เป็ดังที่เสิ่นิว่า เซี่ยวอี๋เกิดในครอบครัวข้าราชการตำรวจ ั้แ่รุ่นปู่เป็ต้นมา ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ทุกคนในตระกูลล้วนอยู่ในสายงานตำรวจทั้งสิ้น ในสายตาของเซี่ยวอี๋ตอนเด็ก เสื้อผ้าที่สวยงามที่สุดในโลกก็คือชุดเครื่องแบบตำรวจ ของเล่นที่สนุกที่สุดก็ไม่มีอะไรเกินปืน เกมที่เพลินที่สุดก็ไม่มีอะไรสู้การฝึกศิลปะการต่อสู้…
เธอเป็เด็กผู้หญิงตัวน้อยผู้ซึ่งซึมซับไปโดยที่ไม่รู้ตัว เธอมองตำรวจพิเศษเฉกเช่นพ่อและพี่ชายของเธอเป็ดั่งต้นแบบในชีวิต
เธอขยันเรียนหนังสือ เพื่อสมัครสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และเธอก็สำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนอันโดดเด่นที่สุดในชั้น เพียงเพื่อที่้าจะเป็เ้าหน้าที่สอบสวนชั้นแนวหน้า ทว่า...ใครจะรู้ว่าขณะฝึกอบรมก่อนเข้าประจำที่สถานีเมืองหลินไห่ เธอดันไปเจอครูฝึกล่วงละเมิด ด้วยความสัตย์ซื่อเธอจึงร้องเรียนเื่นี้ต่อผู้บังคับบัญชาในทันที ครูฝึกจึงถูกสอบวินัย
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่นั่นก็ทำให้มีประกาศติดอยู่บนหน้าผากเธอว่า “ยัยหัวแข็ง” ภารกิจล่าสุดที่เธอได้รับมอบหมายไม่ใช่การให้ไปตามล่าอาชญากรหรือสืบเื่พ่อค้ายา แต่ดันเป็งานธุรการที่สถานี ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังได้รับมอบหมายให้ประจำที่แผนกตรวจสอบสื่ออนาจาร จนเธอกลายเป็...ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบทางด้านนี้ไปแล้ว
ช่างเป็งานที่น่าอดสูเสียจริง เธอเป็สาวบริสุทธิ์อยู่แท้ๆ ต้องมานั่งดูการ์ตูนโป๊วันละหลายสิบกิกะไบต์ ่เดือนแรก เธอแทบจะกินข้าวไม่ลง ต้องพึ่งยานอนหลับทุกคืน มองอะไรก็เห็นเป็เซนเซอร์ลายโมเสกไปเสียหมด
เธอคิดลาออกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งพอกลับไปถึงบ้านแล้วแม่ถามว่างานเป็อย่างไรบ้างด้วยสายตากระตือรือร้น เธอก็ได้แต่ฝืนยิ้มหวานให้ “ก็ดีค่ะ ปรับตัวได้แล้ว”
เธอไม่รู้จะบอกความจริงกับแม่อย่างไร แม่ผู้ซึ่งเกษียณจากแถวหน้าของหน่วยงานรักษาความมั่นคงชอบคุยโวเป็ที่สุด ว่าลูกสาวสุดที่รักของเธอได้เป็ตำรวจหญิง
เซี่ยวอี๋อดทนรอโอกาสจากโครงการนิรวานมาโดยตลอด...จนกระทั่งเธอได้ยินลูกพี่ลูกน้องซึ่งทำงานในเมืองหลวงเล่าว่า มีอดีตนักโทษปะานายหนึ่งกำลังจะกลับมาที่เมืองหลินไห่ ความเป็มาของพ่อหนุ่มคนนั้นไม่ธรรมดา เนื่องด้วยสถานการณ์พิเศษแบบนี้ ทางสถานีตำรวจจึงจำเป็ต้องมีเ้าหน้าที่คอยจับตาดูเขา และผู้ที่ทำหน้าที่อาสาสังเกตการณ์นั้นจะต้องพักงานตำรวจไปโดยอัตโนมัติ แต่หลังจากจบภารกิจ ก็จะกลายเป็บุคคลที่หน่วยตำรวจพิเศษทุกแห่งต่างพากันแย่งตัว
