“เ้า!” ความอายเปลี่ยนไปเป็โกรธเซี่ยโหวฟ่งอวี้ทำท่าราวกำลังจะเดินเข้าไปดึงหูซูฉางอันอีกที
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเสียดสีดังมาจากประตูสำนัก ก่อนประตูใหญ่จะเปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมกับร่างในชุดสีขาวที่ก้าวเดินออกมาจากทางด้านใน
ซูฉางอันหน้าถอดสีไปในทันทีเซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็อึ้งจนร่างแข็งทื่อไปหมดเอาแต่มองไปยังร่างที่ก้าวออกมาจากสำนักอย่างกะทันหันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“คุณชายซู ไม่ได้พบกันเสียนานเลย” ร่างนั้นทำความเคารพต่อซูฉางอันอย่างอ่อนช้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซูฉางอันหัวคิ้วกระตุกขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้งเพิ่งเจอกันไปเมื่อวานไม่ใช่รึ? เขาบ่นขึ้นในใจแต่ก็ยังทำใจกล้า เดินเข้าไปข้างหน้าแล้วพูดตอบกลับไป “โหวเยน้อยแห่งตระกูลกู่เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“หืม?” เมื่อได้ยินดังนั้น กู่เซี่ยนจวินจึงพูดตอบ “เมื่อวานนี้คุณชายซูได้รับาเ็หนัก เซี่ยนจวินเป็ห่วง จึงมาเยี่ยมคุณชายซูแต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายซูกับองค์หญิงเซี่ยโหวจะออกไปเที่ยวเล่นที่ข้างนอกเสียแล้วปล่อยให้เซี่ยนจวินรอนานเลยทีเดียว”
เมื่อพูดจบนางก็ปรายตามองซูฉางอันอย่างน้อยใจแวบหนึ่ง ท่าทางแบบนั้นคล้ายกับท่าทางของภรรยาขี้หึงเมื่อมองไปยังสามีที่ออกไปเที่ยวเสเพลกับคนอื่นทว่าตัวเองกลับต้องมานั่งเฝ้าบ้านอย่างเหงาหงอยเช่นนั้น เดิมที กู่เซี่ยนจวินก็มีรูปโฉมงดงามมากอยู่แล้วเมื่อแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา จู่ๆ ซูฉางอันก็หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างลืมตัว...ข้ารับไม่ไหวหรอก อย่างทำเช่นนี้เลย เขาบ่นขึ้นในใจ
“ขอบคุณกู่โหวเยที่เป็ห่วงข้าไม่เป็ไรแล้ว” ซูฉางอันพูดขึ้นอย่างรีบร้อนเขากลัวการต้องอยู่กับกู่เซี่ยนจวินคนนี้จากใจจริงเลยเพราะหญิงที่งามประดุจเทพธิดาคนนี้ มีหัวใจที่ยากจะคาดเดาได้มันทำให้ซูฉางอันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้นซูฉางอันมีความรู้สึกว่ากู่เซี่ยนจวินกำลังหลอกถามเื่ที่เกิดขึ้นบนเขาโยวหยุนกับซูฉางอันอย่างอ้อมๆซึ่งนั่นทำให้ซูฉางอันพยายามอยู่ให้ห่างจากนางมากที่สุด
กลับกัน กับศิษย์พี่...เซี่ยโหวฟ่งอวี้ แม้นางจะเอาแต่ใจ และไม่มีเหตุผลไปสักหน่อย แถมยังชอบรังแกตนอีกแต่ซูฉางอันกลับรู้สึกว่านางจริงใจเหลือเกิน ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็พูดตรงๆว่าไม่ชอบ ไม่เหมือนกับกู่เซี่ยนจวินที่ยากจะเดาใจยิ่งนัก
อย่างน้อยในตอนนี้ซูฉางอันก็คิดแบบนั้น
“ก็ไม่เป็ไรแล้วจริงๆ ดังท่านว่ายิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะแข็งแรงมากเสียด้วย” กู่เซี่ยนจวินตวัดสายตาไปที่ซูฉางอันแวบหนึ่งจากนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทางไม่สู้พอใจนัก “ไม่เช่นนั้นจะมีแรงพายอดบุปผาแห่งหอหมู่ตันกลับมาที่สำนักได้เช่นไร” เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ จู่ๆกู่เซี่ยนจวินก็ปรายตามองฝานหรูเยว่ที่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ทางด้านหลังราวกับจงใจ
อาจเป็เพราะความขุ่นเคืองในน้ำเสียงหรืออาจเป็เพราะท่าทางของนางในตอนนี้แลดูน่าเห็นใจมากเกินไป
จู่ๆซูฉางอันก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดต่อนางจริงๆ เช่นนั้นแต่เพียงไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าความรู้สึกของตนในตอนนี้ไม่ถูกต้องจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “กู่โหวเย...”
