พอิเยี่ยมาถึงก็เห็นิหยวน ปี้อวี้และโหวอิงกำลังช่วยกันเก็บกวาดห้องโถงใหญ่ที่ตอนนี้ มีสภาพเหมือนกับพายุถล่ม ิเยี่ยยืนอึ้ง มองภาพยุ่งเหยิงสลับกับภาพโหวอิงที่กำลัง ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาด จึงรีบสั่งบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาด้วยเข้าไปช่วยพวกเขา ส่วนตัวเองก็ทำท่าเ้ากี้เ้าการสั่งคนนั้นคนนี้ ไม่เห็นทำอันใด จนิหยวนต้องกลอกตาด้วยความหมั่นไส้
คนทั้งหลายช่วยกันยกตู้ลิ้นชักขึ้น เครื่องลายครามในตู้แตกเป็เสี่ยงๆ เศษแหลมคมกระจายไปทั่ว สายตาหลายคู่มองพวกมันด้วยความเสียดาย ค่อยๆ เก็บกวาดอย่างระมัดระวัง แต่แล้วสายตาิเยี่ยก็ปะทะเข้ากับจอกสีฟ้าอ่อนแสนคุ้นเคย เปลือกตาพลันกระตุก ก่อนที่จะแอบส่งสายตาให้ิหยวนทันที ด้านิหยวนจึงขยิบตาห้ามอีกฝ่ายไม่ให้ทำตัวมีพิรุธ
กว่าจะเก็บกวาดเสร็จ ดวงตะวันก็พลันลับขอบฟ้าไปแล้ว โหวอิงเรียกิเยี่ยมาพบก็เพื่อมอบหมายภารกิจบางอย่าง ิเยี่ยจากไปพร้อมความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง พอกลับถึงจวน เขาก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามานั่งรอร่วมโต๊ะอาหารค่ำที่เรือนใหญ่ เพราะมีเื่ที่ต้องรายงานฮูหยินผู้เฒ่า
อันที่จริงโหวอิงก็ได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะอาหารค่ำเช่นเดียวกัน ิฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถึงเื่จะส่งสาวใช้ให้เขามาหลายครั้งหลายหน ด้วยเห็นว่าข้างกายเขามีเพียงบ่าวรับใช้เงอะงะ ซุ่มซ่าม อาจดูแลเขาได้ไม่ดีเท่าสาวใช้ ทว่าเขาก็เอาแต่ปฏิเสธ คราแรกบอกว่าชินกับการอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนสะดวกกว่า ต่อมาเขาพาครอบครัวย้ายมาอยู่ด้วย จึงบอกว่าฮูหยินของเขาเพียงคนเดียวก็จัดการเื่น้อยใหญ่ได้เป็อย่างดี พยายามปฏิเสธน้ำใจจากตระกูลิอย่างสุภาพมาตลอด
เื่ที่ิเยี่ยต้องพูดในวันนี้ก็คือ คุณชายตงเลี่ยงพาพวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงร่ายกวีริมธารน้ำโค้งตวัดใน่เทศกาลซ่างซื่อ เขาจึงได้พาสาวใช้ข้างกายออกไปเปิดหูเปิดตาด้วย คาดไม่ถึงว่าปี้อวี้พูดคุยกับโหวฮูหยินเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้ซือเหนียง [1] ชื่นชอบและเอ็นดูนางมาก เรียกหานางอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงนึกถึงเื่ที่ท่านอาจารย์เอาแต่ปฏิเสธ มิสู้ใช้โอกาสนี้ส่งปี้อวี้ไปรับใช้พวกเขา ทั้งยังถือเป็การแสดงความกตัญญูในฐานะศิษย์อีกด้วย
คำพูดของเขาฟังดูมีเหตุมีผลเสียจนคนฟังแปลกใจ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเอ่ยเย้าเขา “ยกคนคุ้นเคยให้คนอื่น เ้าทำใจแยกจากนางได้หรือ?”