เซี่ยวอี๋ไม่รอช้า เธอยื่นขอเข้าพบผู้อำนวยการเพื่ออาสารับหน้าที่นี้ นี่เป็โอกาสเดียวที่จะพาเธอหนีออกจากวังวน “ลามกอนาจาร” ผู้อำนวยการลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่อ่านข้อมูลส่วนตัวของเซี่ยวอี๋แล้ว เขาก็ตกลงมอบภารกิจนี้ให้กับเธอ
เพียงแต่ว่า ก่อนที่เซี่ยวอี๋จะรับงานนี้ เธอไม่รู้มาก่อนว่า บุคคลที่เธอจะต้องเฝ้าสังเกตการณ์นั้นคือพ่อหนุ่มมือสังหารเมื่อสิบปีก่อน เสิ่นิ
เธอรู้สึกอย่างไรน่ะเหรอ เมื่อได้นั่งอยู่กับนักโทษแดนปะา? เซี่ยวอี๋คิดอยู่ทุกขณะจิตว่าผู้ชายคนนี้ได้เสียสติไปแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไอ้สารเลวนี่ช่างน่าขัน พอเห็นสาวสวยก็ผิวปากอย่างบ้าคลั่ง พอรถติดไฟแดงก็หันไปถามสาวสวยที่ขับรถคันข้างๆ ว่าคืนหนึ่งคิดราคาเท่าไร
เมื่อเห็นตึกสูงระฟ้าก็ร้อง “ว้าว” เห็นสาวนมโตก็ร้อง “ว้าว” เห็นคุณยายแก่ลายครามก็ยังร้อง “ว้าว” อีก...
“คุณเป็บ้าหรือยังไง จะว้าวหาอะไร!” และแล้วเซี่ยวอี๋ก็หมดความอดทน
“ผมไม่ได้กลับมาตั้งสิบปีเชียวนะ แน่ล่ะเห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจ ไอ้พันเอกคาร์ลนั่นให้ผมอยู่แต่กับซากศพ แอฟริกาจะกลายเป็บ้านผมอยู่แล้ว ไปไหนก็มีแต่น้องสาวผิวดำ! พอมืดแล้วใช้กล้องมองกลางคืนส่องก็ใช่ว่าจะเห็นพวกหล่อน พอได้มาเห็นสาวงามชาวบ้านเกิดของตัวเองมากมายขนาดนี้ ที่ลำบากทำงานหนักมาก็นับว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ” เสิ่นิมองสาวคัพ 34F คนหนึ่งที่กำลังเดินข้ามทางม้าลาย ด้วยการเคลื่อนไหวของหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำเอาเสิ่นิตาเยิ้มน้ำลายยืด
“หมดทางจะเยียวยาแล้ว พระเ้าคะ ได้โปรดช่วยให้สองปีนี้ผ่านไปเร็วๆ ด้วยเถอะค่ะ!” เซี่ยวอี๋อธิษฐานในใจ เธอเพิ่งจะรู้จักเ้าอันธพาลินี่ได้แค่ 20 นาทีแต่ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว
รถจี๊ปแล่นเข้าสู่ย่านที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ ท่ามกลางอะพาร์ตเมนต์สูงตระหง่านรายล้อม มีบ้านทรุดโทรมสองชั้นปรากฏอยู่ บ้านหลังนี้เป็มรดกชิ้นสุดท้ายที่เสิ่นฉงหยางทิ้งไว้ให้เสิ่นิ หลายปีที่ผ่านมาถนนเส้นนี้ถูกพัฒนาให้เป็ถนนการค้าระดับไฮ-เอนด์ แต่บ้านหลังนี้กลับได้รับการอนุรักษ์มาโดยตลอด
บ้านไม่ได้ถูกสั่งให้ต้องรื้อถอนโดยเ้าหน้าที่ที่มีรอยสักหางนกยูงบนหน้าอก เพราะนักพัฒนาธุรกิจได้รับคำสั่งจากเบื้องบนว่า ไม่ว่าจะรื้อบริเวณโดยรอบอย่างไร ก็ห้ามแตะต้องบ้านหลังนี้แม้แต่รากไม้ใบหญ้า
