สิบปีให้หลัง ณ เมืองหลินไห่ หญิงสาวสวมกางเกงยีนรัดรูปนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ร้างริมถนน แสงแดดยามเที่ยงวันร้อนดั่งเปลวเพลิง อุณหภูมิของเมืองหลินไห่พุ่งสูงถึง 38 องศา นอกจากหญิงสาวคนนี้แล้วคงไม่มีใครอยากมาที่ชานเมืองในวันเช่นนี้แน่
จะว่าไปแล้ว บนถนนก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถสักคัน เสื้อยืดรัดรูปคอกลมของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำ ความโค้งมนอันกลมกลึงของเนินอกขนาด 32C นั้นเปี่ยมไปด้วยลมหายใจของวัยแรกรุ่น
หญิงสาวคนนั้นเกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์อันงดงาม ดวงตากลมโตที่หางตาเชิดขึ้นทั้งคู่ฉายความฉลาดเฉลียว สันจมูกตั้งตรงราวนางแบบทางตะวันตก ริมฝีปากแดงประหนึ่งลูกเชอรี่ ขับกับผิวขาวเนียนละเอียด ส่วนสูงนางแบบ 168 เิเ ่ตัวแคบเรียวขายาว 105 เิเ งามเสียจนนักบวชไม่อาจทำใจให้สงบได้
หญิงสาวลักษณะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในถิ่นทุรกันดาร ช่างเป็เื่ที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้านหลังเอวของเธอ ได้ห้อยปืนพก.77 ซึ่งตำรวจพกพาไว้ด้วย
ในที่สุดการรอคอยอันแสนยาวนานก็ได้รับความเห็นใจจากพระผู้เป็เ้า จู่ๆ ลมก็พัดกรรโชก กระทั่งหางม้าดำขลับของเธอพลิ้วไหว
เธอแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า หาใช่เทพเ้าประทานพรเป็ลมฤดูร้อนลงมาไม่ แต่มันคือเฮลิคอปเตอร์ WZ-10 สองลำซึ่งกำลังบินว่อนอยู่เหนือศีรษะ เครื่องยนต์ติดตั้งขีปนาวุธอากาศชนิดต่อต้านรถถังหัวจรวดแบบยิงต่อเนื่อง 32 ลูกอยู่ในระยะประชิดกระทั่งสามารถมองเห็นหมายเลขของมันได้
รอบเมืองหลินไห่ไม่มีค่ายทหาร เช่นนี้แล้ว เื่นี้จึงหาดูได้ยาก หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ
ณ ขณะนั้น บนถนนไกลๆ ขบวนรถถังหุ้มเกราะลายพรางกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง แน่นอนว่าหัวขบวนเป็รถถังหนัก 99A รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งขบวนมีอยู่ 2 คัน กอปรกับรถลำเลียงพลหุ้มเกราะอีก 3 คัน เมื่อรวมกับเฮลิคอปเตอร์ WZ-10 สองลำที่อยู่เหนือศีรษะแล้ว การรวมตัวเช่นนี้เพียงพอที่จะล้างบางหมู่บ้านขนาดเล็ก และดับชีวิตผู้ก่อการร้ายนับร้อยได้สบาย
ทว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมายในวันนี้มีเพียงชิ้นเดียว...นั่นก็คือการนำส่ง “พัสดุมีชีวิต”
รถหุ้มเกราะสีดำดีเซลหยุดลงตรงหน้าหญิงสาว รถถังสองคันเคลื่อนนำหน้าไปเล็กน้อย ก่อนจะหมุนปากกระบอกปืนเล็งไปยังรถหุ้มเกราะที่อยู่ตรงกลาง เฮลิคอปเตอร์ WZ-10 ที่อยู่บนเหนือศีรษะก็พุ่งเป้าไปยังตำแหน่งเดียวกัน