“โธ่ท่านย่า ก็แค่สาวใช้คนเดียว หลานยังเด็กถึงเพียงนี้ มีสิ่งใดให้หลานตัดใจแยกจากนางไม่ได้กัน ความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวมันเทียบกับความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์ไม่ได้สักนิด”
“ไอ้หยา เยี่ยเก้อเอ๋อร์โตแล้วจริงๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าปลื้มใจเป็ที่สุด “หากเ้ายืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะส่งปี้อวี้ไป คราวนี้คุณชายโหวคงไม่ปฏิเสธ ส่วนเ้าจะปล่อยให้ขาดคนรับใช้ข้างกายไม่ได้ จากนี้ไปข้าจะให้ชิวเหินคอยรับใช้ข้างกายเ้าแทนปี้อวี้ก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณท่านย่าที่กรุณาขอรับ” เอ่ยจบิเยี่ยก็รีบกลับไปหาิหยวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่ทั้งสองพบหน้ากัน ิเยี่ยแทบอยากกรีดร้อง “สำเร็จแล้วๆ ท่านย่ารับปากแล้ว ตอนนี้กำลังให้คนเขียนสัญญาส่งตัวปี้อวี้ไป เ้าว่าคุณชายโหวช่วยรับนางไปแล้ว เด็กในท้องเล่า ต้องใช้สกุลโหวหรือไม่?”
ิหยวนมองเขาตาขวาง “ย่อมไม่ใช่สกุลโหวอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยสองชีวิตนี้ก็รอด นับว่าท่านอาจารย์มีคุณธรรมสูงส่งกว่าท่าน”
ิเยี่ยขำแห้ง “นั่นเป็เพราะ… ไม่เช่นนั้นเขาจะได้เป็ถึงท่านอาจารย์หรือ”
เอ่ยจบก็ทำท่าจะหมุนตัวจากไป ิหยวนรีบรั้งเขาไว้ พร้อมส่งถุงกระดาษที่ซ่อนเอาไว้ให้อีกฝ่าย “อันใดอีกเล่า ของสิ่งใด? ข้าไม่้า”
“อะไร?”
ิเยี่ยรับมันมาอย่างงงๆ พอลองเปิดดูข้างใน ก็ต้องรีบขยับเข้าไปต่อยแขนิหยวนด้วยความประหลาดใจ “เ้านี่เก่งใช่ย่อย! เอามาได้อย่างไร! ข้าคิดว่ามันแตกไปหมดแล้ว!”
ิหยวนชักจะเป็ห่วงสติปัญญาของอีกฝ่ายแล้วสิ หากไม่ใช่เพราะจอกชาเ้าปัญหานี่ เขาคงไม่พาหลิวเปียวเข้าไปต่อสู้ใกล้ๆ ตู้ลิ้นชักหรอก
ิเยี่ยรีบเก็บของไว้ให้ดี ผ่านไปสักพักถึงคิดออก “เ้านี่ร้ายกาจมาก ข้าทำแตกแค่ใบเดียวยังหวาดระแวงไปตั้งหลายวัน แต่เ้ากลับทำให้มันแตกเกือบหมดเลย!”
“ใดๆ ในโลกล้วนเป็เช่นนี้ หากไม่สร้างความเสียหาย ก็ไม่นับว่าเป็ภัยพิบัติ” ิหยวนยกยิ้ม “เอ๊ะ แล้วท่านจะบอกเื่ของปี้อวี้กับฝู่จวินอย่างไร?”
“จะให้พูดอย่างไรได้ ก็ต้องบอกเหมือนที่พวกเ้าพึ่งสอนข้าไปน่ะสิ”
“นี่ท่านโง่จริงหรือแกล้งโง่ คิดว่าฝู่จวินจะเชื่อเื่พวกนั้นหรือ?” อันที่จริงิหยวนอยากจะพูดว่า "คิดว่าท่านพ่อเ้าไม่รู้จักนิสัยเ้าดีหรืออย่างไร? เ้าทำเื่ดีๆ เช่นนั้นเป็ที่ไหนกัน" อีกทั้งจะปล่อยให้ข้าวของของท่านอาจารย์เสียหายไปอย่างไร้ประโยชน์ได้อย่างไรกัน ไอ้คนชั่วผู้นั้นทำสิ่งใดไว้บ้าง เขาลืมเื่พวกนี้ไปหมดแล้วหรือ ข้าวของในตู้ลิ้นชักหลังนั้นต้องเสียหายก็เพราะเขา
“ฝู่จวินจับตาดูพวกท่านพี่น้องอยู่ตลอด ทันทีที่กลับมาจะต้องเรียกท่านไปถามแน่ ถึงตอนนั้นท่านต้องบอกความจริงทั้งหมดแก่เขา” ิหยวนกำชับ “แล้วก็อย่าลืมบอกว่าหลิวเปียวข่มขู่ทำร้ายร่างกายนางจนเป็เหตุให้ตู้ลิ้นชักที่เต็มไปด้วยเครื่องลายครามชั้นดีล้ม”
