จำได้ว่านิตยสารผู้หญิงเคยทำการสำรวจหัวข้อว่า ผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำหรือ? ถึงได้ร้องไห้เก่งขนาดนั้น? และผลสรุปก็คือ “เมื่อผู้หญิงอยู่ต่อหน้าคนสำคัญน้ำตาจะไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย” เป็คำตอบที่ถูกเลือกเยอะมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็เนี่ยเซิงเสี่ยวในตอนนั้นหรือตอนนี้ เธอก็คิดว่าคำตอบของแบบสอบถามนั้นถูกเผง
ทันใดนั้นเหยียนจิ่งจื้อก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่ลากเธอขึ้นรถมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเป็ข่าวใหญ่ที่พาดหัวข่าวว่าท่านประธานใหญ่ต่อว่าภรรยาสาวจนร้องไห้ เขาจะดูเลวสักแค่ไหนกัน
หัวสมองของเขาถูกน้ำตาของเธอทำให้รวนไปหมด พอเขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอ ก็ถูกเนี่ยเซิงเสี่ยวสะบัดออก “ฉันไม่ได้คิดจะทำตามที่เจินเนี้ยนพูด”
“เธอพูด…เธอพูดว่าอะไรนะ?”
จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็เช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะยืนมือที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของตัวเองไปจับที่ใบหน้าของ
เหยียนจิ่งจื้อ และเลียนแบบการกระทำของเขาโดยการหลับตาปี๋แล้วพุ่งเข้าไปจูบ
เธอเองก็รับมามากพอแล้ว ผู้ชายที่เธอรักมาตลอดสิบปีขยับไปมาอยู่ตรงหน้าเธอ ใช้สารพัดวิธีมาหลอกล่อเธอ ตัวเธอเป็คนที่แต่เดิมมีความอดทนดีมาก แต่เหมือนกับที่กล่าวน้ำตาของผู้หญิงจะยิ่งมีมากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนสำคัญ
เนี่ยเซิงเสี่ยวพุ่งเข้าไปแนบริมฝีปากกับเหยียนจิ่งจื้อด้วยท่าทางที่แทบจะเรียกได้ว่าซื่อบื้อ ไม่มีเทคนิคอะไรเลย แถมยังทำให้หัวของเขาไปชนเข้ากับกระจกรถจนเกิดเสียงดังปัง
“ท่านประธานเป็อย่างไรบ้างครับ!” คนขับรถได้ยินเสียงก็ตื่นใคิดว่าด้านนอกมีคนมาซุ่มโจมตีพวกเขา จึงรีบหันมาดูว่าเหยียนจิ่งจื้อเป็อย่างไรบ้าง
พอหันไปมองเขาก็แทบอยากจะเอานิ้วจิ้มตาตัวเอง ท่านประธาน…ถูกขืนใจ?
เหยียนจิ่งจื้อคิดไม่ถึงว่าเธอร้องไห้อยู่ดีๆ จะพุ่งเข้ามาจูบ ช็อกอยู่นานถึงจะได้สติว่าจะต้องจูบตอบ แต่ในตอนที่เพิ่งจะจูบตอบกลับไปอย่างเอาแต่ใจ ก็ถึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เขาดึงหน้าของเธอออกมา แล้วมองอย่างจริงจัง “เธอเอาจริงใช่ไหม?”
ความสุขมาแบบกะทันหันเกินไปแล้ว เหมือนกับเด็กหนุ่มที่ตามจีบเด็กสาว ในตอนที่กำลังตัดสินใจจะตามจีบแต่อีกฝ่ายกลับรุกเข้ามาก่อน แถมยังเชิญชวนมากเสียจนทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
เนี่ยเซิงเสี่ยวอายจนไม่ยอมพูดอะไร โชคดีที่เขาเอ่ยปากถามออกมา เธอจึงยกมือขึ้นมาดึงมือเขาออก “ช่างเถอะ ก็แค่ท่อนไม้”
รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เนี่ยเซิงเสี่ยวเบือนหน้าหนีไม่มองหน้าเขาอีก พร้อมกับขยับตัวลงมาจากตัวเขาเพราะเมื่อครู่เธอขึ้นไปผลักเขาลง
ทว่าอย่างไรนี่เขาก็ไม่ใช่ท่อนไม้ แต่เป็หมาป่าตัวหนึ่ง และยังเป็หมาป่าที่หิวโซเสียด้วย
ด้านหลังรถหรูกว้างมาก เหยียนจิ่งจื้อจับเธอกดลงไป และแสดงความสามารถพิเศษที่ดีที่สุดของหมาป่าออกมา โดยการขบกัดทั่วทุกพื้นที่บนใบหน้าของเธอแม้แต่น้ำตาบนใบหน้าเขาก็ไม่พลาดที่จะชิม