แต่ยังพูดไปได้ไม่ถึงครึ่งกู่เซี่ยนจวินก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน นางมองตาปริบๆ ไปที่ซูฉางอันพลางกล่าวขึ้น “คุณชายซูเหตุใดยังเรียกข้าว่ากู่โหวเย หรือโหวเยน้อยแห่งตระกูลกู่อยู่อีกล่ะฟังดูห่างเหินเสียจริง หรือท่านจะดูถูกข้า”
“หา?” ซูฉางอันชะงักนิ่งไป ก่อนจะกล่าวถามขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางเซ่อซ่า “แล้ว... แล้วข้าควรจะเรียกเ้าว่าอะไรล่ะ?”
“เรียกข้าว่าเซี่ยนจวินก็พอ” กู่เซี่ยนจวินพูดขึ้น
“เซี่ยนจวิน?” ซูฉางอันชะงักไปอีกครั้งแม้วัฒนธรรมของแผ่นดินต้าเว่ยจะเปิดกว้าง แต่อย่างไรเสียชายหญิงก็ควรจะรักษากิริยาต่อกัน นอกจากผู้าุโเรียกคนที่มีอายุน้อยกว่าตัวแล้วมีเพียงน้อยคนเท่านั้น ที่จะเรียกชื่อสตรีออกมาตรงๆ แบบนี้นอกเสียจากทั้งสองมีความสนิทชิดเชื้อกันมากๆดังนั้นซูฉางอันจึงรู้สึกลังเลเล็กน้อยเขาอยากจะบอกกับกู่เซี่ยนจวินว่าการเรียกขานเช่นนั้นดูจะไม่เหมาะสมนักแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดออกไป กู่เซี่ยนจวินก็พูดสรุป ตกลงจะใช้ชื่อนี้เสียแล้ว
“อืม” กู่เซี่ยนจวินก้มหน้าลงต่ำ ทั้งยังจับชายเสื้อมาขยี้เล่นในมือนอกจากนี้ นางยังประกายสีแดงระเรื่อออกมาทางแก้มทั้งสองข้างอีกด้วยดูคล้ายหญิงที่พบกับชายคนรักเป็ครั้งแรก สาวน้อยที่ทั้งเขินอายแต่ก็หวังอยากได้รับอ้อมกอดจากชายคนรัก
“อึก” ซูฉางอันกลืนน้ำลายลงคอ ต้องยอมรับเลยว่ากู่เซี่ยนจวินในตอนนี้ช่างน่าหลงใหลมากจริงๆ
เซี่ยโหวฟ่งอวี้มองคนทั้งสองที่กำลังส่งสายตาให้กันตรงหน้าพลันเปลวเพลิงแห่งโทสะก็ลุกโชนขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะเมื่อซูฉางอันเรียกนางว่าเซี่ยนจวิน วินาทีนั้น จู่ๆนางก็รู้สึกหงุดหงิดมากอย่างบอกไม่ถูกเลยและความหงุดหงิดนั้นก็ผลักดันให้นางก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วยืนขวางร่างของซูฉางอันเอาไว้ ให้ซูฉางอันมาหลบอยู่ทางด้านหลังตนไม่ต่างไปจากแม่ไก่ที่กำลังปกป้องลูกๆ ของตน
“ขอบใจในความเป็ห่วงของกู่โหวเยแต่วันนี้ศิษย์น้องข้าเหนื่อยล้าเต็มที แถมร่างกายก็ยังาเ็อยู่จึงไม่อาจอยู่คุยเป็เพื่อนได้ เ้าค่อยมาวันหลังเถอะ แล้วพวกเราจะต้อนรับอย่างดี” เซี่ยโหวฟ่งอวี้จ้องมองไปที่กู่เซี่ยนจวินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
ทันทีที่สิ้นประโยค นางก็ดึงซูฉางอันกับฝานหรูเยว่ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปในสำนักอย่างรวดเร็วแต่น่าแปลกที่กู่เซี่ยนจวินไม่แม้แต่จะรั้งหรือขวางพวกเขาเอาไว้เลยแม้แต่น้อยซึ่งนั่นเป็สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของนางไปมาก กลับกันนางกลับเดินตามเข้าไปในสำนักอย่างใจเย็น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก้าวข้ามประตูเข้ามานางยังเป็ฝ่ายเดินเข้าไปช่วยฝานหรูเยว่ปิดประตูสำนักลงอีก
