ตูมๆๆ!
เหมือนมีลมบ้าคลั่งโหยหวนจากส่วนลึกของช่องทาง
ในโพรงน้ำแข็งใต้ดินแห่งนี้มีลมแรงพลุกพล่านไปทั่ว ไม่เหมือนกับโพรงน้ำแข็งใต้ภูร้อยพังอีกแล้ว
คราวนี้ เ้าหมาหัวโตปีนป่ายออกมาจากอกเ่ิู มันนั่งยองๆ อยู่บนไหล่ของเขาแล้วมองไปรอบด้านอย่างใคร่รู้
เ่ิูคว้าหัวมันแล้วลูบไล้ เขาด่าหยอกอย่างอดไม่ได้ “เมื่อครู่ตอนเจอเ้าโฉดเยี่ยนปู้หุยเ้าหายไปไหนเสียล่ะ? เ้ากากเดนเอ๊ย เวลาคับขันนี่เก็บตัวเงียบเชียว ตอนนี้ปลอดภัยถึงออกมา แล้วยังตะกละอีก เลี้ยงเ้านี่เปลืองแรงจริงๆ”
“บ๊อกๆ” เ้าหมาน้อยถูไถหัวมันกับเ่ิูอย่างเอาใจ ทั้งยังแลบลิ้นสีชมพูออกมาเลีย มันเหมือนกำลังสารภาพความผิด จากนั้นจึงะโลงมาจากไหล่เ่ิู แล้วกระทืบสองเท้าหลัง ส่ายหางไปมา แล้วเดินตรงไปทางส่วนลึกของช่องทางอย่างมีชีวิตชีวา พริบตาเดียวก็หายไปตรงหัวมุมช่องทางผลึกน้ำแข็งไกลๆ เสียแล้ว
“เฮ้ย? ข้าเพิ่งพูดกับเ้าคำเดียวเ้าก็หนีออกจากบ้านแล้วหรือ?” เ่ิูใหนัก
หรือว่าพูดแทงใจดำมันเข้าแล้ว?
แค่หมาตัวเดียวน่า จะเคร่งครัดศักดิ์ศรีอะไรกันนักหนา
เ่ิูกำลังจะเดินตามไป ยังดีที่เ้าหัวโตเดินไปไม่เท่าไรก็วกกลับมา
เ้าตัวนี้หันมามองเ่ิูด้วยท่าทางแจ่มใสเหมือนเดิม ดวงตาโตๆ ดำสนิทเต็มไปด้วยแววใสซื่อไร้ราคี ดึงดูดสายตาเ่ิูไปอย่างสิ้นเชิง ที่มันยืนส่ายหัวส่ายหางอยู่ตรงนั้น ดวงตากลมโตดำขาวชัดเจน เต็มเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่สุด นั่นคือ้าจะบ่งบอกเ่ิูว่าจะนำทางให้อย่างนั้นหรือ
เ่ิูยืนงง จากนั้นจึงเดินตามไป
หรือว่าเ้านี่จะรู้ทางจริงๆ?
แต่มันไม่เคยมาที่นี่มาก่อนนี่นา
ทว่าไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็ครั้งแรกที่เ้าหมาบื้อตัวนี้อยากทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองอย่างแน่แท้
พอนึกถึงที่มาอันลึกลับของมันแล้ว ท้ายสุดเ่ิูก็ตัดสินใจจะเชื่อมันสักครั้ง ถึงได้ยอมเดินตามไป
เ้าหมาบื้อหัวโตะโโลดเต้นอย่างสดใส
มันเหมือนสายฟ้าะโไปะโกลับ บางคราวก็สูดดมอากาศในช่องทางผลึกน้ำแข็ง เหมือนกับว่ากำลังพยายามแยกแยะอะไรอยู่ ทุกครั้งที่พบทางแยกมันจะหยุดลงแล้วดมฟุดฟิด จากนั้นจึงหาทางเส้นทางหนึ่ง ดูทรงแล้วมีแบบมีแผน ไม่เหมือนตาบอดคลำทาง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หนึ่งคนหนึ่งสุนัขเดินมาสิบห้านาทีเต็ม ล้วนแล้วแต่ไม่พบัหิมะแม้แต่ตัวเดียว
“เอ๋? เ้ารู้ทางจริงๆ ใช่ไหมนี่?”