เขารู้สึกว่าตัวเอง่นี้ตัวเองขาดเกลือไอโอดีน ดูสิ ได้ชิมแค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว
มันเหมือนกับการชดเชยจูบที่ขาดหายไปในเจ็ดปีนี้ให้กลับคืนมาทั้งหมด เนี่ยเซิงเสี่ยวเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเขาดึงกลับไปจูบอีก
คนขับรถที่อยู่ด้านหน้าได้ขับรถมาถึงจุดหมายนานแล้ว เมื่อรถจอดสนิทก็รีบวิ่งลงจากรถไปด้วยความเร็วราวกับการพุ่งของรถไฟ ความรู้สึกของคนขับรถตอนนี้ทั้งหวาดกลัวแต่ก็กล้าหาญ
“พอแล้ว” เนี่ยเซิงเสี่ยวใช้มือมาบังหน้าเขาเอาไว้ ถ้าจูบต่อไปอีก กลับไปคิดว่าคงจะต้องให้หานอวี้
จือช่วยเย็บปากสักสองสามเข็ม
“plan1หรือ plan3?” เหยียนจิ่งจื้อดึงมือเธอออกและไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากทับตัวเธอไว้ พร้อมทั้งแสดงสีหน้ามีความสุข ซึ่งหน้าของเขาสะท้อนอยู่ในแววตาของเนี่ยเซิงเสี่ยวอย่างชัดเจน
“สาม” เนี่ยเซิงเสี่ยวพูดจบก็ยังคงปิดหน้าตัวเองเอาไว้ พลางคิดว่ามีผู้หญิงคนไหนที่มีความสุขกับการได้เป็กิ๊กและยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานกัน
“เป็อย่างที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย” เหยียนจิ่งจื้อจูบลงไปบนมือของเธอ จากนั้นในแววตาที่ร้อนแรงก็จ้องลึกลงมายังดวงตาของเนี่ยเซิงเสี่ยว “เสี่ยวเสี่ยว ฉันอยากจะลูบแผลที่ท้องของเธอ ได้ยินมาว่าเธอผ่าคลอด”
เขาอยากจะลูบแผลที่ไหนกัน เนี่ยเซิงเสี่ยวจับมือของเขา “ใครบอกนายว่าผ่าคลอด อย่ามาหาเหตุผลมั่วซั่วนะ”
“ถ้าอย่างนั้นไม่หาเหตุผลแล้วก็ได้” เหยียนจิ่งจื้อลูบเข้าไปตรงๆ เลย
ผิวนุ่มตอนที่เขาลูบไปมันจะสั่นอยู่นิดๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความระมัดระวัง เขาคิดว่าหลังสูญเสียความทรงจำไปตั้งหลายปี ก็เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่ทำให้เขาใจเต้นแรง
คนขับรถนั่งอยู่ด้านข้างเสามาได้หนึ่งชั่วโมงพอดี ในตอนที่คิดว่าท่านประธานนี่ช่างอึดดีจริงๆ ก็เห็นพวกเขาสองคนเดินออกมา
เสื้อผ้ายังเรียบร้อยดี? อืม อาจจะแต่งตัวค่อนข้างเร็ว
ไม่มีรอยยับเลย? อืม ท่านประธานอาจจะขยับค่อนข้างเบา
แล้วก็เดินตามกันเข้าโรงพยาบาลเหมือนไม่รู้จักกัน? คนขับรถขยี้ตาตัวเอง เขาเริ่มที่จะสงสัยแล้วสิว่าท่านประธานของเขานั้นใช้งานได้จริงหรือเปล่า….
พรุ่งนี้เหนี่ยวเหนี่ยวจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว ในตอนที่พยาบาลกำลังพูดเื่ตลกเพื่อทำการเตรียมพร้อมด้านจิตใจให้เขาก็เห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวกลับเข้ามา
“เมื่อกี้แม่ไปไหนมา? เื่ตลกที่พี่พยาบาลเล่าตลกมากเลย ผมขำเกือบตายแหนะ” เหนี่ยวเหนี่ยวกุมท้องตัวเองไว้
สีแดงเรื่อบนใบหน้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวยังไม่หายไป ถึงแม้เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรกัน แต่ถูกเขาเบียดอยู่ในรถถึงหนึ่งชั่วโมง เธอก็ไม่สามารถรักษาสีหน้าให้เป็ปกติได้หรอก
“อ่อ แม่ออกไปข้างนอกแล้วเจอกับเพื่อนพอดี ก็เลยพูดคุยกันนิดหน่อย” เนี่ยเซิงเสี่ยวพูดออกมาอย่างไม่จริงจัง
“พูดคุยกับนิดหน่อยนานขนาดนี้เลยหรือ? ใครหรือครับ ใครหรือ?”
