“น้องชายเธอที่อยู่ในคุกนั่นก็ถือว่าลดหย่อนโทษแล้วนะ เป็เพราะลุงเหยียนช่วยเอาไว้ ถ้าหากเธอกล้าคิดแผนที่จะเข้าไปตระกูลเหยียนล่ะก็ พรุ่งนี้คงจะมีข่าวปะาชีวิตมาถึงหูเธอแน่”
ประโยคหลังเจินเนี้ยนพูดข้างหูเนี่ยเซิงเสี่ยวเบาๆ แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวกลับได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
ในที่สุดเธอก็ตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้
เจินเนี้ยนแสดงท่าทางออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่รีบร้อน “เธอเก็บเอาไปคิดได้นะ แต่เวลามีไม่มาก ถ้าหากจะย้าย ทางที่ดีที่สุดก็ต้องก่อนจิ่งจื้อกลับมา ดังนั้นคืนนี้เธอจะต้องให้คำตอบฉัน”
พูดจบก็ยัดนามบัตรใส่มือเธอ เนี่ยเซิงเสี่ยวหยิบขึ้นมาดู บนนามบัตรเขียนว่า “์แห่งความงามสามารถสอบถามได้ที่เจินเนี้ยน” จึงอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ เก่งจริงๆ เลยนะ
เธอรู้สึกว่าบ่าของเธอเริ่มหนักขึ้นอีก และไม่รู้ว่าสิ่งที่เจินเนี้ยนให้มานั้นจริงหรือไม่ ถ้าหากจริงนั่นก็เหมาะกับข้อสรุปที่เธออยากได้ และไปในที่ที่เหยียนจิ่งจื้อหาไม่เจอ จากนั้นก็มองดูเหนี่ยวเหนี่ยวแต่งงานมีลูก ไม่แน่อาจจะมีวันหนึ่งที่เหนี่ยวเหนี่ยวจะได้เจอน้องชายน้องสาวที่มาจากพ่อคนเดียวกัน ฮ่าๆ เธอก็ช่างเพ้อฝันเหลือเกิน
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดถึงปัญหาข้อนี้จนถึงดึก ซึ่งในตอนนั้นเธอก็ได้รับสายจากเบอร์เบอร์หนึ่ง ที่ถึงแม้จะฝืนไม่บันทึกเบอร์ใหม่ของเขาไว้ แต่แค่ปรายตามองเธอก็รู้ทันทีว่าเป็เหยียนจิ่งจื้ออย่างไม่ต้องสงสัย
เธอพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กดรับสาย
เสียงปลายสายฟังแล้วดูใจเย็น แต่ในความเป็จริงมันไม่ใช่เลย “เสี่ยวเสี่ยว เธอทำอะไรอยู่?”
“…” เนี่ยเซิงเสี่ยวเงียบไป คนคนนี้จะต้องเมาแล้วแน่ๆ
“ทำไมไม่พูดละ? คืนนี้อากาศเป็ไงบ้าง?”
“…” ดึกขนาดนี้มาพูดเื่อากาศ เมาจนเละเทะไปหมดแล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวค่อยๆ เอ่ยปากพูด “นาย…รีบพักผ่อนเถอะ ดื่มเยอะไปแล้ว”
ทุกครั้งที่เขาออกไปทำงานข้างนอก เื่การสังสรรค์กับลูกค้ามันเป็เื่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหตุการณ์ที่เมาจนเป็แบบนี้มีไม่มากนัก มีอยู่แค่สองเหตุผลเท่านั้น หนึ่งคือหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จนต้องดื่มเยอะขนาดนี้ กับสองคือหลอกเข้ามาอำเธอว่าเมา จากนั้นก็บอกว่าเธอนี่ช่างซื่อบื้อจริงๆ
วันนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างกาย แต่เธอกลับมองไม่ออกว่าเขาเมาจริงหรือหลอกกันแน่
“อยู่บนเตียงแล้ว” ทางเหยียนจิ่งจื้อจู่ๆ ก็มีเสียงขยับเล็กๆ ดังขึ้น เนี่ยเซิงเสี่ยวที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงพอดีจึงเอนหลังลงไปนอนบ้าง สถานการณ์แบบนี้เหมือนกับวันเวลาที่โทรศัพท์หากันนานๆ ตอนที่ทั้งสองคนอยู่กันคนละที่ แต่ก็ยังจะทำอะไรเหมือนๆ กัน และยังมองดูพระจันทร์ดวงเดียวกัน จู่ๆ เธอก็พูดตำหนิเขา “บุหรี่น่ะ อย่าสูบให้มันมากนัก”
“ไม่ให้สูบ?”