เ่ิูสุขใจนัก
เป็ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงเอาเลย
ได้ยินแต่ว่าม้าแก่รู้ทาง ไม่นึกว่าเ้าหมาตัวจ้อยนี่จะนำทางกับเขาเป็ด้วย
“ฮ่าๆๆ ไม่นึกเลยว่าตัวกะเปี๊ยกอย่างเ้าจะเป็คนนำทางได้น่ะ” เ่ิูเอ่ยยกยอระหว่างเดินตามไปอย่างใกล้ชิด
“บ๊อกๆ!” เ้าหมาได้ยินเ้านายชมเข้าก็ได้ใจ มันวิ่งวนรอบเ่ิูสองรอบด้วยความเร็ว ถูหน้ากับขากางเกงเ่ิู จากนั้นจึงนำทางต่อไป
ไม่นานทั้งคนทั้งสุนัขก็เดินมาครบครึ่งชั่วยาม
ช่องทางด้านหน้ามีเสียสายลมแรงขึ้นทุกทีๆ
เสียงลมดั่งเสียงฟ้าคำราม ราวกับมีลมพายุฝนฟ้าคะนองอันน่ากลัวกำลังกลั่นตัวและก่อตัวอยู่ในส่วนลึกของโพรงน้ำแข็ง
ลมกรรโชกจากในช่องทางเข้ามา พัดผ่านใบหน้าประหนึ่งคมมีด อีกทั้งยังมีผลึกน้ำแข็งและหิมะปะปนมาด้วย มันชนเข้ากับผนังน้ำแข็งในช่องทางอย่างแน่นขนัด ราวกับว่าโพรงน้ำแข็งแห่งนี้ถูกรุกล้ำด้วยพายุหิมะอันน่ากลัวแล้วจริงๆ หิมะก้อนใหญ่เท่าฝาหม้อ ระดับความแข็งอย่างกับเหล็กกล้าระดมยิงใส่ผนังน้ำแข็ง ทิ้งรอยกลวงโบ๋กว้างเท่ากระดาษขาว จากนั้นจึงจมลึกลงไปไม่อาจเห็นได้อีก
“พายุนี่น่ากลัวนัก หิมะเหมือนอาวุธลับ จอมยุทธ์อาณาพิภพอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่รอดแน่ หากโดนหิมะนี่โจมตีเข้า เนื้อหนังจะฉีกขาดและาเ็สาหัส!”
เ่ิูคีบเอาผลึกน้ำแข็งและปุยหิมะที่พุ่งเข้าหาหน้าอย่างสบายอารมณ์ เขาหักข้อมือะเืทีหนึ่ง จึงรู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่แฝงมา ในใจกำชับตัวเองอย่างเคร่งครัด
เขากระตุ้นพลังภายใน ม่านหุ้มไร้รูปร่างก็เปิดคลุมอยู่รอบกาย ะเิก้อนหิมะและผลึกน้ำแข็งที่พุ่งใส่หน้าอย่างกับห่าฝนฤดูใบไม้ร่วงจนหมดสิ้น
เ้าหมาหัวโตกลับไม่ตื่นกลัวพายุหิมะน่าครั่นคร้ามนี้เอาเลย แม้หิมะและน้ำแข็งจะพุ่งพรวดมาเฉียดร่างกายเล็กๆ น่ารักนั่นสักเท่าใด ก็ไม่มีวันจะััตัวมันได้
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางพายุหิมะ
เดินไปเดินมา เ่ิูก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
“ไม่ใช่สิ ตามทฤษฏีแล้ว ในโพรงน้ำแข็งอากาศต้องอยู่ในสภาวะเงียบสงบ ไม่มีทางเคลื่อนไหวอะไรกะทันหันได้เช่นนี้ แต่ในช่องทางโพรงหิมะนี่ทำไมถึงมีพายุหิมะน่ากลัวเกิดขึ้นได้...หรือว่าใกล้จะถึงปากทางออก เป็ภูมิประเทศที่รับลมอย่างนั้นหรือ?”