“ถึงแล้ว” เซี่ยวอี๋เคลื่อนรถเข้าสู่โรงจอด เธอใจนเกือบจะวิ่งหนีเมื่อเห็นสัตว์ป่าน้อยใหญ่กรูกันออกมา
บ้านสองชั้นของเสิ่นฉงหยางนับว่าเป็อาคารที่ออกแบบมาอย่างมีสไตล์สำหรับสมัยเมื่อสิบปีก่อน มีทั้งโรงรถสวนหย่อมรั้วต้นไม้ ทั้งยังมีห้องใต้หลังคาชั้นบนสุด เพื่อที่คนในครอบครัวจะได้ดูดาวตอนกลางคืนร่วมกัน เขาสร้างมันด้วยเงินเก็บทั้งหมดที่มี ไว้เพื่อเป็รังพักอันแสนอบอุ่นของครอบครัว
เมื่อเห็นบ้านอันแสนอบอุ่นกลายเป็บ้านร้าง สีหน้าของเสิ่นิก็ดูซับซ้อน เขาไม่มีวันเผยสิ่งที่อยู่ในใจให้คนอื่นรู้ เขาหยิบป้ายที่พิงรั้วไม้หน้าประตูขึ้นมา ก่อนจะใช้มือปัดฝุ่นที่เกาะหนาเป็ชั้น ป้ายนั้นมีตัวอักษรเขียนว่า “บริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่น ยินดีรับใช้คุณด้วยใจ”
ตัวหนังสือนั่นแม่เขียนมันด้วยตัวเอง เพราะว่าพ่อมีฝีมือยิงปืนอันยอดเยี่ยม แต่ฝีมือจับปากกานั้นราวกับไก่เขี่ย
“ต่อจากนี้ไปเราจะอยู่ที่นี่ ถึงมันจะเก่าสักหน่อย แต่ก็เป็บ้านเดี่ยว หาแบบนี้บนถนนเส้นนี้ไม่ได้แล้วนะ” เซี่ยวอี๋ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าประตู
และในขณะนั้นเอง ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกจากด้านใน มีชายสี่คนเดินลากท่อเหล็กและท่อนไม้ออกมา เมื่อเห็นรอยเข็มบนข้อมือของพวกเขา ทั้งยังมีผงขาวที่เปรอะเปื้อน นี่มันขี้ยาชัดๆ
“ไอ้พวกบ้าออกไปเดี๋ยวนี้! นี่มันถิ่นของแก๊งเรา!” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งซึ่งสูง 185 เิเคำรามลั่น นับว่าเป็เื่ยากที่จะเห็นขี้ยาที่มีรูปลักษณ์เช่นนี้
“ลูกพี่ แม่สาวนั่นไม่เลวเลยนะ! พวกเราพี่น้องมาสนุกกันหน่อยดีไหม” น้องชายปากหมาคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไอ้พวกเหลือขอ บุกรุกบ้านคนอื่นกลางวันแสกๆ มั่วสุมเสพยา ข่มขู่พลเมืองบริสุทธิ์ พยายามจะล่อลวงผู้หญิง พวกแกรู้หรือเปล่าว่าข้อหาทั้งหมดนี่อาจทำให้ติดคุกได้นานแค่ไหน” เซี่ยวอี๋มองด้วยสายตารังเกียจ พวกขี้ยาไม่ได้อยู่ในสายตาเธอสักนิด
เธอที่เตรียมจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมยังไม่ทันได้ลงมือ เสิ่นิก็ก้าวออกมาจากด้านหลัง เขาถือป้ายสกปรกนั่นแล้วสอดมันเข้ามาใน่แขนของเซี่ยวอี๋
“ถือไว้ให้ดี” ว่าจบเขาก็เดินไปที่ประตู
“เด็กเวร แกคิดจะออกโรงช่วยแม่นั่นใช่ไหม?!” ลูกพี่ซึ่งกำลังเมายาสลัดคราบหมาป่า เขายกท่อนไม้สี่เหลี่ยมหยาบหมายจะตีเข้าที่ศีรษะของเสิ่นิ และถ้าตีโดนเข้าจริงๆ ไม่ตายก็คงปัญญาอ่อนแน่