นายทหารชั้นพิเศษซึ่งติดอาวุธครบมือหลายสิบนายย่างกรายลงจากรถถังสองคันหน้าหลัง พวกเขากระจายกำลังตั้งแถวสองแถว ตั้งท่าเตรียมยิง และที่ด้านข้างของหญิงสาวก็มีทหารสองนายขนาบข้าง อย่างกับกำลังตั้งรับศัตรูระดับพระกาฬ
ท้ายสุด กลุ่มนายทหารซึ่งสวมชุดเกราะแข็งเดินไปยังรถหุ้มเกราะตรงกลาง พวกเขาเปิดประตูรถออก ก่อนจะใช้แท่งเหล็กยาวขนาด 2 เมตรสอดเข้าไปล็อกกับกุญแจมือด้านใน และนำ “พัสดุ” ที่พวกเขาทำการจัดส่งออกมา
ชายคนนั้นสวมกางเกงยีนที่ซักจนขาวซีด เสื้อยืดเข้ารูปเผยกล้ามเป็มัดๆ
โซ่ตรวนที่พวกเขาใช้ล่ามชายหนุ่มนั้นหนักกว่าโซ่ที่ใช้ล่ามช้าง บริเวณศีรษะของเขาถูกครอบไว้ด้วยหน้ากากคล้ายศาสตราจารย์กินคนในเื่ The silence of lambs เหลือให้เห็นแค่เพียงรูม่านตาทั้งสองข้างซึ่งมองไปรอบๆ โดยไม่กะพริบ
“เวอร์ไปหน่อยไหม” หญิงสาวหยิบข้อมูลที่ได้มาขึ้นดู เธอเป็คนของทางตำรวจซึ่งมารับนักโทษพิเศษผู้ต้องโทษปะานายหนึ่งกลับบ้าน
ซึ่งนักโทษปะาคนนั้นก็คือ “มือสังหารหนุ่ม” ผู้มีชื่อเสียงเมื่อสิบปีก่อน ปีศาจที่มือเปื้อนเื 104 ชีวิต แต่คนที่เขาปลิดชีวิตล้วนเป็อันธพาลทั้งสิ้น ดังนั้นสื่อและชาวบ้านจึงเรียกเขาว่าพ่อฮีโร่
จะฮีโร่ก็ดี ปีศาจก็ช่าง จากรายงานข่าว เขาควรได้รับโทษปะาชีวิตไปั้แ่สิบปีก่อน สำหรับโลกใบนี้ เสิ่นิไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว เขาผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ณ ขณะนี้ เป็แค่เพียง “คนธรรมดา” ซึ่งบังเอิญชื่อแซ่เดียวกันเท่านั้น
“มีใครช่วยทำเื่ส่งมอบนักโทษให้ฉันทีได้ไหม สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเซี่ยวอี๋ มาจากสถานีเมืองหลินไห่” หญิงสาวกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่รู้จะดำเนินขั้นตอนนี้กับใครให้เสร็จสิ้นไปได้
“ส่งถึงที่หมายแล้ว! ถอนกำลัง! ถอนกำลัง! ถอนกำลัง!” พอได้ยินคำสั่งหัวหน้าทีม สมาชิกทั้งหมดก็พากันล่าถอยไปยังรถหุ้มเกราะอย่างว่องไวราวกับเห็นผี และในทันใดนั้นเอง ขบวนรถก็เคลื่อนกลับพลันหายวับไปโดยที่ไม่ทิ้งไว้แม้แต่เงา
หลังจากที่ฝุ่นตลบจางลง ก็เหลือเพียงแต่เสิ่นิที่ยืนตัวสั่นอยู่บนพื้นถนนอันเงียบสงัด บนพื้นทิ้งไว้ซึ่งกุญแจดอกหนึ่ง
“ท่าจะต้องระวังผู้ชายคนนี้ให้ดีเสียแล้ว…” เซี่ยวอี๋รับผิดชอบภารกิจเช่นนี้เป็ครั้งแรก เมื่อเหลือกันตามลำพังกับเสิ่นิซึ่งตอนนี้ถูกมัดเหมือนกับบ๊ะจ่าง เธอก็ยังรู้สึกเกรงๆ อยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เซี่ยวอี๋ก็เป็ตำรวจหญิงชั้นแนวหน้า เธอไม่มีวันกลัวจนตัวสั่นหน้าซีดหรอก
เมื่อเซี่ยวอี๋สงบลงแล้ว เธอปลดกระดุมซองปืนที่ด้านหลังเอว พร้อมกับหยิบกุญแจขึ้นมาจากพื้นอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินเข้าไปหาเสิ่นิ
“เสิ่นิ?” เซี่ยวอี๋ถาม
ตา “บ๊ะจ่าง” นั่นพยักหน้า
