เมื่อก่อนตอนที่ย่าเฒ่าคนก่อนยังมีชีวิตอยู่ นางปฏิบัติต่อบุตรหลานของตนเองอย่างดีจนไม่มีคำไหนจะบรรยายและสร้างเรือนหลังใหม่อย่างแข็งขัน
แต่น่าเสียดายที่อยู่เรือนหลังนั้นได้ไม่ถึงสิบวัน ในตอนที่นางจางคนก่อนของตระกูลจางออกไปหาฟืนทำให้นางตกเขาไปด้วยความไม่ระมัดระวังและไม่เคยได้ปีนกลับขึ้นมาอีก
ผ่านไปสองปี ครอบครัวจางก็ได้มีนางจางคนปัจจุบัน ซึ่งเป็แม่ม่ายที่เข้ามาพร้อมกับบุตรสาวและบุตรชาย ผ่านมาไม่กี่ปีก็ให้กำเนิดบุตรสาวและบุตรชาย
การที่ได้บุตรชายเดิมทีควรจะเป็เื่ที่น่าดีใจ แต่น่าแปลกที่นางจางคนนี้กลับรักและเอ็นดูบุตรสาวของตนเองเป็อย่างมาก คนที่อยู่ใน่วัยสาวอย่างนางจนถึงตอนนี้แม้แต่จอบก็ยังไม่เคยจับ นับประสาอะไรกับเื่ทำอาหาร นางก็คงไม่ได้จับเตาเช่นเดียวกัน
อาหารการกินของตระกูลจางคือสิ่งที่บุตรสาวคนเล็กของครอบครัวเป็ผู้ดูแล
และคนในครอบครัวจางต่างก็ออกไปทำงานหาเงินกันนอกบ้าน และต้องส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้ครอบครัว
จางเฉาิซึ่งเป็คนซื่อสัตย์ เขากลัวว่าผู้เป็มารดาจะรังเกียจตนเอง เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้านก็ได้มอบเงินของตนเองให้ด้วยความซื่อสัตย์ และด้วยเพราะเหตุนี้ครอบครัวของตนเองถึงได้ยากจนกระทั่งไม่มีอะไรจะกิน อีกทั้งยังทำให้เด็กสาวในบ้านต้องหิวโหยจนป่วย…
สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าซูฉีเฉียวจะต้องหาทางโน้มน้าว หากเขาไม่เปลี่ยนแปลงก็ต้องขอโทษด้วยที่นางคงไม่สามารถอยู่กับครอบครัวนี้ต่อไปได้อีกแน่นอน
และในค่ำคืนนั้นหลังจากที่ซูฉีเฉียวกล่อมลูกๆ เข้านอนแล้ว นางก็ตบลงบนตั่งนอนเพื่อเป็สัญญาณเรียกจางเฉาิให้ขึ้นมาหานาง
จางเฉาิชะงักไป ก้มหน้าก้มตาจนหน้าดำหน้าแดงและตัดสินใจจะขึ้นมาบนตั่งนั้น
เพราะว่าท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ในห้องจึงยังไม่ได้จุดไฟ ทว่าในห้องกลับมืดแล้ว
เพราะความ้าประหยัดน้ำมันของคนในชนบท ทุกคนต่างก็ไม่ค่อยจุดไฟและเลือกเข้านอนเร็วทั้งนั้น
“ภรรยา…” หัวใจของจางเฉาิแทบจะออกมาเต้นข้างนอก ไม่ ไม่…นางเรียกให้เขามานอนด้วยกันหรือ เทพเซียนช่วยด้วย เื่เช่นนี้แค่คิดก็ไม่กล้าแล้ว
“นั่งลง ข้ามีเื่อยากจะหารือด้วย” ซูฉีเฉียวรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขา นางถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ นี่ข้า…เป็แม่เสือดุอย่างนั้นหรือ
“เ้า…พูดมาสิ” เมื่อรู้ว่าเป็การพูดคุยหารือกัน ไม่ใช่ว่าจางเฉาิไม่ผิดหวัง เขาหย่อนก้นลงบนตั่งนอน ก้มหน้าฟังเื่ที่นางจะพูด
“ข้าจะขอพูดถึงความคิดของข้าก่อน ไม่ว่าเมื่อก่อนข้ากับเ้าจะเป็อย่างไร แต่ตอนนี้ข้าอยากจะทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดี นั่นก็หมายถึงหากเ้าทำได้ดี ข้าก็จะพิจารณาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเ้าต่อ หลังจากนี้พวกเราจะมีบ้านและมีลูกๆ ของตนเอง แน่นอนว่าลูกสาวทั้งสามคนนี้ข้าก็จะปฏิบัติต่อพวกนางอย่างดี แต่ว่าเงื่อนไขนั้นก็คือเ้า!”