ิเยี่ยรีบบันทึกคำพูดทั้งหมดไว้ในหัว เพื่อนำกลับไปรายงานบิดาของตน อาการท้องไส้ปั่นป่วนก็พลันกลับมา ทว่าปากกลับทำหน้าที่ได้เป็อย่างดี บรรยายถึงการกระทำชั่วร้ายของหลิวเปียว ทั้งสภาพยุ่งเหยิงในห้องโถงที่สำนักศึกษา ทั้งเื่ที่ปี้อวี้คิดสั้นโดดลงแม่น้ำ อธิบายแบบละเอียดยิบเสียจนคนฟังทั้งสงสารทั้งโมโห ิหลานผู้เป็ประมุขตระกูลิคนปัจจุบันได้ฟังดังนั้นก็โมโหตามคาด
ิหลานมีอีกชื่อว่า “รุ่ยตง” เป็คนกตัญญูมีคุณธรรม ก่อนหน้านั้นเขามีตำแหน่งเป็เ้าเมืองชินโจว ต่อมาได้ลาออก และย้ายกลับมาบ้านเกิดเพื่อดูแลครอบครัว ซึ่งเป็แนวทางปฏิบัติที่ได้รับความนิยมในเวลานั้น หลังขึ้นเป็ผู้นำตระกูลิก็ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในจวนให้ดีขึ้น ตระกูลิจึงมั่นคง ไร่นาเจริญงอกงาม เป็ตระกูลที่มีเกียรติ ผู้คนนับหน้าถือตา แต่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลต้องมาด่างพร้อยเพราะลูกหลานประพฤติตัวชั่วช้า รังแกข่มเหงผู้อื่น
เดิมทีิหลานก็ไม่ชอบใจญาติอย่างหลิวเปียวอยู่แล้ว แต่สองตระกูลตั้งรกรากอยู่ในอำเภอเดียวกัน จึงไม่ใช่เื่ง่ายที่จะตัดสัมพันธ์ ทว่าตอนนี้คนตระกูลนั้นได้สร้างปัญหาให้ตระกูลเขาแล้ว!
“มันจะมากเกินไปแล้ว!”
ิหลานคว้าจอกชาขึ้นมากำลังจะทุบลงพื้น แต่พอเห็นลายกลีบบัวแห่งเมืองจือปั๋วก็ชะงัก มือสั่นเทาด้วยความโกรธ แต่ก็ทำใจขว้างจอกในมือไม่ลง จึงเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ “ไปที่โกดัง สั่งให้คนส่งชุดน้ำชาให้คุณชายตงเลี่ยง รวมทั้งจานชาม เครื่องลายครามอื่นๆ เลือกชุดที่คุณภาพดีที่สุดอย่างละชุด แล้วส่งไปให้เขาทันที บอกเขาว่าข้ารู้เื่ทั้งหมดแล้ว ขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือ และขออย่าแพร่งพรายเื่นี้”
เมื่อเห็นบุตรชายกำลังเดินจากไป ิหลานก็อดสั่งสอนเขาอีกไม่ได้ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังทำอะไรอยู่ข้างนอก! ยามนี้เ้าได้หมั้นหมาย ถือว่าโตแล้ว หากยังทำตัวเช่นเดิม! แม้กิจการของตระกูลิจะมีพี่ชายทั้งสองของเ้าคอยดูแล แต่เ้าก็ควรตั้งใจศึกษาเล่าเรียน อย่าเอาแต่เที่ยวเตร่เหมือนพวกหนุ่มเ้าสำราญ ทำตัวเสเพลไปวันๆ!”
ิเยี่ยกลัวบิดามาั้แ่เด็กๆ เห็นบิดา ทีไรก็หวาดกลัวเหมือนหนูเจอแมว ในเวลานี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกปากรับคำอย่างเชื่อฟัง
“หนีห่างคนพาล เข้าหาคนดี แต่นี้ไปเ้าอยู่ให้ห่างคนตระกูลหลิว! รวมถึงลูกหลานตระกูลิทุกคนด้วย หากข้ายังเห็นไปคบค้าสมาคมกับคนพวกนั้นอีก ข้าจะหักขาเ้าทิ้งเสีย!”
ิเยี่ยรับปากทันที
“ออกไปได้แล้ว” ิหลานเห็นท่าทางขี้ขลาดของบุตรชายก็พลันรู้สึกรำคาญจึงออกปากไล่ บุตรชายคำนับลายังไม่ทันได้หมุนตัวจากไป ผู้เป็บิดาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ผู้ใดเป็คนสอนคำพูดพวกนี้ให้เ้า เรียกให้มาพบข้า”
ิเยี่ย "…ห้ะ?"
-------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ซือเหนียง (师娘) หมายถึง ภรรยาของอาจารย์หรือจะเรียกว่าอาจารย์แม่ก็ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้