“ฉันเป็เ้าหน้าที่ตำรวจที่มารับนาย ชื่อเซี่ยวอี๋ อย่างไรนายก็ยังอยู่ใน่ภาคทัณฑ์ ในสองปีที่จะถึงนี้ ฉันจะจับตาดูนาย 24 ชั่วโมง ทุกการเคลื่อนไหวของนาย ฉันจะต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ หากนายละเมิดกฎละก็ ฉันมีสิทธิ์ฆ่านายได้ทันที ถึงนายจะไม่ยินดีรับข้อตกลงนี้ ฉันก็มีสิทธิ์ฆ่านายอยู่ดี เข้าใจไหม” ในขณะที่เซี่ยวอี๋พูดอยู่นั้น มือข้างหนึ่งของเธอก็ถือกุญแจ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็กำปืนพกอยู่ที่ด้านหลังเอว
“บ๊ะจ่าง” สั่นศีรษะจนเกิดเสียงดังป๋องแป๋ง
เซี่ยวอี๋นำกุญแจเสียบเข้าไปในรูที่อยู่บริเวณบั้นท้ายของเสิ่นิ เธอตระหนักได้ว่าผู้ที่ออกแบบล็อกชุดนี้คงจะต้องเป็เกย์แน่ๆ…
เสียงแกรกดังขึ้น ล็อก 36 จุดทั่วร่างของเสิ่นิคลายออกอย่างพร้อมเพรียง เสิ่นิะโพุ่งใส่ร่างเซี่ยวอี๋ราวกับสายฟ้า เข้าชาร์จราวกับพายุทอร์นาโด ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างทาง
เซี่ยวอี๋ใกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เธอรีบชักปืนพกจากเอวและเล็งไปยังหลังศีรษะของเสิ่นิ ตามกฎแล้ว การกระทำใดๆ ของเสิ่นิที่ส่อว่าจะหลบหนีจากผู้สังเกตการณ์ ถือเป็การละเมิดข้อบังคับ สามารถสำเร็จโทษได้ ณ ที่เกิดเหตุ
แต่เสิ่นิไม่ได้หนี เขากลับถอดกางเกงแล้วทำเสียงฟู่ เสียงนั่นราวกับการเปิดประตูระบายน้ำ ปัสสาวะพุ่งเป็สาย ทำเอาต้นอ่อนข้างทางหักออกจากลำต้น
เซี่ยวอี๋มีประสบการณ์ในด้านการจัดการกับพวกนิสัยเสีย แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่โรคจิตเช่นนี้ ก้นของเสิ่นิโผล่พ้นออกมาครึ่งหนึ่งครึ่งก้น ไม่ได้ละอายต่อใบหน้าสวยๆ ของหญิงสาวเลยสักนิด ฉี่ไปปากก็ก่นด่าไป “ไอ้เวรกองกำลังพิเศษ ก็แค่หักขาทหารไปไม่กี่คนเอง ถึงกับไม่ให้ฉี่ 36 ชั่วโมง อีกนิดกรวยไตของฉันก็พังแล้ว! แล้วฉันจะไปซื้อ IPHONE11 ได้ยังไง”
“เสิ่นิ! วางมือทั้งสองข้างไว้บนหัวเดี๋ยวนี้ แล้วคุกเข่าลงกับพื้นซะ!” เซี่ยวอี๋คำรามจากด้านหลัง
“น้องสาว รักษาความสะอาดหน่อยดีไหม พี่เพิ่งจะจับนกเขามานะ จะให้วางมือไว้บนหัวเหรอ ใจร้ายชะมัด!” เสิ่นิเหลียวกลับไปมองพร้อมยิ้มกริ่ม
“อย่ามัวพูดจาเหลวไหล เชื่อไหมว่าฉันทำให้นายเอามือยัดปากตัวเองได้ ฉันสั่ง นายต้องทำ” เซี่ยวอี๋ปลดเซฟปืน สีหน้าเ็าสื่อให้เห็นว่าเธอพูดจริงทำจริง
สิ่งแรกที่เธอได้เรียนรู้จากโรงเรียนตำรวจก็คือ เธอจะต้องกำราบความอวดดีของอาชญากรให้อยู่หมัด แม้ว่าตอนนี้เสิ่นิจะยังนับว่าเป็อาชญากรอยู่หรือไม่ แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่ที่แน่ๆ การปัสสาวะกลางที่สาธารณะก็นับเป็ความผิดฐานกระทำอนาจาร
“โอเค คุณชนะแล้ว แม่ตำรวจสาวของผม” เสิ่นิถอนหายใจพร้อมรัดเข็มขัด ก่อนจะเอาทั้งสองมือกุมศีรษะและคุกเข่าลงกับพื้น ทุกการเคลื่อนไหวเป็ไปอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งมืออาชีพ
