หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเรียบร้อยก็ได้เวลาไปจากตระกูลกู้แล้ว นางกับเสิ่นเยี่ยนเดินออกมาขึ้นรถม้าโดยมีกู้เจิ้งชินกับแม่เฒ่าซุนเดินมาส่งพวกเขาที่หน้าประตู
กู้เจิ้งชินยืนส่งนางจนรถม้าเคลื่อนตัวออกไปได้ระยะหนึ่งถึงได้หันหลังกลับเข้าบ้านในบรรดาพี่น้องทั้งสามนั้น มีเพียงกู้เจิ้งชินที่เห็นนางเป็พี่และให้ความสนิทสนมกับนางอย่างจริงใจ
ท่าทางการนั่งของเสิ่นเยี่ยนนั้นสำรวมมาก เขานั่งหลังตรงสองมือวางลงบนหัวเข่า กู้เจิงเองก็นั่งอย่างมีมารยาทเช่นกัน บทสนทนาเมื่อเช้าที่เสิ่นเยี่ยนให้นางเลิกเสแสร้งถ้าให้นางเลิกเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่เขา้าป่านนี้นางก็คงนั่งไหลตัวอยู่บนรถม้า ไม่มานั่งตัวเกร็งอยู่แบบนี้หรอกแต่ถ้าเขาเห็นท่าทางแบบนั้นของนาง มีหรือจะไม่ตำหนินางออกมาต้องทำแบบไหนกันให้ชายคนนี้เลิกจับผิดนาง
เสิ่นเยี่ยนหลับตาลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ตลอดทางขากลับทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันกู้เจิงเลิกม่านขึ้นมองคนเดินผ่านไปมาบนถนนนางไม่เคยได้ออกจากบ้านมาเดินเล่นไปตามถนน นางอยากออกมาเที่ยวเล่นบ้างเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็คนในตระกูลกู้ท่านพ่อไม่เคยให้นางออกมาเที่ยวเล่นเลยแต่ตอนนี้นางอาจจะพอมีโอกาส
นี่เป็ข้อดีที่ได้แต่งงานกับครอบครัวชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ต้องถือกฎระเบียบมากมายนัก
เสิ่นเยี่ยนลืมตาขึ้นก็เห็นภรรยาเลิกม่านนั่งมองผู้คนอยู่ริมหน้าต่างรถม้านิ้วมือเรียวยาวกำลังเคาะบนต้นขาเป็จังหวะ ตอนนี้นางคงกำลังอารมณ์ดี
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้านก็เห็นแม่สามีกำลังควบคุมบ่าวให้ขนย้ายชั้นหนังสือออกจากเรือนหอของพวกเขาพอเห็นพวกเขากลับมา นายหญิงเสิ่นก็ยิ้มพูดว่า “พ่อของพวกเ้าซื้อเรือนเล็กข้างๆ มาทำเป็ห้องหนังสือของอาเยี่ยนจะได้ไม่รบกวนอาเจิงเวลานอนพักตอนกลางวัน”
กู้เจิงก็รู้สึกผิดอยู่บ้างเมื่อวานนางไปนอนกลางวันอยู่ที่ห้องของชุนหง คิดไม่ถึงว่าแม่สามีจะรู้เห็น
เสิ่นเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินเข้าไปช่วย
กู้เจิงกับชุนหงก็เข้าไปช่วยเช่นกัน
เมื่อย้ายชั้นหนังสือออกไปห้องนอนก็โล่งโปร่งขึ้นมากู้เจิงกระโจนขึ้นเตียง มุดเข้าไปในผ้าห่มเนื้อนิ่ม เมื่อไม่มีเสิ่นเยี่ยนอยู่ในห้องนางก็ปลอดโปร่งเป็อย่างยิ่ง
ชุนหงแอบหัวเราะ “คุณหนูอย่าให้ท่านบุตรเขยมาเห็นท่านในสภาพเช่นนี้นะเ้าคะ”
“งั้นเ้าก็ไปเฝ้าประตูไว้"กู้เจิงมุดอยู่ในผ้าห่มพูดเสียงอู้อี้ว่า “ขอข้าพักผ่อนหน่อย”
เมื่อถึงเวลาเข้านอนตอนกลางคืนกู้เจิงไม่ได้รู้สึกขัดเขินเหมือนสองคืนก่อนอีกแล้ว เสิ่นเยี่ยนไม่อยู่ในห้องเขาไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบถึงดึกดื่นทุกคืน ยามที่เขาล้มตัวลงนอนนางก็หลับสนิทไปนานแล้ว