“…..” จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็คิดว่าลูกชายของตัวเองก็ไม่ได้เป็เด็กดีขนาดนั้น แถมยังปากยื่นปากยาวมากด้วย ควรตัดได้แล้วนะ
พอดีกับที่เหยียนจิ่งจื้อเดินเข้ามา หัวใจของเหล่าพยาบาลก็พากันเต้นตูมตามอย่างห้ามไม่อยู่ และเป็เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่ร้องเรียก “อาเหยียน” ออกมา บรรยากาศถึงได้เบาลง
เหยียนจิ่งจื้อตอนนี้มองเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยังไงก็ถูกใจ ไม่เสียแรงที่เป็ลูกชายเขา โตไปจะต้องเป็คนที่แข็งแกร่งและรูปหล่อมากแน่
คิดไปคิดมาก็คิดไปไกลเสียแล้ว
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวสะกิดเขา “อาเหยียน ทำไมวันนี้พี่จินไม่มาล่ะ?” ปกติแล้วจินเป้ยน่าจะตามเขามาด้วย พูดตามจริงเหนี่ยวเหนี่ยวไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเหยียนจิ่งจื้อ ซึ่งแน่นอนว่ายกเว้นเนี่ยเซิงเสี่ยว
“เธอไปจัดการเื่ผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ของนายไง”
เนี่ยเหนี่ยวเหยี่ยวได้ยินดังนั้นท่าทีที่มีต่อเหยียนจิ่งจื้อก็ดีขึ้นมามาก จะเหลือก็แค่นับถือเขาเป็ลูกพี่แล้ว “อาเหยียนนั่งตรงนี้”
เหยียนจิ่งจื้อนั่งลงจากนั้นก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวพูด
“ได้ยินมาว่าอาเหยียนจะย้ายของสำคัญมากๆ มาใส่ที่ตัวผม จากนั้นผมก็จะร่างกายแข็งแรง แต่ว่าผมไม่รู้จะให้อะไรเป็การตอบแทนอาเหยียน”
เหยียนจิ่งจื้อมองไปยังเนี่ยเซิงเสี่ยวอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วกลืนคำว่า “ยกแม่นายให้ฉันก็พอ” ลงคอไป ในเมื่อเธออยากเล่นเป็กิ๊ก เช่นนั้นก็เล่นกับเธอสักหน่อยแล้วกัน
เขาจึงตั้งใจคิดก่อนตอบว่า “ต่อไปพอมีแฟนแล้วจะต้องบอกอาเป็คนแรกก็พอ” แล้วยังตบไปที่บ่าของเขาด้วยท่าทางจริงจัง
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวหน้าแดง เขาเป็เหมือนเนี่ยเซิงเสี่ยวที่หน้าค่อนข้างบาง เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ แค่พูดออกมาเรื่อยเปื่อยหน้าก็แดงแล้ว สำหรับท่าทางแบบนี้เหยียนจิ่งจื้อค่อนข้างไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงดุออกมา “ถ้านายยังเป็แบบนี้ต่อไป จะเป็ที่พึ่งให้กับผู้หญิงที่ชอบได้อย่างไร”
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่ห่างออกไปถลึงตาใส่เขา ใครจะเป็เหมือนนายเล่า!
จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยื่นหัวออกไปดู แต่ก็ไม่พบอะไร
ตอนแรกเหยียนจิ่งจื้อก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าอย่างไรเขาอยู่ในห้องพักคนไข้แบบวีไอพี คนธรรมดาถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตก็จะเข้ามาไม่ได้ แต่ต่อมาเสียงด้านนอกก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้สายตาไปบอกกับเนี่ยเซิงเสี่ยวว่าไม่เป็ไร จากนั้นก็ลูบหัวเหนี่ยวเหนี่ยวเบาๆ เตรียมจะออกไปดู
ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตู จินเป้ยน่าที่อยู่ด้านนอกก็พุ่งเข้ามา “ท่านประธานคะ นักข่าวเต็มไปหมดเลยค่ะ” เสียงของเธอแม้ไม่ได้หวาดหวั่นมาก แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความร้อนใจ
เธอใช้สายตาสังเกตบรรยากาศเื่ของท่านประธานกับเนี่ยเซิงเสี่ยวมานานหลายวันก็พอจะเดาอะไรได้พอสมควร แต่ตอนนี้นักข่าวที่กรูกันเข้ามาทำให้การประสานงานเื่ผ่าตัดไม่ค่อยราบรื่นนัก
เหยียนจิ่งจื้อเวลาจะทำอะไร เขาจะมีความระมัดระวังตัวมาก ทุกครั้งที่มาโรงพยาบาลก็จะใส่แว่นดำ แถมรถก็เปลี่ยนตลอดและไม่เคยใช้คนขับรถ มักจะขับรถมาเองเสมอ แบบนี้สามารถดึงความสนใจของนักข่าวมาได้หรือ เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้ว่าจะมีคนเรียกนักข่าวมา
จากที่เจอกับเจินเนี้ยนที่ร้านกาแฟเมื่อครู่ เหยียนจิ่งจื้อก็ไม่มีคู่กรณีอื่นที่สงสัยเพิ่มอีกแล้ว
“พวกนายปิดประตูทำไม ผมมาบริจาคไขกระดูกนั่นก็เป็เื่ดี ถูกเปิดเผยไปก็ถือว่าเป็เื่ดีด้วย”