“ไม่ใช่” จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็อยากจะพูดว่า ความจริงแล้วบางครั้งเวลาที่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ท่าทางนั้นให้ความรู้สึกว่าเขานั้นโคตรเท่ ทำให้สงสัยไม่หยุดว่าบุหรี่ จริงๆแล้วคือของดีขนาดนั้นเลยหรือ? จู่ๆ ในสมองของเธอก็คิดเื่ของเจินเนี้ยนในวันนี้ขึ้นมาอีก ทำให้เธอคิดอย่างหวาดหวั่นว่าบทสนทนาที่คุยกับเหยียนจิ่งจื้อเมื่อครู่มันค่อนข้างจะมีบรรยากาศที่คลุมเครือ “ถ้าหากไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันวางก่อนนะ รีบพักผ่อน”
“อย่าเพิ่งวาง”
เขาพูดออกมาสั้นๆ สามคำที่แฝงความเหนื่อยล้าและทำอะไรไม่ได้ ทางเนี่ยเซิงเสี่ยวที่เมื่อครู่ตัดสินใจที่จะวางสาย แต่เมื่อเจอคำพูดไม่กี่คำนี้พูดใส่ก็วางสายไม่ลง
แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา ถือโทรศัพท์รอฟังเงียบๆ
“ถ้าหากตอนนี้มีคนมาถามเธอว่า เหยียนจิ่งจื้อถูกโยนลงไปในบ่อไฟ เธอจะะโลงไปช่วยหรือเปล่า?”
พอฟังจบเนี่ยเซิงเสี่ยวก็สามารถตัดสินได้แล้วว่าเหยียนจิ่งจื้อเมาแล้วจริงๆ เขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นเห็นด้านที่เธอเลือกอะไรโง่ๆ เขาบอกว่าความน่ารักแบบนั้นให้เขาเห็นคนเดียวก็พอ และในเวลาที่เขายังมีสติดีเขาจะไม่มีทางถามอะไรแบบนี้ เพราะว่าเขาคิดว่าการถูกโยนลงไปในบ่อไฟมันเป็เื่ที่น่าเศร้า
เมื่อรู้ว่าเขาเมาแล้วจริงๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ผ่อนคลายขึ้น เธอถึงขั้นเริ่มคิดตามว่าถ้าหากเขาถูกโยนลงไปในบ่อไฟ เธอจะรู้สึกยังไง แต่คำตอบก็ยังคงเหมือนกับตอนที่พวกเรายังไร้เดียงสา สุดท้ายก็คิดจนดวงตาเริ่มพร่าเบลอและทั้งหน้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เธอตอบออกไปอย่างหนักแน่นว่า “ช่วยสิ”
ถ้าหากนายถูกโยนลงไปในบ่อไฟต่อหน้าฉัน เช่นนั้น ฉันก็ไม่มีความหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
บนโลกใบนี้ เื่ที่โชคดีที่สุดไม่ใช่การที่พวกเราอยู่ด้วยกัน แต่เป็การที่ถึงแม้พวกเราจะแก่หงำเหงือก ฉันก็ยังคงจะคอยปกป้องนายให้พ้นจากทั้งทุกข์และโศกไปตราบชั่วชีวิต
ความจริงแล้ววันนั้นเหยียนจวิ้นบีบบังคับให้เธอออกไปจากชีวิตของลูกชาย จริงๆแล้วยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ใช้ขู่เธอ แต่เธอคิดว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่มีทางบอกใคร