เ้าเป็บุรุษ ผู้ชายที่ข้า้าไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอ หากรับผิดชอบดูแลครอบครัวนี้ไม่ได้ ข้าก็จะไปจากที่นี่!
“ข้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเ้า ไม่ได้รังเกียจที่เ้ามีโชคชะตาที่ไม่ดี และจะไม่ตำหนิเื่ที่เ้ามีลูกสาวสามคนนี้ แต่หากเ้าไม่เข้มแข็งพอ ไม่คิดเพื่อครอบครัวนี้เลยสักอย่าง มัวแต่ทำหน้าที่เป็คนกตัญญูข้าก็ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ให้เ้ากตัญญู แต่…เ้าจะต้องวางตำแหน่งให้พวกเราสำคัญเป็อันดับหนึ่ง หากตัวเ้าจะหิวตายอยู่แล้ว แต่ยังมัวจะกตัญญูอยู่เช่นนี้มันสมควรหรือ สิ่งสำคัญคือเห็นได้ชัดว่าตอนนี้พ่อแม่ของเ้าใช้ชีวิตสุขสบายกว่าพวกเราอีก แต่พวกเขาเคยนึกถึงครอบครัวของพวกเราหรือไม่ เ้าสามารถกตัญญูได้ แต่พวกเราจะมัวแต่กตัญญูอย่างโง่เขลาไม่ได้ คนเราล้วนมีหัวใจ เ้าปฏิบัติดีต่อข้า ข้าก็จะให้ความเคารพต่อเ้า แต่สำหรับคนที่จิตใจไร้ความเมตตา ต่อให้เ้าพยายามกตัญญูมากเพียงใด แต่นางก็จะบอกว่าเ้าไม่มีความกตัญญู เ้าคิดว่าหากเ้าค่อยๆ ลอบเก็บเงินเอาไว้ให้ครอบครัวของเรา พวกเราจะยากจนกระทั่งแทบไม่มีข้าวกินกันหรือไม่”
จะว่าไปแล้ว นางก็รู้สึกโกรธชายคนนี้ แต่เขาก็เป็คนที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็คนดี แต่ความดีนั้นทำให้นางต้องหิวโหย รองรับอารมณ์แม่สามี นางจะไม่โกรธได้อย่างไรกัน
จางเฉาิยังคงสงบนิ่ง จากสิ่งที่ซูฉีเฉียวเข้าใจ ชายคนนี้กำลังโกรธ นางกำลังคิดอยู่ว่าไม่อย่างนั้นนางก็อาจจะเก็บข้าวของกลับไปยังบ้านของผู้เป็มารดา
“ข้า…ก็ไม่ได้อยากเป็ลูกกตัญญูเช่นนี้ อันที่จริงข้าก็รู้ว่าครอบครัวของข้าปฏิบัติต่อครอบครัวพวกเราไม่ดี เพียงแต่ว่า…ตอนที่ข้ายังเล็ก ท่านแม่ของข้าตั้งใจจะไปเก็บผลไม้ในป่ามาให้ข้า นาง…นางไปเด็ดผลไม้…จนทำให้ตกเขาลงไปตาย ในท้องของนาง…ก็กำลังตั้งครรภ์น้องชายของข้า…เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ข้าก็รู้สึกผิดต่อท่านพ่อ ดังนั้น…ข้าจึงไม่อยากที่จะเก็บเงินเอาไว้แม้แต่เฟินเดียว เพราะอยากให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดี ต่อให้ข้าจะต้องยากจนหรือลำบาก ข้าก็… ภรรยา ข้าผิดไปแล้ว ตอนนี้ตัวข้าไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว เพราะท่านแม่ดีต่อข้ามาก แต่ข้ากลับเอาสิ่งเ่าั้ไปทดแทนให้กับท่านพ่อ…ข้านี่มันโง่เขลาจริงๆ…”
ชายที่กลับเนื้อกลับตัวอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาเอ่ยคำพูดเ่าั้ออกมา ก็ออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่เศร้าโศก
ซูฉีเฉียวกัดริมฝีปาก โอบกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน ทำหน้าที่พี่สาวที่กำลังปลอบโยนชายผู้หนึ่งด้วยความไม่เต็มใจนัก
