ฮวาชีเยว่ยื่นมือออกไปจับมือน้อยๆ ของเทียนซี มือเด็กชายนุ่มนิ่มราวกับดอกไม้ในวสันตฤดู เติมเต็มหัวใจนางให้นุ่มนวล
“เทียนซี...แม่ต้องรักษาคอของเ้าให้ได้ ทำให้เ้ากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!”
ฮวาชีเยว่คิดกับตนเองขณะจับมือบุตรชาย นางก็เข้าสู่ความฝันอันแปลกประหลาด
ขณะเดียวกันนั้นเอง
ชิวอวิ๋นคุกเข่าอยู่ในเรือนเล็กผุพังที่สวนด้านหลังต่อหน้าฮวาเมิ่งซือ ตัวสั่นสะท้านหวาดกลัว
“พูด! เ้าได้ใส่ยาลงไปในน้ำแกงหรือไม่?” ฮวาเมิ่งซือจ้องมองเด็กสาวเบื้องหน้าอย่างเ็า สายตาคู่นั้นทำให้ซูโหรวตัวสั่นไม่ต่างกัน
“ไม่ ไม่เ้าค่ะ! คุณหนู บ่าวย่อมไม่ทรยศท่าน! บ่าววางยาถ่ายในน้ำแกงนั้นแล้ว ทว่ากลับไร้ผลเ้าค่ะ!” ชิวอวิ๋นส่ายหน้าไปมาราวกับงูหางกระดิ่ง ใบหน้าฉายแววหวาดหวั่น
“เ้าวางยาถ่ายแล้ว? น่าขันนัก นั่นเป็ยาถ่ายที่แรงที่สุดที่ท่านหมอให้มา หากเ้าวางยานางแล้วจริง นางจะยังไม่เป็ไรได้อีกหรือ?” ฮวาเมิ่งซือยิ้มแสยะ “ได้ยินว่ายามนี้ฮวาชีเยว่ร่ำรวยนัก มอบเงินทองให้บ่าวไพร่มากมาย ชิวอวิ๋น เ้าได้ทรยศข้าไปหานางเพราะเงินหรือไม่?”
ชิวอวิ๋นโขกศีรษะลงไปบนพื้นเสียงดังลั่นราวกับทุบกระเทียม “ไม่ ไม่เ้าค่ะ...เชื่อบ่าวเถิดนะเ้าคะ...บ่าวเคยรังแกคุณหนูใหญ่ นางจะดูแลบ่าวดีๆ ได้หรือ? บ่าวไม่เคยได้แม้แต่อีแปะเดียวเ้าค่ะ!”
ฮวาเมิ่งซือหรี่ตาลง ชิวอวิ๋นกล่าวได้ถูกต้อง แม้นางจะยกชิวอวิ๋นให้ฮวาชีเยว่ไปแล้ว นางก็ยังให้คนจับตามองชิวอวิ๋นอยู่
ชิวอวิ๋นวางยาฮวาชีเยว่แล้ว อาจเป็หมอผู้นั้นที่หลอกลวงนาง
ทว่าฮวาเมิ่งซือยังคงยกมือ “ก่อนอื่น สั่งสอนบทเรียนให้นาง หากคราวหน้าทำได้ดี เช่นนั้นค่อยตกรางวัล! ”
ซูโหรวได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดลง โจวมามาแค่นเสียง หยิบกระเป๋าปักลายใบเล็กแล้วจึงดึงเข็มเล่มยาวบางออกมา!
ชิวอวิ๋นกลัวจนสั่นไปทั้งร่าง “ไม่นะเ้าคะ...คุณหนูช่วยบ่าวด้วย! ช่วยด้วย!”
นางกลัวจนไม่อาจพูดจบประโยค แม้จะทราบดีว่าฮวาเมิ่งซือเป็คนโหดร้าย นางยังคงหวาดกลัวเมื่อถูกลงโทษ โจวมามาหยิบเข็มเล่มยาวเดินไปหาชิวอวิ๋น แล้วเตะนางอย่างแรง
ชิวอวิ๋นถูกเตะจนล้มลงบนพื้นทว่ามิกล้าขัดขืน นางมองซูโหรวด้วยสายตาวิงวอน ทว่าซูโหรวกลับไม่กล้ามองนาง คนได้แต่หุบปากเงียบจ้องมองพื้น ทว่านิ้วกลับสั่นสะท้าน
โจวมามาจับมือชิวอวิ๋นข้างหนึ่งแล้วแทงเข็มเข้าไปที่เอว ความเ็ปรุนแรงเสียจนชิวอวิ๋นเกือบกรีดร้องออกมา ทว่าจ้าวมามากลับบังคับปิดปากนางเอาไว้เสียก่อน
โจวมามาดึงเข็มออก แล้วแทงเข้าไปอีกครั้ง คนทั่วไปมิอาจทนความเ็ปเช่นนี้ได้ ซูโหรวหันไปอีกทาง ไม่อาจทนมองภาพการทรมานได้
ชิวอวิ๋นถูกเข็มแทงอยู่หลายครั้งจนหมดสติไปด้วยความเ็ป โจวมามาและจ้าวมามาจึงยอมปล่อยนางไป
“คุณหนู เราจะทำอย่างไรต่อไปเ้าคะ?”