“ทำอะไรของเ้า? ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่กลับไปอีก?” เซี่ยโหวฟ่งอวี้ยังไม่เข้าใจนัก
“นั่นน่ะสิ เซี่ยน... แม่นางเซี่ยนจวินเ้ากลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไว้วันหลังข้าจะไปเยี่ยมเยือนเ้าเอง” ซูฉางอันพูดสนับสนุน เดิมทีเขาก็พูดโกหกไม่เป็อยู่แล้ว แม้ปากจะพูดสนับสนุนแล้วแสร้งทำเหมือนเป็ห่วงแทนกู่เซี่ยนจวินก็แถอะทว่าสายตาที่หลบหลีกสายตาของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องก็ยังแสดงให้เห็นอยู่ดีว่าแท้จริงแล้วเขากำลังคิดเช่นไรกันแน่...หวังว่ากู่เซี่ยนจวินจะเลิกตอแยกับเขาเสียที
ดูเหมือนกู่เซี่ยนจวินจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนทั้งสองนางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วกล่าวขึ้น “อืมตอนนี้ก็ดึกมากแล้วจริงๆ น่ะแหละ ข้าควรจะกลับไปพักได้แล้ว” หลังพูดจบ นางก็ปิดปากแล้วหาวหวอดออกมาไม่รู้ว่าเป็เพราะรู้สึกเหนื่อยจริงๆ หรือเพียงแกล้งทำเท่านั้น
“ใช่ๆ เช่นนั้นก็รีบกลับไปเถอะแล้วพบกันใหม่วันหลังนะ” ซูฉางอันรีบพูดเร่งขึ้นทันที
“อืมเช่นนั้นเซี่ยนจวินคงต้องขอตัวลาไปก่อน ฉางอัน เ้าก็รีบพักผ่อนด้วยล่ะ” กู่เซี่ยนจวินพยักหน้าอย่างว่าง่ายคล้ายเป็แม่บ้านที่ทำตามคำสั่งของสามีทุกประการไม่มีผิด
ไม่ใช่เพียงซูฉางอันคนเดียวเท่านั้นแม้แต่เซี่ยโหวฟ่งอวี้ที่รู้จักกับกู่เซี่ยนจวินมานานก็ยังรู้สึกว่ากู่เซี่ยนจวินตรงหน้าแปลกๆไปเลย ดูเหมือนนี่จะเป็ครั้งแรกเลย ที่กู่เซี่ยนจวินเชื่อฟังขนาดนี้แต่แม้ทั้งสองจะรู้สึกประหลาดใจ ทว่าในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสลัดปีศาจสาวจอมตื๊อคนนี้ให้ได้ก่อน
ดังนั้นทั้งสองจึงก้มหน้าลงหลายครั้งราวกับไก่ที่กำลังจิกกินอาหารจากนั้นก็มองไปยังกู่เซี่ยนจวินด้วยรอยยิ้มที่จริงใจมากที่สุดในความคิดของพวกเขาราว้าจะมองส่งให้นางจากไปเช่นนั้น
แน่นอนว่ากู่เซี่ยนจวินเองก็เริ่มก้าวขาออกไปตามที่พวกเขา้าแล้วดูจากท่าทาง ดูเหมือนนางจะไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำดูเหมือนกู่เซี่ยนจวินจะกลับไปพักผ่อนแล้วจริงๆ
ในที่สุดซูฉางอันกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็วางใจได้เสียทีแม้จะไม่รู้ว่าทำไมกู่เซี่ยนจวินถึงเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนแต่นั่นก็ถือเป็เื่ดี ทั้งสองจึงไม่คิดจะตามหาสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงนี้