“ร้องออกมาเถิด ร้องออกมาแล้วพรุ่งนี้ก็ครุ่นคิดให้เข้าใจ ไม่ใช่ว่าพวกเราอกตัญญู แต่หากพวกเรากตัญญูด้วยความโง่เขลา ความกตัญญูอย่างโง่เขลานั่นแหละคือสิ่งที่เป็ทุกข์มากที่สุด”
ชายหนุ่มที่ผ่านการร้องไห้มา เขาอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว หลับไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าหลับไปตอนใด
เช้าวันรุ่งขึ้นยามตื่นขึ้นมา เมื่อเขามองไปยังภรรยาร่างเล็กที่อยู่ข้างกาย ใบหน้าของจางเฉาิเผยรอยยิ้มหวาน เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้นอนกับภรรยา เมื่อก่อนต่างก็แยกกันนอน ภรรยาตัวน้อยของเขาช่างดูดีเหลือเกิน เพื่อนาง เพื่อครอบครัวนี้ เขาจะต้องทำตัวให้สมกันเป็ชายเสียที
มองใบหน้าแดงระเรื่อของซูฉีเฉียว ด้วยความจับพลัดจับผลูที่ทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว จางเฉาิก้มตัวลง อยากจะกินพวงแก้มนุ่มนิ่มของภรรยาเหลือเกิน
เขาทำสิ่งนั้นลงไปโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่ริมฝีปากของเขาััลงบนแก้มของซูฉีเฉียวก็ถึงกับชะงักไปทันที
และในเวลานี้ที่ซูฉีเฉียวลืมตาขึ้นมา นางก็ได้สบตากับดวงตาอันโง่เขลาของเขา…
ท่าทีตะลึงงันนั้นทำให้มุมปากของซูฉีเฉียวยกขึ้น
นางโน้มไปหาจางเฉาิ และหอมลงบนใบหน้าของเขาหนึ่งฟอด
“รีบลุกได้แล้ว”
“ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้าก็อยากเล่นจุ๊บๆ ด้วย” ต้านิวได้เอ่ยขึ้นด้วยคำพูดตามประสาเด็ก เสียงนั้นดังมาจากข้างเตียงนอน
ทั้งคู่จึงได้สติขึ้นมาในเวลานี้ ต้านิวได้วิ่งมาถึงข้างกายพวกเขาแล้ว เพียงแต่ว่าเตียงนอนค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงแทบมองไม่เห็นต้านิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เลย
ใบหน้าของทั้งคู่แดงระเรื่อ โดยเฉพาะจางเฉาิที่ทั้งอ่อนหวานและขวยเขินลงมาจากเตียง เขาอุ้มบุตรสาวของตนขึ้นก่อนจะวิ่งออกมาจากห้อง
ซูฉีเฉียวได้รับรู้ถึงสิ่งที่น่าประหลาดใจคือยามนี้เขาวิ่งออกไปจากห้องโดยที่ขาไม่กะเผลกสักนิด เห็นได้เลยว่าพลังความรักสามารถทำให้ผู้เป็ชายลืมอาการาเ็ไว้เื้ัจนแทบจะโบยบินไปแล้ว…ความรักนี่ช่างเป็สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
จางเฉาิหายออกไปจากบ้านครึ่งค่อนวัน ตอนที่เดินทางกลับมาอีกครั้ง เขาก็ได้มอบแท่งเงินสองตำลึงที่ได้มาอย่างลึกลับให้กับซูฉีเฉียว
“เ้า… เ้า…เ้าไปเอาเงินมาจากไหน”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้เห็นแก่ตัว เงินนี้เป็เงินที่ข้าเคยให้บ้านของเอ้อหนิวยืมไป ครั้งนี้ครอบครัวของเรายากจนถึงขั้นที่ไม่มีข้าวปลาจะกิน ข้าจึงลองไปขอยืมเงินเขา คิดไม่ถึงเลยว่าเอ้อหนิวกำลังคิดจะคืนเงินอยู่พอดี ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็คืนให้แล้ว”
