“งั้นเ้าไปเอาชามมาตักก้อนแป้งในน้ำนี่”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงทำตามคำสั่งเมื่อเห็นก้อนแป้งสาลีใกล้สุก นางก็เดินไปที่เตา ฟืนในเตาไฟเผาไหม้อย่างร้อนระอุแผ่ไอร้อนออกมากระทบกับร่างกายนางให้รู้สึกอุ่นสบายยิ่ง “ท่านแม่ ไฟแรงมากเลยเ้าค่ะ”
“เ้าคีบฟืนที่ยังไหม้ไม่หมดออกมาดับแล้วกัน แป้งใกล้จะสุกแล้วไม่ต้องให้ไฟแรงมากขนาดนั้น” นายหญิงเสิ่นกล่าวต่อ“ฟืนที่เอาออกมาจะมีไฟติดอยู่บางส่วนให้เอาใส่ในกองขี้เถ้าเดี๋ยวไฟก็ดับเอง”
กู้เจิงทำตามที่นายหญิงเสิ่นบอกใช้คีมหนีบฟืนที่ยังไหม้ไม่หมดแล้วยัดใส่กองขี้เถ้า
เสียงของพ่อสามีดังมาจากด้านนอก “ฮูหยินข้ากลับมาแล้ว สุดท้ายก็เกี่ยวข้าวในนาได้จนหมด”
“ท่านหว่านเมล็ดข้าวใหม่ลงไปแล้วหรือยังเ้าคะ?” นายหญิงเสิ่นชะโงกตัวออกไปถามสามี
“หว่านลงไปแล้ว ที่จริงยังมีเมล็ดข้าวเหลืออีกมากพอดีพี่รองขาดเมล็ดข้าวอยู่อีกนิดหน่อยก็เลยให้เขาไป”
“ไปล้างมือเตรียมมากินข้าวเช้าได้แล้วอาเยี่ยนมากินข้าวเช้าก่อนเถอะ”
“มาแล้วขอรับ”
กลิ่นหอมของเมี่ยนเกอตาที่ทำเสร็จใหม่ๆ ยั่วกระเพาะนางจริงๆ
ปกติแล้วกู้เจิงกินมื้อเช้าไม่เยอะนัก ไม่ใช่ว่านางเบื่ออาหารแต่เป็เพราะว่าในตระกูลสูงศักดิ์สตรีไม่ควรกินอาหารเยอะจนเกินไปนางกินน้อยอย่างเป็ปกติจนชินไปแล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นเมี่ยนเกอตาที่หอมอบอวลนางจึงรู้สึกหิวมากกว่าทุกวัน
ชุนหงปลีกตัวออกมาจากข้างกายกู้เจิงเพราะนางอยากให้คุณหนูกับครอบครัวสามีได้ใกล้ชิดและสนิมสนมกันมากขึ้นยามนี้ได้เห็นคุณหนูกับครอบครัวของสามีกินข้าวร่วมกันอย่างเป็กันเอง นางก็วางใจ
หลายวันมานี้สองสามีภรรยาตระกูลเสิ่นคอยจับตาดูนิสัยใจคอของลูกสะใภ้มาโดยตลอดถึงแม้จะเพิ่งผ่านไปเพียงสี่วัน แต่ก็รู้สึกพอใจมาก แม้นางจะดูทำอะไรไม่เป็แต่นางก็ซื่อตรง ไม่ปฏิเสธงานบ้านงานเรือน ซ้ำยังเต็มใจช่วยเหลืออย่างดีนี่แสดงให้เห็นว่าลูกสะใภ้คนนี้ นางเป็คนที่พร้อมเรียนรู้และสามารถสั่งสอนกันได้
หลังจากทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ กู้เจิงจะไปช่วยนายหญิงเสิ่นล้างจานทว่านายหญิงเสิ่นไม่ได้ให้นางทำ แต่ให้นางยืนดูวิธีล้างจานว่าต้องทำอย่างไร
กู้เจิงตั้งใจเรียนรู้อย่างจริงจังเพราะวันหน้านางจะได้ดูแลตัวเองและคนอื่นได้
บิดาของเสิ่นเยี่ยนตบไหล่บุตรชาย“อาเสิ่น ลูกสะใภ้คนนี้ไม่เลวทีเดียว เ้าต้องปฏิบัติต่อนางให้ดีเข้าใจไหม? ”