“ปลุกนาง ให้นางกลับเรือนกุ้ยฮวา!” ฮวาเมิ่งซือตอบอย่างหมดความอดทนแล้วเดินออกไป
สองมามามิกล้าพูดมาก หันไปเตะชิวอวิ๋นแทน ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมตื่น พวกนางจึงต้องสาดน้ำเย็นๆ ใส่หน้า
ชิวอวิ๋นตื่นขึ้นมาเห็นสองมามาจ้องมองนางด้วยสายตาดุดันจนกลัวสุดขีด ได้แต่ร้องไห้ตัวสั่น “คุณหนู ไม่ ไม่เอา...”
“คุณหนูไปแล้ว เ้าต้องกลับไปเอง หากใครถามว่าเกิดอะไรขึ้น เ้าทราบคำตอบใช่หรือไม่?”
โจวมามาสั่งเสียงเย็นก่อนจากไปพร้อมจ้าวมามา ชิวอวิ๋นทำได้เพียงััถึงร่างกายที่เย็นเยียบเปียกโชก แม้จะเป็หน้าร้อนทว่านางกลับถูกน้ำเย็นๆ รดไปทั่วร่าง! ทำให้ตัวแข็งไปหมด!
เมื่อกลับถึงเรือนกุ้ยฮวา นางก็ถูกโหย่วชุ่ยเจอตัวพร้อมสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชิวอวิ๋นโกหกออกไป บอกว่านางต่อบ่อน้ำ โหย่วชุ่ยจึงเร่งให้นางรีบไปอาบน้ำพักผ่อน
เช้าวันที่สอง ยามที่ฮวาชีเยว่กำลังช่วยเทียนซีล้างหน้า โหย่วชุ่ยและลู่ซินก็เข้ามา เห็นหญิงสาวกำลังล้างหน้าบุตรชาย คนทั้งสองก็รีบเข้ามาช่วย
ฮวาชีเยว่ยิ้มบางแล้วปฏิเสธ ดังนั้นโหย่วชุ่ยจึงได้แต่รายงานความผิดปกติของชิวอวิ๋นเมื่อคืนนี้ให้หญิงสาวฟัง
ฮวาชีเยว่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก “โหย่วชุ่ย เ้าไปดูแลนางด้วยตัวเอง หากนางไม่สบายก็ให้นางพักผ่อนดีๆ อ้อ เอาเงินนี้ไป ตกรางวัลให้นางห้าร้อยตำลึงเถอะ”
โหย่วชุ่ยรับปากทันทีแม้จะตกตะลึงกับการตัดสินใจของฮวาชีเยว่ พวกนางทราบว่าชิวอวิ๋นมีเจตนาร้าย ้าทำร้ายผู้เป็นาย ทว่าคนกลับไม่ไต่สวนทั้งยังตกรางวัลแทน ทำให้สถานการณ์แปลกประหลาดจริงๆ
ทว่าผู้เป็นายออกคำสั่ง โหย่วชุ่ยก็ไม่ถาม นางถือเงินเอาไว้ ตรงไปยังเรือนข้าง เคาะประตูเรือนชิวอวิ๋นพร้อมกับผู้อื่น จากนั้นจึงได้ยินเสียงเหน็ดเหนื่อยของชิวอวิ๋นดังออกมา
“เข้ามาได้...”
โหย่วชุ่ยผลักประตูเข้าไป เห็นชิวอวิ๋นนอนป่วยอยู่บนเตียง “ทำไมกันชิวอวิ๋น? เ้าป่วยหรือ? ”
“ออกจะ...ไม่ค่อยสบายอยู่บ้างเ้าค่ะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทราบว่าตอนนี้กลางวันแล้ว!” ชิวอวิ๋นอยากลุกขึ้นมานั่ง ทว่ากลับรู้สึกเ็ปเสียดแทงขึ้นมาที่เอว เมื่อคืนนางเหน็ดเหนื่อยสุดขีดทั้งยังไม่ได้นอนตลอดคืน เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะเอาใจคุณหนูรองอย่างไรดี
จากนั้นนางจึงผล็อยหลับไปกระทั่งโหย่วชุ่ยมาเคาะประตู
“คุณหนูใหญ่บอกว่าหากเ้าป่วยก็พักผ่อนเสียก่อนเถอะ อ้อ ใช่ นี่เงินห้าร้อยตำลึง คุณหนูตกรางวัลให้เ้า จุ๊ๆ! เดือนนี้คุณหนูตกรางวัลพวกราวเกือบหนึ่งพันตำลึงแล้ว เพราะเมื่อวานนางชนะพนันมา!” โหย่วชุ่ยยิ้ม วางเงินห้าร้อยตำลึงลงข้างเตียงชิวอวิ๋น
ชิวอวิ๋นทั้งอึ้งทั้งตกตะลึง! มิคาดนางจะได้รับรางวัลถึงห้าร้อยตำลึงทั้งที่เพิ่งเข้ามารับใช้ฮวาชีเยว่!