ขณะที่เซี่ยวอี๋คิดจะสอดมือเข้าไปช่วย เธอก็เห็นว่าเสิ่นิเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วราวกับล่องหน ไม้หน้าสามพาดผ่านข้างลำตัวเขาไปเท่านั้น ในขณะที่ลูกพี่ยังมีสีหน้าตกตะลึง เสิ่นิก็โบกมือเดียวและใช้เพียงนิ้วชี้ทิ่มใส่รูจมูกของเ้าขี้ยานั่น ก่อนจะหมุนเหวี่ยงมันลงพื้น
ช่างน่าเวทนาลูกพี่ผู้ซึ่งสูงเกินครึ่งหัวเสิ่นิ เขาถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นคอนกรีตเสียจนพื้นะเื ตาเขาเหลือกค้าง น้ำลายฟูมปากอาการโคม่า
ลูกสมุนที่เหลือสามตัวพากันกลัวจนฉี่ราด พวกเขาเป็แค่ขี้ยา จะไปสู้คนมีวิชาได้อย่างไร ในแก๊งคนที่เอาเื่หน่อยก็มีแต่ลูกพี่เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ถูกไอ้เด็กเวรนั่นเด็ดปีกไปแล้ว พวกเขาทิ้งอาวุธในมือและพากันวิ่งหนี
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ถ้ากล้าเหยียบเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกแม้แต่ก้าวเดียว พวกแกตาย!” เสิ่นิกล่าวพลางเช็ดเืกำเดาของลูกพี่ขี้ยาออกจากนิ้ว “ไสหัวออกไป!”
เสิ่นิตะคอก พวกขี้ยาแตกตื่นหนีไปหมด ยังนับว่าพวกเขามีความภักดีอยู่บ้าง ไม่ลืมที่จะลากลูกพี่ตัวเองออกไปด้วย
เมื่อเห็นการอบรมสั่งสอนพวกขี้ยาของเสิ่นิแล้ว เซี่ยวอี๋ก็ปล่อยมือจากด้ามปืนที่หลังเอว คราวนี้เธอบรรจุลูกะุของจริง
ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สังเกตการณ์ เสิ่นิมีทักษะการฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวเขาเป็อันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง เขาจะปรับตัวเข้ากับสังคมปัจจุบันได้หรือไม่ เหตุนี้จึงต้องมี่สังเกตการณ์นานถึงสองปี
ในระหว่างการสังเกตการณ์ ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเซี่ยวอี๋มิใช่คอยติดตามรายงานพฤติกรรมเขา แต่คือเมื่อเขาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ให้ลงมือสังหารชายหนุ่มได้ในทันที แน่นอนว่าเซี่ยวอี๋เองก็ไม่ได้อยากที่จะทำเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเห็นใจเ้าหมอนี่หรอกนะ เพียงแต่ว่าหากเสิ่นิจบชีวิตลง นั่นหมายถึงภารกิจเธอก็จบลงเช่นกัน สิ่งที่รอคอยเธออยู่ถัดจากนี้ก็คือคลิปวิดีโอโป๊ซึ่งไม่มีวันจบวันสิ้น อีกอย่างเธอเพิ่งได้ยินมาว่า สำนักเพิ่งจะบุกทำลายแหล่งผลิตวิดีโอโป๊เกย์ เมื่อจินตนาการถึงภาพและเสียงของนักแสดงบนจอที่กำลังหอบหายใจรวยรินแล้วนั้น เซี่ยวอี๋ก็หนาวสั่นขึ้นมาทันที