แต่เพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกออกไปทั้งสองก็ตระหนักได้ว่าเื่นี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่พวกเขาหันไปมองหน้ากันแวบหนึ่ง เมื่อเข้าใจในอะไรบางอย่างทั้งสองก็หันกลับไปมองแผ่นหลังของกู่เซี่ยนจวินที่เดินห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆทันใดนั้น พวกเขาก็สะดุ้งเฮือก รีบวิ่งตามไปทันที
“คุณชายซู เหตุใดถึงตามข้ามาเช่นนี้อาลัยอาวรณ์ ไม่อยากให้ข้าจากไปรึ?” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากู่เซี่ยนจวินก็หันกลับมาอีกครั้งนางมองดูซูฉางอันกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้ที่วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับประกายความดีใจออกมาทางสีหน้า
ซูฉางอันทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “กู่เซี่ยนจวินเ้าไปผิดทางแล้ว!”
“หืม?” กู่เซี่ยนจวินชะงักนิ่งไป นางมองไปตามทิศที่เซี่ยโหวฟ่งอวี้ชี้ไปจากนั้นก็มองไปในทิศที่ตนกำลังมุ่งไปอีกครั้งคล้ายกำลังพิจารณาตามคำที่เซี่ยโหวฟ่งอวี้พูดมาจริงๆ แต่ในที่สุดนางก็มองไปที่เซี่ยโหวฟ่งอวี้อย่างไม่เข้าใจ แล้วถามขึ้นด้วยตวามสงสัย “เปล่านี่ ทางนี้แหละ ถูกต้องแล้ว”
ในที่สุดเซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็ทนไม่ไหวแล้วนางรู้สึกว่าสิ่งที่กู่เซี่ยนจวินแสดงออกมาก่อนหน้านี้ล้วนเป็การกลั่นแกล้งนางทั้งสิ้น ซึ่งนั่นทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมากไม่พอใจมากจริงๆ ดังนั้นนางจึงเร่งเสียงให้ดังมากขึ้น วินาทีนี้ เื่มารยาทและภาพลักษณ์ขององค์หญิงอะไรนั่นนางโยนมันทิ้งไปหมดแล้ว
“กู่เซี่ยนจวิน!นี่เ้าโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ นี่มันสำนักเทียนหลานนะที่พักของเ้าอยู่ข้างนอกนั่นต่างหาก! ” ท่าทางของเซี่ยโหวฟ่งอวี้ในตอนนี้ละม้ายคล้ายกับแมวสาวที่เผยกรงเล็บออกมาหลังถูกแย่งปลาปิ้งไปไม่มีผิด
และในขณะเดียวกันนั้นในที่สุดกู่เซี่ยนจวินก็ประกายรอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมาราวกับเด็กที่ได้รับคำชมจากอาจารย์เช่นนั้น นางเชิดหน้าพลางกล่าวขึ้น “ยังไม่มีใครบอกพวกเ้ารึ? วันนี้ท่านอวี้เหิงอนุญาตให้ข้าเข้าเป็ศิษย์ในสำนักเทียนหลานแล้ว”
นางก้าวขาเรียวงามออกไปภายใต้สายตาแห่งความไม่อยากจะเชื่อของซูฉางอันกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้เดินมุ่งไปที่ทิศของห้องพักของซูฉางอันกับเซี่ยโหวฟ่งอวี้อย่างอารมณ์ดี
แต่แล้วนางก็ทำท่าราวนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันกลับมาอีกครั้ง ผมหางม้าที่สวยงามของนางสะท้อนเป็เงาในดวงตาของซูฉางอันกู่เซี่ยนจวินมองกลับมาที่ซูฉางอันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความทะเล้นสามส่วน และความคาดหวังอีกเจ็ดส่วน
“คุณชายซู แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้”