ใจกว้างนัก!
เป็บ่าวไพร่ ต่อให้ทำงานทั้งชีวิตก็เก็บเงินห้าร้อยตำลึงได้อย่างยากเย็น!
“ช่วยบ่าว...ขอบคุณคุณหนูใหญ่ด้วย!” ชิวอวิ๋นไม่ทราบเลยว่ายามนี้เป็เพราะนางใเกินไปหรือไม่ จึงได้ร้องไห้ออกมา
“เอาล่ะ พักผ่อนให้ดีๆ รอจนเ้าอาการดีขึ้นเถอะ” โหย่วชุ่ยตอบแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ชิวอวิ๋นหยิบถุงเงินมาดู มีอยู่ห้าร้อยตำลึงเงินจริงๆ!
นางจ้องมองเงิน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน นางติดตามคุณหนูรองมาห้าหกปี ได้รับเงินไม่ถึงสิบตำลึงเงิน
แต่ตอนนี้คุณหนูใหญ่เพิ่งให้นางมาห้าร้อยตำลึงเงิน
คำร่ำลือในหมู่บ่าวไพร่สกุลฮวาเป็ความจริง ยามนี้คุณหนูใหญ่ร่ำรวยแล้ว แถมยังใจกว้างต่อบ่าวไพร่ยิ่งนัก ถึงกับทำให้พ่อบ้านหวางเชื่อฟังได้ ทว่าอี๋เหนียงสอง คุณหนูรอง และคุณหนูสามต่างสูญเสียการควบคุมจวนไปแล้ว บางที นายที่แท้จริงของสกุลฮวาในยามนี้คงเป็คุณหนูใหญ่กระมัง?
ใจนางหวั่นไหวขึ้นมาเมื่อคิดถึงต้นหลงแดงสีเืในสวน
ทั้งฮวาชีเยว่และฮวาเมิ่งซือต่างก็เป็นาย ทว่ากับปฏิบัติต่อนางต่างกันโดยสิ้นเชิง ฮวาชีเยว่ตกรางวัลให้นางห้าร้อยตำลึง ในขณะที่ฮวาเมิ่งซือกลับแทงเอวนางด้วยเข็มทำให้เ็ปไปอีกหลายวัน
แสงสลัวปรากฏขึ้นในดวงตาชิวอวิ๋น
...
“คุณหนู เมื่อวานพวกท่านไปไหนกันหมดเ้าคะ? คุณชายน้อยเทียนซีจะพาบ่าวไปตามหาท่าน แต่บ่าวเกรงว่าคุณชายจะไปซุกซนที่ไหนจนหลงทางจึงมิได้พาออกไปเ้าค่ะ” โหย่วชุ่ยยืนอยู่ข้างหนึ่ง ถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
เทียนซีกำลังทานเกี๊ยวข้าวอยู่ เมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกก็ดึงแขนเสื้อฮวาชีเยว่ ดวงตาปรากฏความคาดหวังและตื่นเต้น
ฮวาชีเยว่ยิ้ม พยักหน้า “เอาล่ะ เทียนซีทานก่อน วันนี้แม่จะพาเ้าไปที่ร้าน ให้เ้าซื้อทุกอย่างที่อยากทานดีหรือไม่? ”
ชาติก่อนฮวาชีเยว่มิได้ใช้เวลากับเทียนซีมากนัก ยามนี้นางจึง้าชดเชยให้เขา
ดวงตาของเทียนซีสว่างไสวขึ้นมา ฮวาชีเยว่รู้สึกปวดใจเล็กน้อย นางลูบหัวเด็กชายแล้วจิบน้ำแกงเกี๊ยวข้าวเข้าไป
เด็กน้อยกินเกี๊ยวข้าวทั้งจานเข้าไปอย่างเชื่อฟัง แม้จะอิ่มแล้วก็ยังอยากทานอีก ทำให้ฮวาชีเยว่ต้องห้ามเอาไว้
“เทียนซีไม่ต้องกินอีกแล้ว ประเดี๋ยวเจอของอร่อยข้างทางเ้าคงได้ทานอีก หากเ้ากินจนอิ่มั้แ่ตอนนี้ ถึงเวลานั้นก็ทานไม่ได้แล้ว!” ฮวาชีเยว่ยิ้ม เทียนซีพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ยิ้มสว่างไสว
เด็กน้อยน่ารักยิ่ง ทำให้ทั้งลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็เอาอกเอาใจเขา
“คุณหนู เอาร่มไปด้วยนะเ้าคะ มิเช่นนั้นจะร้อนเกินไป”
“คุณหนู เอาน้ำไปด้วยหรือไม่เ้าคะ?”