“ฟังให้ดีนะ ก่อนอื่น ั้แ่วินาทีที่ฉันรับตัวนายมา ฉันก็พ้นจากสถานะตำรวจโดยอัตโนมัติ แต่ฉันก็ยังมีสิทธิพิเศษในการถือปืนและฆ่านายได้อยู่ สองปีนับจากนี้ ไม่ว่านายจะเข้าห้องน้ำหรือเข้านอน นายต้องรายงานให้ฉันรู้ทุกเื่ ถ้านายกล้าคิดที่จะทำการณ์อันใดที่ทำให้สงสัยว่าเป็การคิดหลบหนี ฉันมีสิทธิ์ที่จะฆ่านายได้ทันที ได้ยินชัดหรือยัง” เซี่ยวอี๋แผดเสียง
“คนสวย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องรายงานให้คุณทราบอย่างนั้นใช่ไหม” เสิ่นิยังกล้าพูดจาล้อเล่นต่อหน้ากระบอกปืน ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองของเขามีปัญหาหรือเปล่า
“ไอ้ซกมก พูดไปเรื่อย นายเชื่อไหมว่าฉันะเิสมองนายได้ตอนนี้เลย” เซี่ยวอี๋บันดาลโทสะจนหน้าดำหน้าแดง
“ไม่เชื่อ เพราะว่าในปืนของคุณไม่มีลูกเสียหน่อย ถ้าคุณตั้งใจฟังให้ดี ตอนลมเข้าไปในลำกล้องปืนน่ะ มันจะส่งเสียงวี๊ดๆ แต่หากว่ามีะุ เสียงมันจะดังปี๊บๆ” เสิ่นิปฏิเสธที่จะเห็นด้วย
“มีทฤษฎีแบบนี้ที่ไหน” เซี่ยวอี๋เอ่ยค้าน แต่ก็เผลอยกปืนขึ้นแนบหูฟัง
“ที่แท้ก็ไม่มีะุจริงๆ ผมกลัวจนเกือบจะฉี่แตกแล้วนะเนี่ย” เสิ่นิทุบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน เขาปั่นหัวน้องคนสวยสำเร็จแล้ว
“นี่นายหลอกฉัน?” เซี่ยวอี๋โมโหแทบลมจับ
“อย่าพูดขนาดนั้นเลย เขาเรียกว่ากลยุทธ์ ที่จริงคุณไม่ต้องขู่ผมก็ได้ ผมรับปากว่าผมจะเป็พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอมา ในสองปีที่จะถึงนี้ไม่ว่าจะเื่เล็กเื่ใหญ่ ผมจะรายงานคุณแต่โดยดี” เสิ่นิตอบอย่างว่าง่าย “ผมว่าเรามาลืมความอึดอัดเมื่อครู่แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ! สวัสดีครับ ผมเสิ่นิ อายุ 26 ปี”
ชายหนุ่มตรงหน้าเซี่ยวอี๋ยื่นมือออกมาด้วยความสุภาพ ถ้าเธอเฉไฉก็ดูเหมือนเธอจะใจแคบไปหน่อย เธอจึงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ และจับมือของเสิ่นิ “ฉันเซี่ยวอี๋ อายุ 22 หวังว่านายจะพูดคำไหนคำนั้นนะ ในสองปีนี้อย่าก่อเื่ให้ฉันปวดหัวล่ะ”
“เสี่ยวอี๋ (คุณน้า) ชื่อคุณนี่เอาเปรียบผมจัง แต่ก็ไม่เป็ไรหรอกนะ ผมก็ยังไม่ได้ล้างมือ ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเราเจ๊ากันนะ” เสิ่นิยิ้มชั่วร้าย
“ไอ้ซกมก!” เซี่ยวอี๋เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เสิ่นิทำอะไรไป เธอกระชากมือกลับทันควัน
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถจี๊ปออฟโรดรุ่นเก่าก็ขับเคลื่อนไปบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง เป้ทหารถูกโยนไว้ที่เบาะหลัง เสิ่นินั่งข้างคนขับ เสพสุขกับลมทะเลซึ่งพัดเข้ามาจากถนนทางหลวงเลียบชายฝั่ง