“ขอรับ ท่านพ่อ” เสิ่นเยี่ยนตอบรับด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“นิสัยเ็าเช่นเ้านี่ไม่เหมือนข้าเลยสักนิดเดียวยังดีที่เ้าหน้าตาหล่อเหลา ไม่เช่นนั้นนิสัยอย่างเ้าคงหาภรรยาได้ยาก” บิดาของเสิ่นเยี่ยนมองรูปลักษณ์คมคายของบุตรชายอย่างภูมิใจ
ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนฉายแววขำขัน ทำให้เค้าหน้าที่เคร่งขรึมของเขาดูอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย“ท่านพ่อพูดถูกแล้วขอรับ”
ในตอนนั้นเองก็มีเด็กเดินเข้ามาจากด้านนอก
เขาถือตะกร้าเดินเข้ามาเพื่อขายไข่ไข่เหล่านี้มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับไข่ธรรมดาและมีสีสันแปลกตา ทั้งสีน้ำตาล สีเทาสีขาวหรือแม้แต่สีฟ้าก็มี “ท่านผู้เฒ่าเสิ่นข้าเก็บไขู่เามาเยอะมาก แม่บอกว่าท่านมักจะซื้อไขู่เาอยู่เสมอจึงให้ข้ามาถามท่านว่าจะเอาหรือไม่?”
“เอาสิ เอาแน่นอน เสี่ยวเหมาเอ๋อร์นี่นับวันยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ก็หาไขู่เาได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ?” นายท่านเสิ่นรีบเข้าไปเอาเงินในห้อง ไขู่เาใช้สำหรับบำรุงร่างกายในฤดูหนาวเช่นนี้เขามักจะซื้อไขู่เาไว้ให้ภรรยาเพื่อบำรุงร่างกาย
เมื่อได้รับเงิน เสี่ยวเหมาก็ะโโลดเต้นจากไปอย่างมีความสุข
นายหญิงเสิ่นเพิ่งเก็บข้าวของเสร็จก็เห็นสามีถือตะกร้าไขู่เาเข้ามาจึงถามด้วยความประหลาดใจ “เยอะขนาดนั้นเลยหรือ? เป็ของเสี่ยวเหมาอีกแล้วสินะ”
“ในหมู่บ้านก็มีเด็กคนนั้นฉลาดที่สุดตรงไหนมีไขู่เาก็ขุดหาจนเจอได้” นายท่านเสิ่นวางตะกร้าลงบนโต๊ะ“เ้ากับอาเจิง แล้วก็ชุนหงต้องกินคนละหนึ่งฟองทุกวันจะเข้าฤดูหนาวแล้ว ต้องบำรุงร่างกายให้เต็มที่”
“ข้ากับชุนหงไม่ต้องกินหรอกเ้าค่ะ” กู้เจิงรีบพูดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไข่นี้ไว้สำหรับให้แม่สามีกินบำรุงร่างกายแล้วพวกนางจะกล้าแบ่งมากินได้อย่างไร
ชุนหงที่อยู่ข้างๆ รีบพยักหน้า
“ไขู่เามีเยอะมาก กินหมดแล้วค่อยไปซื้อที่บ้านเสี่ยวเหมาอีกก็ได้” พ่อเฒ่าเสิ่นหัวเราะอย่างเป็กันเอง พูดจบก็ออกไปทำงาน
“ของมีประโยชน์พวกนี้ พวกเ้าก็รับไว้เถอะ” นายหญิงเสิ่นถอดผ้ากันเปื้อนที่เอวออก พูดเสียงเรียบว่า “ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวพวกเ้าตามข้าไปซื้อเนื้อด้วยกันจะได้ทำความคุ้นเคยกับตลาดที่นี่เสียหน่อย”
ดวงตาของกู้เจิงเป็ประกาย นางตื่นเต้นมากแต่พยายามไม่แสดงออก “เช่นนั้นข้ากับชุนหงจะไปรอท่านแม่ในลานบ้านนะเ้าคะ”