่เวลาที่เหลือหมดไปกับการเก็บกวาดบ้านตระกูลเสิ่น เซี่ยวอี๋มีหน้าที่เป็ผู้สังเกตการณ์ไม่ใช่แม่บ้าน ดังนั้นเื่พวกนี้เธอจึงี้เียื่นมือเข้าไปยุ่ง
เธอเห็นเสิ่นิเตรียมจะถอดเสื้อกล้ามรัดรูปออก นอกจากมวลมัดกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบบนแผ่นอกทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว รอยแผลเป็ที่ทับซ้อนกันนับไม่ถ้วนก็ปรากฏสู่สายตาเธอ
เซี่ยวอี๋จ้องมองจนตกตะลึง สรีระชายผู้นี้เหมือนกับหลอมมาจากเหล็กกล้า รอยแผลเป็จำนวนมากทำให้รู้ว่าิัของชายผู้นี้ผ่านคมมีดมานับครั้งไม่ถ้วน
ผู้ทำหน้าที่รักษาเขาคงไม่ใช่หมอแต่น่าจะเป็ช่างตัดเสื้อมากกว่า เซี่ยวอี๋เห็นาแรอยหนึ่งพาดยาวจากไหล่ซ้ายไปจนถึงบั้นเอวขวา แผลคีลอยด์มีขนาดกว้างราวครึ่งนิ้ว ยาวเกือบ 1 เมตร
มันยากจะจินตนาการว่าชายคนนี้ผ่านอะไรมาบ้างใน่สิบปี มันต้องเป็ชีวิตที่เหมือนตกอยู่ในขุมนรกแน่ๆ แต่บาปที่เขาเคยทำมันก็สมควรที่ต้องชดใช้ในขุมนรกอยู่แล้ว ณ ตอนนี้ เขาได้โอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เซี่ยวอี๋หวังเป็อย่างยิ่งว่าความเมตตาในจิตใจของเขาคงไม่ได้มลายหายไปพร้อมกับการเข่นฆ่าในครานั้น
ตลอดทั้งบ่าย เสิ่นิทำความสะอาดซึ่งปกติต้องใช้เวลาถึงสองวันเต็มๆ จึงจะเสร็จ ด้วยพละกำลังปีศาจในตัวเขา เขาถึงกับแบกโซฟาผุพังขึ้นบ่าด้วยมือข้างเดียวซ้ำยังวิ่งเหยาะๆ ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย…
นอกจากนั้นเขายังกำจัดวัชพืชในสวนจนหมด ไหนจะซ่อมประตูโรงรถอีก บ้านสองชั้นซึ่งซอมซ่อมาเป็สิบปี ในที่สุดก็ส่งกลิ่นอายของความเป็บ้านอย่างแท้จริงแล้ว
“บ้านก็มีแล้ว ต่อไปนายคิดจะทำอะไร? ในมือของฉันมีงานดีๆ หลายงานที่พอจะแนะนำให้นายได้นะ” เซี่ยวอี๋สืบเท้าเข้าไปหาเสิ่นิ ก่อนจะหันกลับไปมองบ้านเสิ่นที่ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่
“ไม่ต้องหรอก! ผมรู้แล้วว่าผมจะทำอะไร” เสิ่นิหยิบป้ายขึ้นมาเช็ดจนสะอาดก่อนจะนำกลับไปแขวนไว้ที่หน้าประตูรั้ว “บริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่น วันนี้กลับมาเปิดกิจการแล้ว”
“คุณล้อเล่นหรือเปล่า คุณมีประสบการณ์ในด้านการคุ้มครองคนหรือยังไง” มุมปากเซี่ยวอี๋กระตุก
“ประสบการณ์ในการฆ่าคนน่ะมีมากเชียวล่ะ อาศัยเทคโนโลยีสมัยนี้เข้ามาช่วย ที่ผ่านมาผมพยายามสุดกำลังเพื่อให้เป้าหมายดับชีวิต ตอนนี้ก็แค่พยายามสุดกำลังเพื่อให้เป้าหมายมีชีวิตต่อไป...ก็เท่านั้น” เสิ่นิ กล่าวพร้อมยิ้มอย่างใสซื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้