังผอมมาก ทว่ายามนี้บำรุงจนดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้วใบหน้านั่นก็ดูงดงามขึ้นมาก
เมื่อนึกถึงการกระทำที่แสดงถึงความสนิทสนมของเหนียนยวี่และมู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยที่นางเห็นด้วยตาตนเองในวันนั้นมือของเหนียนอีหลานก็กำผ้าเช็ดหน้าปักลายแน่นขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านพี่ชอบกริชเล่มนี้หรือ? หากท่านพี่ชอบ ยวี่เอ๋อร์จะมอบให้ท่านพี่ต่อเ้าค่ะ"เหนียนอีหลานเอ่ยพลางยื่นกล่องในมือให้เหนียนอีหลาน
เหนียนอีหลานกลับมารู้สึกตัวทันที เพียงชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาทำท่าทางน่ารักมีเสน่ห์ใสซื่อเช่นวันนั้นอีกครั้ง“นี่เป็ของที่มีคนมอบให้น้อง ข้าจะแย่งสิ่งที่คนอื่นหวงแหนได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากจะเฉลิมฉลองอะไรดีๆ เสียหน่อยน้องเติบโตได้งดงามจับใจภายภาคหน้าจวนของพวกเราคงมีคุณชายมาสู่ขอมากมายจนธรณีประตูพังเป็แน่”
เหนียนยวี่ยิ้มนิดหัวเราะหน่อย ไม่กล่าวอะไร
เหนียนอีหลานยังกล่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรักลึกซึ้งระหว่างน้องสาวพี่สาวเหนียนยวี่เองก็ร่วมเล่นงิ้วนี้เป็เพื่อนนางงิ้วเื่ราวความรักระหว่างพี่สาวและน้องสาว เหนียนอีหลานทำได้เหนียนยวี่เองก็เรียนรู้ที่จะทำได้เช่นกัน!
หลังจากวันนี้ เหนียนอีหลานจะไปมาหาสู่นางเป็ประจำมากขึ้น
ทุกวันนาง้าทำเื่อะไร นางก็จะลากเหนียนยวี่ไปด้วยรวมถึงพาไปพบปะพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนและหนานกงเยวี่ย
ที่นั่นฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนยังคงมองเหนียนยวี่เป็อากาศทุกครั้งที่ไปพบเพื่อพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ นางทำเพียงเหลือบมองเหนียนยวี่แล้วหันไปพูดคุยกับเหนียนอีหลานอย่างอบอุ่นต่อทันทีปากหวานของเหนียนอีหลานทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนหัวเราะเสียงดังสนุกสนานเสมอ
ส่วนทางหนานกงเยวี่ยเหมือนจะใช้พลังงานที่นางมีทั้งหมดไปกับท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยแล้ว อีกทั้งยังมีเหนียนเย่าที่สั่งไว้เป็พิเศษอีกดังนั้นหนานกงเยวี่ยจึงไม่กล้ากำเริบเสิบสานกับเหนียนยวี่
ทว่าทุกครั้งสายตาของหนานกงเยวี่ยที่มองมาที่นาง ล้วนอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังอันแรงกล้า
นางอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่งั้แ่จำความได้นางก็พบว่าหนานกงเยวี่ยเกลียดนาง ทว่าความเกลียดชังนี้มาจากแห่งหนใดกัน?
เหนียนยวี่คาดเดามากมายในใจและสิ่งเดียวที่สมเหตุสมผลคือมารดาของนาง!
ในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้หนานกงเยวี่ยเกลียดมารดาของนางมากจนกระทั่งเกลียดชังนางเข้ากระดูก?
ทั่วทั้งจวนเหนียนนำเื่มารดาของนางเป็เื่ต้องห้ามทว่านางรู้ว่าอนุสามเซวียอวี่โหรวเป็จุดอ่อนที่จะทำให้นางรู้เื่นี้
ในวันนี้วังหลวงส่งขันทีให้มาแจ้งให้คุณหนูรองไปราชสำนักสามวันหลังจากนี้จะจัดพิธีบวงสรวงยังมีเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ฮองเฮาอวี่เหวินส่งมาพร้อมกับขันทีอีกด้วย
ข่าวนี้ลามไปถึงตระกูลเหนียนทุกคนในตระกูลเหนียนต่างมีความคิดแตกต่างกันไป
อากาศร้อน ในฤดูคิมหันต์ ่พลบค่ำ ณ ศาลาตรงลานหลังจวนเหนียนอนุสามนั่งตากอากาศอยู่
"่นี้จวนเหนียนของเรามีเื่มงคลเกิดขึ้นเรื่อยๆ เลย"น้ำเสียงของอนุสองลู่ซิวหรงยังคงแหลมเช่นเดิมดั่งที่เป็ตลอดมา"ทั้งเื่สมรสกับท่านหญิง ทั้งเื่ที่กลายเป็ธิดาบุญธรรมขององค์หญิง ฮ่าๆๆ..."