เขาผู้ซึ่งไม่ได้กลับบ้านมาแล้วเป็เวลาสิบปี รู้สึกว่าอากาศเมืองหลินไห่นั้นช่างอบอุ่นและคุ้นเคย สุขใจเหมือนตอนเป็เด็ก รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นช่างต่างกับยิ้มเ้าเล่ห์เมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
“ฟังให้ดีนะ ตอนนี้นายไม่ใช่เสิ่นิคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถ้ามีคนคุ้นหน้ามาถาม นายเป็แค่นักท่องเที่ยวที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ตอบสั้นๆ แค่นี้พอ” เซี่ยวอี๋กำชับขณะขับรถ
“ทราบแล้วครับ ‘คุณน้า’ อันที่จริงคุณไม่เห็นต้องเป็ห่วงเื่นี้เลย ในเมืองนี้ นอกจากพ่อแม่และน้องสาวผมที่ตายไปแล้ว ผมก็ไม่มีญาติหรือว่าเพื่อนที่ไหนอีก” เสิ่นิพูดพลางปิดเปลือกตา
“ฉันอ่านข้อมูลนายแล้ว นายเป็เด็กกำพร้าั้แ่เกิด เสิ่นฉงหยางรับอุปการะนายจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าเมื่อตอนนาย 6 ขวบ นายถูกฝึกยิงปืนั้แ่เล็ก เป็นักกีฬายิงปืนไรเฟิลที่มีพร์ที่สุดในยุคนั้น” เซี่ยวอี๋ชำเลืองไปยังชายหนุ่มด้านข้าง ถึงบางทีเขาจะดูซกมก แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะจินตนาการว่าเขาเป็มือสังหารหนุ่มที่ปลิดชีวิต 104 ชีวิต
“ผมไม่เคยเห็นประวัติคุณ แต่ผมรู้ว่าคุณเป็เ้าหน้าที่ธุรการในสถานีตำรวจ เชี่ยวชาญด้านศิลปะป้องกันตัวและเทควันโด คุณมาจากครอบครัวตำรวจ และไม่รู้วิธีการเข้าหาคน ความสัมพันธ์ทั้งกับผู้บังคับบัญชาและลูกน้องนั้นแย่มาก”
เซี่ยวอี๋ซึ่งขับรถอยู่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน หน้าของเสิ่นิกระแทกเข้ากับกระจกหน้า เซี่ยวอี๋เบิกตามองเสิ่นิด้วยความตกตะลึง
“นายรู้ได้ยังไง?”
“แม่คุณ ขับรถมีสมาธิหน่อยได้ไหม ผมเกือบจะพุ่งออกไปนอกรถอยู่แล้วนะ!” เสิ่นิถูแก้มแดงๆ พลางบ่น “ก็คุณ ‘บอก’ ผมเอง กล้ามเนื้อปลายนิ้วชี้ของคุณแข็ง คงไม่ใช่เพราะยิงปืน แต่เป็ผลจากการคลิกเมาส์เป็เวลานาน ดังนั้นคุณจึงเป็เ้าหน้าที่ธุรการ
ฝีเท้าคุณมั่นคง ควบคุมลมหายใจสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าคุณมีทักษะในด้านการต่อสู้ระยะประชิด ท่าทางการถือปืนของคุณเป็มืออาชีพมาก แน่นอนว่าเป็ผลจากการฝึกฝนมาั้แ่เด็ก แล้วจะหนีพ้นครอบครัวตำรวจได้อย่างไร
คุณยอดเยี่ยมขนาดนั้น แต่กลับทำงานธุรการ…แสดงว่าความสัมพันธ์ของคุณกับผู้บังคับบัญชาและลูกน้องมันต้องห่วยแตกมากแน่ๆ! แล้วไหนจะตอนนี้ที่คุณยังมารับ่เป็ผู้สังเกตการณ์ผมอีก เป็ไปได้ว่ามีคนอยากให้คุณตาย”
“ผิดแล้ว หน้าที่ผู้สังเกตการณ์...ฉันเป็คนอาสาเอง” ความตระหนกในใจของเซี่ยวอี๋ค่อยๆ สงบลงหลังจากเธอสูดหายใจลึก เธอก็สตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นอีกครั้ง “เพราะว่านายคือกุญแจสู่ความฝันของฉัน”