ดังนั้นตอนที่เสิ่นเยี่ยนจะเข้านอน ก็จะเห็นกู้เจิงยามหลับแสงเทียนอบอุ่นที่สะท้อนลงบนใบหน้างดงามยามหลับของนาง คิ้วโก่งดุจใบหลิวขนตาหนากระเพื่อมสั่นไหวเป็ครั้งคราว สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากชมพูเจือความเย้ายวนความงดงามของนางไม่ได้หยาดเยิ้มแพรวพราว แต่ทว่าเป็ความงดงามที่อ่อนโยนเปราะบาง
เขารู้ว่านางไม่ได้มีนิสัยอย่างที่เห็นตอนที่เขาช่วยนางขึ้นมาจากน้ำนางปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขาไม่ยอมทำตามคำสั่งของท่านแม่ของนางหรือตอนที่ไปล่าสัตว์ หากนางอ่อนแอจริงๆนางคงไม่สามารถหาทางออกจากป่าได้อย่างราบรื่นเช่นที่เกิดขึ้น
แต่ทำไมองค์ชายห้าถึงเกลียดชังนางองค์ชายห้าไม่ใช่คนที่ยุให้รำตำให้รั่ว* หรือเป็เพราะนางเสแสร้งแกล้งทำมาตลอด
(*ยุให้รำตำให้รั่ว หมายถึงการพูดจายุแยงให้ให้คนทั้งสองฝ่ายผิดใจกัน ทะเลาะกัน)
อากาศในคืนนี้หนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อม่านเตียงถูกรวบออกในตอนเช้าไอเย็นก็พุ่งเข้ามาปะทะคนที่นอนขี้เซาอยู่บนเตียง กู้เจิงถูกบังคับให้ตื่นขึ้น
“คุณหนู รีบลุกขึ้นเถอะเ้าค่ะ ท่านบุตรเขยตื่นนานแล้ว” ชุนหงยกน้ำร้อนเข้ามาให้คุณหนูล้างหน้า “ท่านป้าเสิ่นทำอาหารเช้าแล้วเ้าค่ะ”
ประโยคนี้ทำให้กู้เจิงตื่นเต็มตา สามวันผ่านไปแล้วที่ไม่ต้องทำงานแต่วันนี้นางต้องเริ่มช่วยแม่สามีทำงานบ้านอย่างจริงจังแล้วจะนอนี้เีอยู่บนเตียงได้อย่างไร
กู้เจิงรีบล้างหน้าแปรงฟัน นางแต่งตัวอย่างเรียบง่ายบนศีรษะปักด้วยปิ่นมุก
อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น พอเปิดประตูออกไปด้านนอกสายลมเย็นะเืก็พัดปะทะเข้ามาที่ตัวนาง นางมองเห็นชั้นน้ำค้างแข็งหนาๆ บนอิฐพร้อมกับกลุ่มควันจากเตาไฟในห้องครัว
เสิ่นเยี่ยนม้วนแขนเสื้อผ่าฟืนอยู่ที่หน้าห้องเก็บฟืนสองมือขาวสะอาดถือขวานอย่างชำนาญท่าทางตัดฟืนของเขาดูง่ายดายเหมือนทำอยู่เป็กิจวัตร
จนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนเงยหน้ามองนางกู้เจิงถึงได้รู้สึกตัวว่ามองเขาอยู่นานแล้ว นางหน้าแดงขึ้นทันทีรีบดึงสายตากลับเข้าไปในห้องครัว
“ท่านแม่ ขอโทษเ้าค่ะที่วันนี้ข้าตื่นสาย” อาหารเช้าวันนี้เป็เมี่ยนเกอตา นายหญิงเสิ่นกำลังคนก้อนแป้งที่อยู่ในน้ำ
“ยังเช้าอยู่เลย เ้าน่าจะนอนอีกหน่อย ก็แค่อาหารเช้าของคนสี่คนข้าทำเองได้”
“มีอะไรที่ข้าพอจะทำได้ไหมเ้าคะ?" อยู่ด้วยกันมาสามสี่วัน แต่กู้เจิงรู้ว่าเวลานายหญิงเสิ่นพูดอะไรความคิดล้วนตรงกับการกระทำเพียงแต่นางก็อยากจะช่วยงานบ้านจริงๆ
“ใช้เตาเป็ไหม?”
“ไม่เป็เ้าค่ะ” กู้เจิงส่ายหน้าอย่างซื่อตรงไม่ว่าจะเป็ร่างนี้หรือร่างก่อนนางล้วนทำไม่เป็จริงๆ