วันต่อมาเนี่ยเซิงเสี่ยวก็นัดเจินเนี้ยนมาที่ร้านกาแฟใกล้ๆ กับโรงพยาบาล เธอคืนรายงานการตรวจนั้นกลับไปให้เจินเนี้ยนด้วยท่าทางจริงจัง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เจินเนี้ยน คิดถึงตอนที่เราเรียนอยู่ด้วยกัน ฉันก็มีเหตุผลที่ปฏิเสธเธออยู่สามข้อ”
“ข้อหนึ่ง ดูจากนิสัยของเธอแล้ว รายงานนี้ยากที่จะประเมินว่ามันเป็ของจริงหรือปลอม”
“ข้อสอง ถ้าหากจิ่งจื้อเขารักเธอ พวกเธอคบกันมานานขนาดนี้ เขาคงไม่มีทางแยกจากเธอ เขาเป็คนที่รักใครแล้วรักจริง ถ้าหากเขารักคนคนนี้แล้ว ความรู้สึกรักของเขาที่มีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ตอนนี้เวลามันก็พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ใช่คนที่เขา้า” พูดจบเธอก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “และรวมถึงคนคนนั้นก็อาจจะไม่ใช่ฉันเองก็ตาม”
เจินเนี้ยนทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว “พอ! ทำไมเธอถึงไม่รู้จักสำเหนียกตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่ว่าเธอจะเกิดมาเองในฐานะนั้นหรือใครจะปั้นเธอขึ้นมา ยังไงเธอก็ไม่เหมาะสมกับเขา”
“เหอะๆ” เนี่ยเซิงเสี่ยวหัวเราะ “ทำไมเธอถึงฉุนขนาดนี้ละ? เื่เหมาะหรือไม่เหมาะสมกับเขา ฉันไม่เคยคิดเื่นี้มาก่อน และข้อที่สามที่ฉันจะบอกก็คือ ฉันยอมทำตามข้อเสนอของเหยียนจิ่งจื้อดีกว่าร่วมมือกับเธอ”
“ข้อตกลงอะไร!” จู่ๆ เจินเนี้ยนก็อยากจะรู้ว่าอะไรที่มาเปลี่ยนความคิดเนี่ยเซิงเสี่ยว เธอไม่ควรจะเป็แบบนี้ ขนาดวันนี้ตอนได้ยินเธอนัดมาที่นี่ เธอยังเตรียมตัวว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวจะตอบตกลง คิดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็แบบนี้
เนี่ยเซิงเสี่ยวยังไม่ทันได้ตอบอะไร จากมุมมองฝั่งของเจินเนี้ยน เธอสามารถเห็นบอดี้การ์ดเสื้อดำสองคนเดินเข้าทางประตูร้านกาแฟได้อย่างชัดเจน และคนที่ตามมาก็คือเหยียนจิ่งจื้อ
ทำไมเขาถึงกลับมาก่อนกำหนด? เจินเนี้ยนรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แต่จะหาที่หลบก็คงจะไม่ทันแล้ว เพราะว่าเหยียนจิ่งจื้อได้หันมาเห็นทางนี้แล้ว แถมยังสาวเท้ายาวๆ เดินตรงมา ท่าทางสื่อออกมาชัดเจนมากว่าถ้าหากไม่พูดให้ชัดเจนก็ห้ามไป!