เ่ิูตรึกตรองในใจ อดระแวงขึ้นมาบ้างมิได้
แต่เ้าหัวโตกลับตื่นเต้นขึ้นทุกย่างก้าว มันโลดโผนโจนทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เ่ิูรีบตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
เดินมาอีกสิบห้านาที
พายุหิมะนับวินาทีจะยิ่งแรงขึ้น
ชักจะกินแรงเ่ิูไปทีละเล็กละน้อย
เขาต้องกระตุ้นกำลังภายในทั้งหมดเพื่อเดินต่อไปทีละก้าวๆ ฝีเท้าช้าลง ช่องทางผลึกน้ำแข็งมีพายุแรงกล้าขึ้นทุกวินาที มันน่ากลัว หากพายุแรงระดับนี้เกิดขึ้นที่เบื้องบนย่อมต้องโค่นต้นไม้อายุพันปีได้เป็แน่ หากทหารเข้าโรมรันกันในสภาพอากาศเช่นนี้ มีความเป็ไปได้มากที่อาจต้องตายกันเกลื่อนกลาด
“บ๊อกๆๆ”
เ้าหัวโตส่งเสียงดีใจมา
เ่ิูใจเต้น เขารีบเร่งฝีเท้าตามไป
พายุหิมะตรงหน้ารุนแรงและพัดโหม ยามรวบรวมกำลังเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว กายเนื้อกลับเบาหวิว ั์ตาพร่าบอด
เ่ิูตะแคงข้าง เขามองไปโดยรอบถึงได้พบว่ามาถึงปากทางช่องทางโพรงน้ำแข็งแล้ว ผลึกน้ำแข็งใต้พิภพขนาดั์หาใดเปรียบมิได้ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขาอีกแล้ว ทางกว้างยาวพันเมตร ราวกับพระราชวังของั์ เขายืนอยู่บนโขดน้ำแข็งมันวาวและเรียบก้อนหนึ่ง ไกลออกไปนั้นมีพายุผลึกน้ำแข็งสีขาวสองลูกกำลังวนเวียนและคดเคี้ยวไม่จบไม่สิ้น ราวเป็ัเงินสองตน กำเนิดจากช่องทางผลึกน้ำแข็งที่เด็กหนุ่มเพิ่งเดินออกมา
เขาเดินตามพายุผลึกสองลูกนั้นไป...
เ่ิูงงงวยในบัดดล
“นั่นอะไรน่ะ...์ช่วย หรือว่า...ัหิมะหลับอยู่?”
ด้านล่างนั้นมีสัตว์ขนาดมหึมากำลังเหยียดกายนอนเงียบเชียบ ร่างกายของมันราวกับกำแพงเมืองจีนสีขาวอันคดเคี้ยวและวนเวียน มันยาวพันเมตร ราวกับงูเหลือมขดกาย มองผ่านๆ นึกว่าูเาน้ำแข็ง เป็การโจมตีทางสายตาแก่ผู้พบเห็นอย่างยากจะเปรียบเปรยได้ เมื่อมองอย่างละเอียดอีกทีจะพบว่า สัตว์ขนาดมโหฬารนี้รูปร่างดั่งั เกราะเกล็ดผลึกน้ำแข็งสีเงินละเอียดแ่า ระยิบระยับเป็แสงประหลาดตา ด้านหลังมีครีบน้ำแข็งเรียงตัวกันราวกับใบมีด คมกริบเช่นเดียวกัน เพราะกำลังนอนขดอยู่จึงมองไม่เห็นกรงเล็บั ทว่าส่วนหัวนั้นกลับชัดเจนราวกับัตัวจริง ตำนานว่าัเทพตัวจริงนั้นใบหน้าเป็ม้า จมูกหมู ปากโค เขากวาง หนวดปู ัหิมะตัวนี้ช่างธรรมดาไม่มีอะไรแปลก...
และพายุผลึกหิมะนั้นก็ถูกพ่นออกมาจากรูจมูกของัหิมะเป็ระลอก
ที่แท้พายุหิมะนี้เป็เพราะมันหายใจอยู่นั่นเอง
น่ากลัว!
เป็สัตว์ประเภทไหนกันนะ
แน่ล่ะว่าเคยเห็นภาพัหิมะในตำรามาก่อน แต่นั่นมันก็แค่ภาพเท่านั้น พอมาเห็นัตัวเป็ๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า เ่ิูยังคงใอย่างแรงอยู่ดีนั่นแหละ
ยิ่งใหญ่ ลึกลับ สูงส่ง แกร่งกล้า...
เ่ิูผุดคำพวกนี้ขึ้นมาในทะเลสำนึก
จากนั้นปฏิกิริยาของเขาก็คือรีบหันหลังวิ่งหนี
ในชั้นน้ำแข็งใต้ดินเช่นนี้ เมื่อเจอัหิมะวัยหนุ่มตัวเป็ๆ น่ากลัวว่ากระทั่งเยี่ยนปู้หุยผู้แข็งแกร่งระดับนั้นอาจยังต้องปวดหัว นับประสาอะไรกับเ่ิู?