“มิใช่หรือ?” สวีหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ที่สุดแล้วก็ยังตัดสินใจไม่ได้ นางหันมองลู่ซิวหรงและลองหยั่งเชิงถามว่า “พี่ลู่เมื่อก่อนคุณหนูรองโดนข่มเหงรังแกจากฮูหยิน พวกเราทำเพียงแค่เฝ้ามองมิได้ช่วยอะไรเลย พี่ว่าคุณหนูรองหลังจากกลายเป็ธิดาบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่แล้วจะอาศัยตำแหน่งนั้นพาลใส่พวกเรา แก้แค้นที่เคยได้รับความยากลำบากตอนอยู่ในจวนเหนียนหรือไม่? มิเช่นนั้นพวกเราลองส่งของขวัญไปทักทายพี่ลู่ดูสิคุณหนูใหญ่ผู้นั้นที่รับคุณหนูรองไปอาศัยอยู่ในลานเรือนของตัวเองท่าทางรักมั่นฉันพี่สาวน้องสาว พวกเราชักช้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว! "
"ของขวัญหรือ?" ลู่ซิวหรงเหลือบมองสวีหว่านเอ๋อร์ "น้องสวีเ้าโง่หรือเปล่า"
สีหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที "พี่ลู่พี่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"
"เหอะ..." ลู่ซิวหรงเยาะเย้ยเหยียดหยาม "เ้าอย่าลืมเสียล่ะว่าจวนเหนียนของพวกเรายังมีคนที่ยากจะรับมืออีกหนึ่งคน"
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหรือ?
สวีหว่านเอ๋อร์สะดุ้งใทันที
เมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของสวีหว่านเอ๋อร์ ลู่ซิวหรงก็กล่าวต่อว่า“เ้าคิดว่าจวนเหนียนของเรามีความลับที่ปิดบังไว้อยู่หรือไม่? ยามนี้คุณหนูรองที่พักอยู่ที่ลานเซียนหลาน แค่เ้าก้าวขาเข้าไปลานเซียนหลานเกรงว่าท่านหญิงก็คงจะรู้ได้ทันทีเ้าเองก็รู้ว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเกลียดชังคุณชายใหญ่กับฮูหยินมากแค่ไหนเ้ากลัวคุณหนูรองโกรธ แล้วไม่กลัวท่านหญิงอิ้งเสวี่ยโกรธหรือ?”
สวีหว่านเอ๋อร์ฟังลู่ซิวหรงพูด ดวงตาก็ยิ่งเบิกกว้าง "เช่นนั้นเราแสดงออกไปเช่นนี้ก็ไม่ดีงั้นหรือ?"
“น้องสวีเ้าอยากส่งก็ส่ง ไม่อยากส่งก็ไม่ต้องส่ง”ลู่ซิ่วหรงเลิกคิ้วและยิ้มให้สถานการณ์ยามนี้ของตระกูลเหนียนกล่าวได้ว่าไม่ชัดเจนนักสิ่งเดียวที่สมเหตุสมผลคือทำตัวเช่นเดิม และนั่งดูงิ้วต่อไป “พี่เซวียแล้วท่านเล่า?"
เซวียอวี่โหรวแย้มยิ้มราบเรียบ "อวี่โหรวโง่เขลาไม่เข้าใจเื่พวกนี้นัก"
ลู่ซิวหรงถูกบอกปัดอย่างนิ่มนวล นางฮึมฮัมไม่พอใจ กลอกตาช่างเป็คนที่ไม่แสดงอารมณ์ท่าทีอะไรเลยจริงๆ
สวีหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไรเพียงชั่วขณะก็ลุกขึ้นกล่าวลาและเดินออกไป ก่อนที่นางจะกลับถึงลานเรือนตนเองก็เจอกับสาวใช้ส่วนตัว ''ฮว๋านเหมยเซียง'' พอดี
เมื่อเห็นเหมยเซียง ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ทอประกาย"เป็อย่างไรบ้าง? สถานการณ์ที่นั่นเป็อย่างไรบ้าง?"
“วันนี้เรือนหรูอี้ฝั่งนั้นเงียบสงบเ้าค่ะ ทว่าลานเซียนหลาน…"เหมยเซียงคิดอะไรบางอย่าง ขยับเข้าไปใกล้สวีหว่านเอ๋อร์ และรายงานต่อว่า"เมื่อครู่นี้บ่าวได้ยินมาว่าคนที่มาจากจวนมู่อ๋องมาถ่ายทอดคำพูดของมู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยว่าวันพรุ่งมู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูรองด้วยตัวท่านเองเ้าค่ะ"
"มู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยหรือ?" สวีหว่านเอ๋อร์ประหลาดใจนั่นผู้สืบต่อราชบัลลังก์ที่ฝ่าาตั้งใจไว้นี่!
"เ้าแน่ใจนะว่าเป็งานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูรอง?"
"แน่ใจเ้าค่ะ บ่าวถามมาอย่างดีแล้วเรียกว่าเป็การไปมาหาสู่กันระหว่างลูกพี่ลูกน้อง ทำความคุ้นเคยกันก่อน"
ลูกพี่ลูกน้องหรือ?
ได้ยินว่ามู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยนอกจากจะใกล้ชิดกับหลีอ๋องเตี้ยนเซี่ยแล้ว พระองค์ไม่ได้ใกล้ชิดกับพี่ชายสองคนของตนเองเลยสักนิดยามนี้เหตุใดถึงลงมือเชื่อมความสัมพันธ์กับเหนียนยวี่ด้วยตัวเองถึงขนาดนี้?
บอกว่าเป็ลูกพี่ลูกน้องทว่าผู้ใดจะรู้ว่ามู่อ๋องเตี้ยนเซี่ยแท้จริงแล้วคิดอย่างไร?
ไม่แน่ว่า...