ในตอนนี้เองที่เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกถึงการมาของเหยียนจิ่งจื้อ ตอนที่หันกลับไปมองดวงตายังฉายแววใ แต่เมื่อเห็นสีหน้ากรุ่นโกรธในตอนที่เขาเดินเข้ามาก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง? เธอก็ไม่ได้ทำเื่อะไรที่ผิดต่อเขานี่
เหยียนจิ่งจื้อยังเดินมาไม่ทันถึงโต๊ะ เจินเนี้ยนก็ยืนขึ้นด้วยความมีชนักติดหลัง เธอถึงขั้นคิดหาข้ออ้างเอาไว้แล้ว โดยอาศัยความมั่นใจว่าในตอนนี้เหยียนจิ่งจื้อกับเนี่ยเซิงเสี่ยวยังไม่คืนดีกัน เธอจะต้องอาศัยจังหวะนี้มาแทรกกลางทำให้ทั้งคู่ต่อกันไม่ติด
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าหลังจากเหยียนจิ่งจื้อมาถึง ก็เข้ามาลากเนี่ยเซิงเสี่ยวไป มองเมินเธอราวกับเป็อากาศ ไม่ได้มีความคิดที่จะถามถึงเลยสักนิด แม้แต่ถามเหยียนจิ่งจื้อก็เหมือนไม่อยากจะเปิดปากเสวนากับเธอด้วยซ้ำ!
“นายทำอะไรน่ะ?” เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็ใ พยายามดึงข้อมือตัวเองกลับมา แต่เหยียนจิ่งจื้อยังโกรธอยู่ จนกระทั่งดึงเธอมาอยู่ข้างนอกประตูแล้วถึงจะเอ่ยปาก “เมื่อคืนเพิ่งจะพูดไปว่าจะโดดลงบ่อไฟไปช่วยฉัน วันนี้ก็เตรียมตัวร่วมมือกับผู้หญิงคนนั้นมาหลอกฉันแล้วงั้นหรือ?” เขาชี้ไปที่เจินเนี้ยนที่อยู่ในร้านกาแฟ
ในคำพูดมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม เนี่ยเซิงเสี่ยวที่สะอึกไปครู่หนึ่งถึงจะได้สติกลับมา “เมื่อคืนนายแกล้งเมา?” ทักษะการแกล้งของเขาเก่งขึ้นทุกวันแล้ว
“เธออธิบายมาก่อนว่าพวกเธอจะทำอะไรกัน?” ใจของเหยียนจิ่งจื้อจดจ่ออยู่ที่สัญญาที่เขาเพิ่งจะหยิบมาจากโต๊ะเมื่อครู่ แค่ดูก็รู้แล้วว่าพวกเธอจะทำอะไรกัน
“เชื่อคำพูดของเจินเนี้ยน จากนั้นก็จะพาเหนี่ยวเหนี่ยวไปผ่าตัดแล้วตัดขาดความสัมพันธ์กับฉัน โดยที่ไม่มาเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต?” เขาพูดจบก็รอคำตอบจากเธออย่างฉุนเฉียว เจอเื่แบบนี้ เกรงว่าคนธรรมดาคงไม่สามารถเอาคำว่าร้อนใจมาบรรยายได้แล้ว เขาซึ่งเป็คนที่ถูกกระทำกลับวิ่งแจ้นมาหาเธอพร้อมข้อเสนอ ช่วยเหลือ โดยหวังว่าหลังจากนั้นก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับถูกเจินเนี้ยนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนหลอกเข้า
จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทำไมเหยียนจิ่งจื้อถึงได้เป็แบบนี้ เอาแต่รังแกคนอื่น เสียแรงที่เมื่อคืนเธอคิดว่าในตัวของเขายังมีความอ่อนโยนแบบเมื่อก่อนอยู่ เสียแรงที่เมื่อกี้เธอพูดเพื่อเขา ความหวังดีถูกโยนให้หมากินไปแล้ว ในตอนนั้นที่ทำนบน้ำตาของเธอแตกออก น้ำใสไหลรินออกมา และทุกครั้งมันก็มักจะไหลออกมาต่อหน้าของเหยียนจิ่งจื้อเสมอ