เขารู้ในทันทีว่าจะถูกบดขยี้ได้ในชั่วพริบตา
ทว่าต่อมา เ่ิูก็พบว่าเ้าัหิมะตัวนี้ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา
มันกำลังหลับ
ตำนานเล่าว่า ัหิมะเป็สัตว์ที่วิเศษมาก ไม่เพียงเพราะมักจะใช้ชีวิตอยู่ในชั้นน้ำแข็งเท่านั้น แต่เป็เพราะเวลาในชีวิตของมันหมดไปกับการนอนถึงสองในสามส่วน หากไม่ใช่เวลาเพื่อปากท้องหรืออพยพ พวกมันจะไม่มีทางตื่นขึ้นมาเด็ดขาด ใช้ชีวิตอันยาวนานที่ต้องผ่านไปได้ด้วยการนอนเท่านั้น
หากไม่เกิดเื่ที่คุกคามชีวิตัหิมะแล้วไซร้ หรือว่าทำเสียงเอะอะจนตื่น ก็น้อยนักที่พวกมันจะตื่นขึ้นมา
“บ๊อกๆ” เ้าหัวโตะโโหยงเหยง ใช้จมูกยื่นไปที่ัหิมะที่หลับสนิทเบื้องล่าง ท่าทางเอาความดีความชอบ
เ่ิูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาใช้สายตาเหมือนอยากฆ่าคนเขม็งมองเ้าหมาบื้อ
เ้าหลอกลวงโง่บรม
ข้าให้เ้าหาทางหลีกเลี่ยงัหิมะออกไปจากที่นี่ เ้ากลับดมกลิ่นัหิมะ พาข้ามาเจอกับัหิมะที่นอนจำศีลตัวเป็ๆ
ไอ้เวรตะไล วางแผนฆ่าเ้านายตัวเองอยู่ใช่ไหมหา?
หรือว่าเพราะข้าทรมานเ้า ไม่ให้เ้ากินก่อนหน้านี้ใช่ไหม?
เ่ิูอยากจะปรี่เข้าไปบีบเ้าหมาบื้อให้ตายคามือนัก
ใครจะรู้ว่าเ้าหมาลิงโลดนี้ใช้จมูกยื่นไปยังัหิมะที่หลับสนิทด้านล่าง ปากเปล่งโทนเสียงประหลาดออกมา
เ่ิูฟังแล้วเหมือนโดนฟ้าผ่า เขายืนงงอย่างหมดรูป
หมาบื้อมองเ้านายอย่างไม่เข้าใจ มันส่งเสียงขึ้นอีกรอบ “บ๊อกๆ กิน อร่อย...”
เ่ิูนิ่งไปหลายสิบอึดใจ จากนั้นถึงะโโหยงเหมือนกระต่ายโดนเหยียบหาง เขาคว้าเ้าหมาบื้อเอาไว้ ขยี้ั้แ่หัวจรดหาง แล้วโพล่งอย่างตระหนก “ข้าได้ยินอะไร เ้าพูดได้หรือ? เ้าพูดแล้วจริงๆ ด้วย เ้าไปเรียนภาษาคนมาตอนไหน เ้า...ปีศาจชัดๆ!”
เ้าหมาบื้อหัวโต พูดภาษาคนได้แล้วจริงๆ
เ่ิูนั้นแม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยฝัน
“บ๊อกๆ เจ็บ...” หัวโตแทบจะถูกเ่ิูบีบเป็ก้อนอยู่แล้ว มันดิ้นรนอย่างลำบาก ลำคอเปล่งออกมาเป็คำ
เ่ิูมองมันเหมือนมองผี ครู่ต่อมาถึงได้เชื่อว่าเ้าตัวนี้พูดได้แล้วจริงๆ
กลายเป็หยินแล้ว!
หรือว่าเพราะเมื่อก่อนกินมากนักถึงได้สูบเอาพลังงานไว้มาก จากนั้นพอผ่าน่จำศีลจึงมีพัฒนาการขึ้น?
คิดถึงตรงนี้เ่ิูพลันโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
ไอ้เวรเอ๊ย
กินล้างกินผลาญขนาดนั้นแล้วพัฒนาทักษะการพูดได้ไก่กา เฮ้ย ข้าเลี้ยงเ้าเป็สัตว์านะ ทำไมไม่พัฒนาทักษะอย่างอื่นเล่า เช่น บินบนฟ้าหรือดำดินบ้าง นำทางเ้ายังนำทางผิด เ้าพูดได้แล้วอย่างไรกันเล่า หรือว่าจะทำเป็ปากตะไกรพูดเย้ยหยันข้าตอนสู้ศึกงั้นเรอะ?
เป็สัตว์าขี้แพ้เสียจริง!
หลังตระหนกอยู่นาน ก็กลายเป็ความผิดหวังครั้งมโหฬารแทน
แต่ว่าเป็ที่แน่ชัดแล้วว่า เ้าหมาหัวโตจอมบื้อนี้ไม่ได้รู้สึกถึงความคิดด้านลบร้อยแปดพันเก้าของเ้านายเอาเลย
มันะโลงจากมือเ่ิูอย่างยากลำบาก มันชี้ัหิมะด้านล่างอีกครั้ง ยังพูดด้วยอาการรอรับความดีความชอบ “กิน อร่อย...”