“แค่ร่มก็พอ! น้ำไม่จำเป็! ข้างนอกคงมีน้ำดื่มกระมัง? ย่อมมีอาหารทุกอย่างอยู่แล้ว!” ฮวาชีเยว่ยิ้มขัดลู่ซิน
เช่นนี้เอง บ่าวทั้งสองจึงออกไปเตรียมการสักครู่ก่อนจะหาร่มมาสองคัน อันที่จริงพวกนางนั่งรถม้ากันไปตลอดทาง ลงจากรถเพียงแค่ตอนเจอของอร่อย ไม่จำเป็ต้องใช้ร่มก็ได้
เมื่อพาเทียนซีไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า มอบน้ำแกงหลงแดงใส่เกี๊ยวข้าวให้นางแล้ว ฮวาชีเยว่ก็ออกจากเรือนฝูซินของฮูหยินผู้เฒ่ามา
ขณะที่กำลังเดินผ่านสวนนั้นเอง เสียงกรีดร้องอย่างโมโหของฮวาเสี่ยวอีก็ลอยมา “ไสหัวไป! เหตุใดเ้ารักษาข้าไม่ได้? บัดซบ!”
ได้ยินเสียงนั้น ฮวาชีเยว่ก็มองไปยังศาลาวั่งเยว่ด้านข้าง เห็นหมอคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าคุณหนูสองฮวาเสี่ยวอีอย่างเคารพ โขกศีรษะลงพื้นอย่างรุนแรง ราวกับท่านหมอผู้นั้นกำลังถูกรังแก
ฮวาเสี่ยวอีโมโหสุดขีด นางเตะหมอคนนั้นจนทรุด “นางแพศยาสมควรตาย! ยามนี้ข้าเสียโฉมแล้วจะออกไปข้างนอกได้อย่างไร? ”
อี๋เหนียงสามที่อยู่ข้างๆ คอยปลอบนางอยู่ “เสี่ยวอี อย่าทำเช่นนี้เลย...ได้ยินว่าหนานอ๋องมากฝีมือด้านการรักษา ลองไปขอร้องท่านกันเถอะ...”
เสียงหลังจากนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน ฮวาชีเยว่ยกสายตาขึ้น ฮวาเสี่ยวอีสมควรตาย นางย่อมต้อง่ชิงสิ่งที่ถูกแย่งไปจากเ้าของร่างนี้คืนมาให้หมด!
เทียนซีนั่งอยู่ในรถม้า มองไปยังโลกภายนอกอย่างตื่นเต้น เดินทางไปได้ไม่ไกลก็พบกับรถม้าหรูหราที่มีสัญลักษณ์ตระกูลจี้เข้า
แม้ถนนจะกว้าง ทว่าลู่ซินกลับมีสายตาเฉียบคมมองเห็นจี้จิงทันที
“คุณหนูเ้าคะ นั่นคุณหนูจี้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ฮวาชีเยว่เลิกม่านขึ้นเห็นจี้เฟิงเข้าพอดี เมื่อเห็นนาง จี้เฟิงก็ส่งสัญญาณให้รถม้าหยุดลง “ชีเยว่ จะไปที่ใดหรือ?”
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ พวกเราเพียงพาเทียนซีมาเดินเล่น พี่จี้อยากมาเดินเล่นด้วยกันหรือไม่?” ฮวาชีเยว่ยิ้มจางๆ ขณะที่จี้จิงหัวเราะออกมา “พี่ชีเยว่ ได้ยินว่าท่านชนะได้เงินรางวัลมาหลายตำลึงเงิน เช่นนี้ท่านต้องเลี้ยงอาหารที่ภัตตาคารวั่งเยว่ให้พวกข้าแล้ว!”
ฮวาชีเยว่เฉลียวฉลาด ทราบว่าต่อหน้าคนทั้งคู่นางไม่จำเป็ต้องเสแสร้ง ถึงอย่างไรจี้เฟิงก็เป็ยอดฝีมือ หากเขามิอาจมองเห็นท่าทีเสแสร้งของนาง ย่อมมิอาจถูกเรียกเทพโอสถแล้ว