เหยียนจิ่งจื้อพูดจบก็หันไปกำชับกับเหล่าพยาบาล “การผ่าตัดพรุ่งนี้สำคัญมาก ห้ามให้หน้าอกของคนไข้เย็นเด็ดขาด พวกเธอไปเตรียมการป้องกันตรงส่วนหัวให้เหนี่ยวเหนี่ยวด้วย”
ไม่รอให้พยาบาลขยับตัว เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ได้หยิบหมวกออกมาสวมให้เหนี่ยวเหนี่ยวเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งใส่แว่นไร้กรอบที่ครั้งแล้วเขาดื้อจะซื้อมาให้ด้วย
ตอนนั้นเขาพูดว่าใส่แล้วหล่อ ถึงแม้เนี่ยเซิงเสี่ยวจะบ่นเขาว่า “ลูกตัวเล็กนิดเดียวถึงจะหล่อแค่ไหนก็ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนมาชอบหรอก” แต่ก็ยังซื้อมาให้เขา มาพักที่โรงพยาบาลครั้งนี้จึงเอาของที่เขาชอบมาด้วยทั้งหมด ตอนนี้ถึงได้เอามาใช้พอดี
หน้าตาเหมือนกันเกินไป ก็ลำบากอยู่นิดหน่อยนะ
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวรู้สึกว่าวันนี้แม่ของตัวเองแปลกมากๆ ทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงได้ให้เขาใส่หมวกใส่แว่นด้วย? แต่ว่าก็แค่แปลกใจ เพราะในตอนที่พี่สาวที่อยู่ตรงนั้นชมว่าสวยมาก เขาก็ยังดีใจแบบสุดๆ
เดี๋ยวนะ สวย? หมายความว่าไง…
จู่ๆ ประตูห้องพักก็เปิดออก ในตอนที่เหนี่ยวเหนี่ยวที่อยู่ด้านในห้องพักถูกทุกคนรุมเปลี่ยนเสื้อผ้า เหยียนจิ่งจื้อที่อยู่ด้านนอกก็ถูกนักข่าวจำนวนมากรุมสัมภาษณ์
“ดูเหมือนว่าประธานเหยียนจะใจบุญมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าพวกเราสามารถสอบถามได้ไหมว่าใครคือผู้โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านประธาน?” คำถามของนักข่าวถามได้เฉียบแหลม
ในที่สุดหานอวี้จือก็มาปรากฏตัว ด้วยความที่เขาเป็หมอที่รับผิดชอบในการผ่าตัดครั้งนี้ทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะพูด และที่เหยียนจิ่งจื้อยื้อเวลาโดยที่ไม่พูดอะไรเลย แน่นอนว่าก็เพื่อรอให้เขาออกมาพูดตะเพิดไล่นักข่าวไปนั่นเอง
และเป็อย่างที่คิด หานอวี้จือใช้ “จิติญญาของคุณชาย” พูดตะคอกออกมาด้วยความไม่พอใจ “พรุ่งนี้คนไข้จะต้องเริ่มการผ่าตัดแล้ว สภาพจิตใจในตอนนี้ไม่สามารถได้รับการกระทบกระเทือนได้ รวมถึงคนที่มาบริจาคอย่างคุณเหยียนด้วย ถ้าหากการผ่าตัดไม่ประสบความสำเร็จเพราะพวกคุณ พวกคุณจะรับผิดชอบอย่างไร!”
เหยียนจิ่งจื้อมองปฏิกิริยาของพวกนักข่าวด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าหานอวี้จือจะมีประโยชน์ขนาดนี้ เขาหมุนตัวเตรียมตัวจะเดินเข้าไปในห้องพักคนไข้
“รอเดี๋ยวก่อนค่ะคุณเหยียน ข้างนอกมีข่าวลือว่าคนไข้ที่จะได้รับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ความจริงแล้วเป็ลูกนอกสมรสของคุณ รบกวนสอบถามได้ไหมคะว่าคุณคิดอย่างไรกับข่าวลือนี้?” ทักษะในการถามของนักข่าวถือว่าดี ไม่ได้บีบถามเขาไปตรงๆ ว่ามันจริงหรือไม่ แต่ให้เขาพูดว่าคิดอย่างไร
เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเหยียนจิ่งจื้อจะตอบกลับมาด้วยความมั่นใจว่า “ข่าวลือ”
บริษัทเฉินตงเติบโตอยู่ในประเทศมาหลายปี ซึ่งหนึ่งในวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของบริษัทก็คือความน่าเชื่อถือ ในข้อนี้แทบจะฝังลึกเข้าไปในใจของพนักงาน โดยเฉพาะหัวหน้าของพวกเขา พูดกันตามจริงเลยว่า คำว่า “ข่าวลือ” ของเหยียนจิ่งจื้อนั้นทำให้เหล่านักข่าวจมลงไปกับความคิด เดิมทีคิดว่าจะได้ข่าวเด็ดมาเขียน แต่ตอนนี้…เหมือนจะเป็แค่ข่าวลือจริงๆ
เหยียนจิ่งจื้อก้าวเท้าไวๆ กลับไปอยู่ข้างกายเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว แน่นอนว่ามันเป็แค่ข่าวลือ เพราะนี่เป็ลูกชายที่ภรรยาผู้ถูกต้องตามกฎหมายของเขาคลอดออกมาเอง ถ้าหากเื่นี้ยังคิดว่าเป็ลูกนอกสมรส เช่นนั้นพระอาทิตย์ก็คงจะตกลงไปในน้ำแล้ว
ในคืนนั้นด้านนอกก็ยังมีนักข่าวอยู่ แต่จำนวนก็ลดน้อยลงมากแล้ว เพราะว่าข่าวซุบซิบ โดยเฉพาะเป็ข่าวของท่านประธานแห่งเฉินตง พอมาเทียบกับข่าวของนักธุรกิจใจบุญ จึงเรียกความสนใจได้น้อยเกินไป
ในขณะเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงเื่ยุ่งยาก เนี่ยเซิงเสี่ยวจึงกลับบ้านในคืนนั้น
แต่สิ่งที่เหยียนจิ่งจื้อคิดไม่ถึงก็คือ วันต่อมาก่อนจะผ่าตัดเธอก็ยังไม่กลับมา
ในตอนที่เหลือเวลาแค่สองชั่วโมงก่อนผ่าตัด เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็เริ่มคิดถึงแม่จนไม่อาจจะสงบใจลงได้ เมื่อคืนเนี่ยเซิงเสี่ยวรับปากเขาเอาไว้แล้วว่าตอนเช้าจะมาอยู่กับเขา พร้อมทั้งพูดว่าหลังจากที่ฉีดยาชาและนอนหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็จะสามารถะโโลดเต้นได้โดยที่ไม่เป็ลมอีก
เหยียนจิ่งจื้อเองก็หงุดหงิด ส่งคนออกไปดูก็ได้คำตอบกลับมาว่า ไม่มีคนอยู่ที่บ้าน
เขาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นไปอีก ร้อนรนยิ่งกว่าเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเสียอีก
ตอนที่เหลือเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนผ่าตัด เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยืดคอจนคอแทบจะยาวออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเนี่ยเซิงเสี่ยว เขาเข้าไปจับตัวเหยียนจิ่งจื้อ “อาเหยียนว่าแม่จะรังเกียจผมแล้วทิ้งผมไปหรือเปล่า?”
“เธอจะกล้าเหรอ!” เหยียนจิ่งจื้อเองก็ไม่สามารถสงบใจได้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้เขาที่เป็ตัวเอกของการผ่าตัด แต่เพราะไม่สามารถขยับได้ จึงต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้
หันไปมองหานจืออวี้ที่คอยบอกให้พวกเขาสงบใจลงอยู่ตลอด เหยียนจิ่งจื้อก็ยิ่งสงบใจไม่ได้
มีนักข่าวหลายคนเหมือนจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของพวกเขา จึงมาสอบถามว่าพวกเขากำลังรอคนสำคัญอยู่หรือ?
พยาบาลจึงตอบกลับไปว่ารอแม่ของเด็กไง จะรอใครได้ล่ะ
เมื่อดูจากท่าทางของเหยียนจิ่งจื้อ และเทียบกับสถานะแล้ว มีผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนบ้างที่จะมาเป็ห่วงแม่ของคนอื่นน่ะ! มีนักข่าวที่พอจะฉลาดคนหนึ่งดันแว่นขึ้น แววตาเปล่งประกายขึ้นมา เขาเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว…
ในตอนที่เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนผ่าตัด เหยียนจิ่งจื้อกับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็เตรียมตัวที่จะถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อฉีดยาชาแล้ว
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกลับร้องไห้ออกมา “อาเหยียน จบแล้ว แม่ไม่้าผมแล้วจริงๆ ผมร้องไห้ได้ไหม ฮือ”
เหยียนจิ่งจื้อมองไปยังด้านนอกประตู เขาคิดว่าถ้าหากนับถึงสามแล้วยังไม่ปรากฏตัวออกมา คงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ทว่ามีคำพูดหนึ่งที่พูดว่าอะไรนะ? นายคิดอะไร เธอเองก็คิดแบบนั้น เื่บังเอิญที่สุดก็คงเป็แบบนั้นแหละ
ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวก้าวเท้าหนักๆ พุ่งเข้ามาในห้องพัก เหยียนจิ่งจื้อก็ถอนหายใจออกมา ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเธอว่าไปไหนมา เขาก็ทำได้แค่มองเธอั้แ่หัวจรดเท้าก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ โชคดีที่เธอไม่ได้เป็อะไร
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยังร้องไห้อยู่ “แม่ยัง้าผมใช่ไหม ทำไมเพิ่งมา ผมจะร้องไห้อยู่แล้ว”
เนี่ยเซิงเสี่ยวลูบน้ำตาบนหน้าของเขา “ไม่ได้เื่เลยจริงๆ ”
จากนั้นก็หันไปมองทางเหยียนจิ่งจื้อ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะว่าตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะเป็แค่กิ๊กแอบๆ ตอนนี้มีหมอและพยาบาลอยู่ จึงทำได้แค่พูดเสียงเรียบ “คุณเหยียนก็สู้ๆ นะคะ”
“คุณเนี่ยอีกสักครู่คุณก็รอพวกเราอยู่ข้างนอกนะ ไม่อย่างนั้น….” เหยียนจิ่งจื้อพูดจบไป และทิ้ง่เอาไว้ เดิมทีจะพูดว่าไม่อย่างนั้นเขาจะโกรธ แต่สุดท้ายก็เงียบแล้วเปลี่ยนคำ “ไม่อย่างนั้นเด็กจะร้องไห้อีก”
“อืม ฉันจะรออยู่ด้านนอกไม่ไปไหนแน่นอน” เนี่นเซิงเสี่ยวตอบเหยียนจิ่งจื้อ แต่กลับมองไปยังเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว
ในที่สุดเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็อารมณ์ดีแล้ว แถมใจก็สงบลงแล้วด้วย ตอนที่เข้าห้องผ่าตัดก็ยังโบกมือหยอยๆ “แม่ครับ ผมจะเป็เด็กดี”
เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พยาบาลก็เข็นพวกเขาเข้าไปจากนั้นก็ปิดประตูลงอีกครั้ง
ในตอนที่ไฟที่เขียนว่าห้องผ่าตัดสว่างขึ้นมา เนี่ยเซิงเสี่ยวก็หงายหลังล้มตึงลงไป
ถึงแม้หานอวี้จือจะเป็หมอที่รับผิดชอบเื่การผ่าตัดครั้งนี้ แต่ว่าเขาไม่ได้เข้าร่วมการผ่าตัด และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านไขกระดูกและเืจากทั่วประเทศมา ดังนั้นตอนนี้เขาเองก็ยืนอยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดเช่นกัน
ในวินาทีที่เนี่ยเซิงเสี่ยวล้มลงไป ในหัวของเขาก็มีคำว่า เกิดเื่แล้ว แวบขึ้นมา
ในตอนที่ยื่นมือเข้าไปเพื่อรับร่างของเธอก็พบว่ามีมือคู่หนึ่งที่ไวกว่าเขาก้าวหนึ่ง หานอวี้จือเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็คนคุ้นเคย
“พี่ใหญ่?” จะบอกว่าไม่ใก็คงจะไม่ได้ คนคนนี้ก็คือพี่ชายของเหยียนจิ่งจื้อ เหยียนจิ่งเสินและเป็พ่อของเหยียนเจียอวี๋ อีกทั้งยังเป็ทนายด้วย เมื่อครู่ก่อนที่เหยียนจิ่งจื้อถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัด กลับไม่ได้ปรากฏตัวที่นี่ แต่ดันมาปรากฏตัวตอนนี้ และเผอิญเจอเข้ากับเนี่ยเซิงเสี่ยวที่เป็ลมเข้าพอดีราวกับคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว
“เธอเป็อะไร?” หานอวี้จือมองเนี่ยเซิงเสี่ยวด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงเป็ลมลงไป ดูจากอาการแล้วก็ไม่เหมือนเหนื่อย กลับเหมือน…โดนวางยา
เขาที่เป็เพื่อนกับเหยียนจิ่งจื้อ จึงจัดเื่ของแฟนเพื่อนเป็เื่ภายในด้วย จู่ๆ หานอวี้จือก็รู้สึกขัดแย้งกับเหยียนจิ่งเสิน จึงหันไปสั่งนักศึกษาแพทย์ที่อยู่ข้างๆ ให้ไปเอาเปลหามมา
“อวี้จือ นายดูนี่” เหยียนจิ่งเสินดึงขากางเกงของเนี่ยเซิงเสี่ยวขึ้นมาให้หานอวี้จือดู หานอวี้จือถึงจะพบว่าตรงหน้าแข้งถูกกรีดจนเืไหลออกเต็มไปหมด ด้านล่างยังพันผ้าพันแผลทับเอาไว้อยู่หลายชั้นเพื่อห้ามไม่ให้เืไหลลงมา
แต่ว่าเธอก็เล่นละครได้ดี เมื่อครู่เหยียนจิ่งจื้อมองเธอั้แ่หัวจรดเท้าก็ยังมองไม่ออก ความจริงแล้วปัญหาใหญ่ขนาดนี้ถ้ายังไม่รีบจัดการคงจะต้องตัดขาทิ้งแล้ว!
“ใครทำ!” การทำแบบนี้ยังมีมนุษย์ธรรมอยู่ไหม แม้แต่หานอวี้จือเองยังอยากจะตบโต๊ะเลย
“เธอทำเอง” เหยียนจิ่งเสินเป็คนที่สุขุมอยู่แล้ว ด้วยหน้าที่การงานทำให้เขามีนิสัยที่จะไม่พูดอะไรโดยไม่จำเป็ให้มากความ