คิดไม่ถึงเลยว่าการที่บอกเื่ความคิดที่จะทำงานหาเงินแล้วจะทำให้เขาเอาเงินมามอบให้เช่นนี้ นี่ถือเป็ความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ซูฉีเฉียวหอมแก้มจางเฉาิโดยไม่คิดหวงตัวไปหนึ่งที “อืม เช่นนี้ก็ดี ในที่สุดก็รู้แล้วสินะว่าพวกเราไม่ไหวเื่เงินทอง อย่างไรพวกเราก็ถือว่าเป็คนมีเงินอยู่เล็กน้อย พรุ่งนี้ข้าจะไปดูว่ามีอะไรน่ากินบ้าง จะได้ซื้อของอร่อยๆ กลับมา ต้านิวของพวกเราหากไม่ได้บำรุงสารอาหารสักหน่อย ก็คงจะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงแน่นอน ดูคอนางสิผอมหมดแล้ว…”
เมื่อเอ่ยถึงต้านิว ความรู้สึกหอมหวานเมื่อครู่ของเขาหายไปไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว
เขารู้สึกแย่จนก้มหน้าและหมุนตัวกลับมาทำตะกร้าสานต่อ
ตอนที่เขารักษาอาการาเ็อยู่ที่บ้าน เขาก็ถือโอกาสสานตะกร้าเหล่านี้ออกมา
ซูฉีเฉียวที่กำลังล้างผัก มองเขานั่งสานไปมาจนออกมาเป็ตะกร้าอันสวยงาม อีกทั้งยังมีของเล่นชิ้นเล็กๆ ที่ทำให้ต้านิวเล่นอีกด้วย
เมื่อดูจากฝีมือการสานแล้ว ประณีตไม่ธรรมดาจริงๆ
ซูฉีเฉียวเกิดความคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นี่สามี ของเช่นนี้ขายดีในเมืองใช่หรือไม่”
จางเฉาิถูกนางเอ่ยถามก็นิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าขึ้นมา “มี แต่พวกเขาจะสานได้สวยกว่า มีลวดลายเล็กน้อย แบบที่ข้าสานไม่ได้สวยเท่า แต่ลวดลายเช่นนั้นข้าก็ทำได้ เมื่อก่อนไม่เคยคิดอยากจะเอาไปขาย เพราะคิดว่าคนที่ขายส่วนใหญ่จะมีช่องทางในการขาย พวกเราที่ไม่รู้ประสีประสา หากนำไปขายก็คงไม่มีใครอยากซื้อ” ของพวกนี้มีราคาถูก คนในชนบทส่วนมากต่างสานเป็ซึ่งก็เป็ของที่มอบให้คนรู้จัก ส่วนมากก็มักจะเป็ของที่ให้เป็สินน้ำใจให้กับคนที่สนิทสนมกัน
“นี่สามี หากพวกเราสานแบบที่มีลวดลาย ทำแบบสวยๆ หลายๆ แบบ เ้าว่าของพวกนี้จะขายได้หรือไม่ เช่น ย้อมเป็สีต่างๆ ครอบครัวร่ำรวยหลายๆ ครอบครัวมักจะซื้อตะกร้าเช่นนี้ไปใส่ของเล็กๆ น้อยๆ หากทำเป็สีตามเทศกาล เ้าคิดว่าคนซื้อจะยินดีกับการจ่ายเงินหรือไม่ พวกเราคิดรูปแบบใหม่ด้วยตนเอง พวกร้านค้าเ่าั้จะไม่อยากซื้ออย่างนั้นหรือ”
จางเฉาิได้ฟังการวิเคราะห์ของนางก็มีแววตาเปล่งประกายขึ้นมาก
“จริงสิ หากทำเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็จะถักเครื่องสานอยู่ที่บ้านและสามารถหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิตได้ เื่สีหรือ ข้าจำได้ว่ามีสีจากดอกไม้ที่สามารถนำมาย้อมได้ ไม่ได้สิ เื่นี้ข้าต้องไตร่ตรองก่อน…”
เมื่อนึกถึงขาของตนเองที่ได้รับาเ็แต่สามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้จางเฉาิมีชีวิตชีวามากขึ้น ตอนนี้ตัวเขาเอาแต่คิดเื่ที่จะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนเื่ครอบครัวของพ่อแม่ เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปคิด
ต่อให้พวกเขาไม่หาเื่ ถึงอย่างไรคนเ่าั้ก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่นอน
หลังจากที่จางต้าและภรรยาก่อเื่ไป เมื่อกลับบ้านจางต้าก็ถูกภรรยาโวยวายใส่ ตัวของจางต้าที่เดินออกจากบ้านแทบไม่กล้าเงยหน้า เพราะใบหน้าและเนื้อตัวของเขามีแต่รอยเล็บทิ้งเอาไว้มากมาย
ผู้คนที่พบเห็นแค่มองก็รู้แล้วว่าเขาถูกภรรยาระบายความโกรธใส่อย่างแน่นอน
สำหรับเื่นี้ ตามเหตุผลแล้วผู้เป็แม่สามีจะต้องทำอะไรด้วยความชอบธรรม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคิดเื่ต่างๆ เพื่อบุตรชายของตนเอง
แต่แม่สามีกลับตะคอกใส่ ยามที่นางเอ่ยกับสะใภ้ใหญ่ก็บอกว่านางไร้ประโยชน์
จางต้าและภรรยาของเขาโกรธมากอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อถูกมารดาพูดจาเหน็บแนมเช่นนี้ ความโกรธแค้นในใจของสะใภ้ใหญ่ก็ยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้น
“ข้าอยากแยกบ้าน ข้าใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว วันนี้แม่ของเ้าก็พูดอีกแล้วว่าจะส่งเหล่าเมอไปเรียนหนังสือ ข้าว่าเงินที่หาได้ในปีนี้ก็คงจะลอยหายไปกับน้ำเช่นเดิม ก่อนหน้านี้เหล่าซื่อยังพอที่จะเชื่อฟังอยู่บ้างสักหน่อยและช่วยหาเงินมาได้ ตอนนี้ทำได้แค่สั่งให้เ้าหาเงิน ครอบครัวของพวกเราเองก็มีลูกนะ จะเอาเงินทั้งหมดไปให้เหล่าเมอไม่ได้”
จางต้าและภรรยาอารมณ์เสียเป็อย่างมาก เมื่อก่อนครอบครัวนี้ยังมีจางเฉาิเป็คนหาเงินมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย คนอื่นๆ ในบ้านหลังใหญ่นี้ก็ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางจางก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับครอบครัวของพวกเขา แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เหล่าซื่อไม่สามารถหาเงินให้ได้แล้ว ขาของเขาก็ไม่ดี เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะคาดหวังเพื่อให้ครอบครัวนี้หาเงินจุนเจือ และดูจากท่าทางแล้วนับวันภรรยาของเหล่าซื่อจะยิ่งเก่งกาจมากกว่าเดิม ใครจะกล้ารับประกันได้เล่าว่าอนาคตนางจะไม่ใช้วิธีการใดเพื่อทำให้ครอบครัวหลักมาเลี้ยงดูครอบครัวของพวกนางทั้งห้าคน
จางต้าและภรรยามองเห็นความมีอำนาจบาตรใหญ่ของซูฉีเฉียวแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดถึงเื่นี้ให้มากขึ้น ดังนั้นการแยกครอบครัวจึงกลายเป็สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“นี่…ท่านแม่บอกแล้วว่าปีนี้จะให้ลูกๆ ของพวกเราเรียนหนังสือ หากพวกเราแยกครอบครัวไป แล้วครอบครัวของเรา…จะทำอย่างไรเล่า พวกเราสองคน…จะหาเงินจากไหนมาให้ลูกเรียนหนังสือ”
เหล่าต้าลังเลและแสดงความกังวลใจที่ซ่อนไว้ออกมา เื่นั้นก็เป็เื่ที่ไร้หนทางซึ่งสะใภ้ใหญ่ไม่อยากจะพบเจอ แต่หากนางต้องแบกรับภาระของครอบครัวเหล่าซื่อ นางก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน