ซูฉีเฉียวมองหญิงสาวตรงหน้า นางมีคางเรียว ดวงตาคู่นั้นหันกลับมามอง ใบหน้าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่น่าเสียดายที่นางใจจืดใจดำและพูดจาได้เจ็บแสบ แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็สตรีที่ไม่น่าเสวนาด้วย ทว่าสตรีเช่นนี้ สำหรับซูฉีเฉียวแล้วนางเป็เพียงแค่เื่กล้วยๆ
ที่นางมาในวันนี้ก็เพื่อจะก่อความวุ่นวายโดยเฉพาะ
“นางคนดวงซวยเองหรอกหรือที่กล้าโยนหินใส่บ้านของข้า ์โปรด พ่อแม่ก็อยู่ที่เรือน แต่เ้ายังกล้าโยนหินเข้ามา ไม่กลัวผลกรรมที่จะตามมาเลยหรือไร”
จางต้าและภรรยาเห่าหอนอยู่ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งก็คือซูฉีเฉียวที่บุกมา ตะหลิวในมือของพี่สะใภ้ยกสูงขึ้น
ยามที่พี่สะใภ้พุ่งเข้ามาใกล้ตัวของซูฉีเฉียว ไหวพริบของนางเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน นางยืดขาออกจนทำให้จางต้าและภรรยาล้มลงไปที่พื้น น่าขันสิ้นดี เมื่อชาติที่สองนางเกิดมาในครอบครัวที่เก่งกาจด้านศิลปะป้องกันตัวนะจะบอกให้
แม้นางจะไม่ได้เป็จอมยุทธ์หญิง แต่ก็มีความสามารถด้านศิลปะป้องกันตัวติดตัวมานะ!
เวลานี้เมื่อต้องสู้กับหญิงใจหยาบ แม้ว่าร่างกายของเ้าของร่างเก่าจะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ก็สามารถใช้ทักษะด้านกำปั้นง่ายๆ ได้
“ผลัวะ… พลั่ก…”
“พลั่ก… พลั่ก…”
หลังจากที่ล้มคนอำมหิตเหล่านี้แล้ว ซูฉีเฉียวก็ได้ตบเข้าไปที่บ้องหูของทั้งคู่
จางต้าและภรรยาที่ถูกตบบ้องหูก็ถึงกับตะลึงงัน
นางเบิกตากว้างราวกับเห็นผี “เ้า… เ้า…”
“ที่ข้าตีเ้าก็เป็เพราะเ้ามาแย่งของของผู้อื่น ยังกล้ามาพูดอีกว่าข้าไปขโมยไข่นกบ้านเ้า ดียิ่งนัก รังนกบ้านเ้าไม่มีขนนกสักเส้นจะไปมีไข่ได้อย่างไร ให้กตัญญูต่อผู้าุโ เ้าดูเศษไข่สีเหลืองที่อยู่บนปากเ้าสิ แค่มองก็รู้แล้วว่าภรรยาเ้าเอาไปกิน ยังจะกล้าพูดอีกว่าตนเองกตัญญู วันนี้ข้าจะตีเ้าเอง!”
“ผลัวะ ผลัวะ”
นางตบบ้องหูอีกสองสามครั้ง จางต้าและภรรยาที่น่าสงสารซึ่งมักจะเป็ฝ่ายกลั่นแกล้งตลอดมา แต่เวลานี้กลับกลายเป็คนที่ถูกนางรังแกเสียแล้ว
ในตอนที่พวกเขาถูกตีจนน้ำหูน้ำตาไหลนั้นก็มีร่างที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกประตู จางต้าและพี่สะใภ้ร้องโหยหวนขึ้นมา “แย่จริงๆ เป็เด็กแต่กลับมาทำร้ายผู้าุโกว่า เทพเซียนช่วยด้วย พวกท่านแหกตาดูสิ”
เมื่อนางหอนออกมาเช่นนั้น ซูฉีเฉียวก็ได้โยนตะหลิวในมือของพี่สะใภ้ลงไปที่พื้น ก่อนที่ตัวนางจะขึ้นไปนั่งคร่อม้า
“จริงๆ เลยเชียว วันนี้มันอะไรกันนัก พ่อของลูกๆ ข้าขาเจ็บ ในบ้านไม่มีอะไรจะกิน ข้าก็ต้องขึ้นเขาไปหาของป่ามาประทังชีวิต แต่ก็ยังถูกพี่ใหญ่และพี่สะใภ้บอกว่าข้าขโมยของอีก…เทพเซียนทั้งหลาย แหกตาดูบ้างสิ แต่ละวันข้าก็แทบจะใช้ชีวิตให้ผ่านไปแทบไม่ได้อยู่แล้ว นี่…หากเป็เช่นนี้ต่อไป เหตุใดไม่ปล่อยให้ข้าพาลูกทั้งสามคนกลับบ้านเก่าไปเสียเลยเล่า ข้าจะวิ่งชนกำแพงให้ตายไปเลย…”
จางต้าและพี่สะใภ้ตกตะลึง คนที่ถูกทำร้ายคือพวกข้านะ คนที่ถูกทุบตีคือพวกข้าต่างหากเล่า เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนนางนั้นเป็คนที่คอยเอ่ยปากด่าทอและโวยวายมาตลอด แต่เหตุใดยามนี้สตรีอ่อนแอนางนี้ถึงได้กลายเป็คนที่กำลังทุบตีนางได้เล่า ร้องทุกข์ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วยังจะะโออกมาอีกว่าจะฆ่าตัวตายยกครัว!!!
“ครอบครัวของเหล่าต้า ครอบครัวเหล่าซื่อ พวกเ้ากำลังทำอะไร ยังอับอายขายหน้ากันไม่พอหรือ”
เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู้เฒ่าจาง ผู้นำของตระกูลจางก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับจอบขุดดิน เขาเหลียวมองเงาของคนสองสามคนที่อยู่รอบๆ ก่อนจะหันมามองสะใภ้ทั้งสองคนที่เห็นได้ชัดว่ากำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่บนพื้น จนทำให้ชายชราโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด
“พ่อสามี ท่านจะต้องเป็คนตัดสินให้ข้านะ ภรรยาน้องสี่มาถึงก็ตบตีข้า แล้วยังบอกอีกว่าข้าข่มเหงรังแกนาง นี่…นี่…”
ทางฝั่งบ้านของครอบครัวเหล่าต้าบอกว่านางถูกทุบตีซึ่งก็คือความจริง ปกติแล้วนางมักจะเป็คนที่ชอบออกคำสั่งผู้อื่นและเป็คนโเี้ จึงทำให้ไม่ใช่เพียงชายชราที่ไม่เชื่อ แม้แต่ผู้คนที่มุงดูกับรอบๆ ก็ไม่เชื่อเช่นกัน
เมื่อมีคนกล้าก็ค่อยๆ พากันเอ่ยพึมพำกันขึ้นมา
“ครอบครัวของเหล่าต้าถูกรังแกอย่างนั้นหรือ ไอ้หยา หากเป็เช่นนั้นพระอาทิตย์ก็คงขึ้นจากทิศตะวันตกแล้ว”
“ใช่แล้ว อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ ถ้าพูดถึงครอบครัวของเหล่าซื่อก็คงถูกทุบตีมาไม่น้อย ท่าทีในวันนี้ครอบครัวของเหล่าซื่อช่างน่าสงสารจริงๆ”
ผู้คนต่างพากันเห็นอกเห็นใจ ปกติแล้วซูฉีเฉียวก็ดูเป็คนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว มักถูกครอบครัวของเหล่าต้ากลั่นแกล้งอยู่ร่ำไป และก็มักจะถูกแม่สามีทุบตีอยู่บ่อยครั้ง ขณะนี้เมื่อเห็นคนจากครอบครัวของเหล่าซื่อร่ำไห้อยู่กับพื้น ผู้คนที่คิดว่าตนเองสายตาดีต่างก็คิดกันไปว่าครอบครัวของเหล่าซื่อจะต้องถูกกลั่นแกล้งแน่นอน
ไม่ว่าอย่างไรจางคุนเต๋อก็เป็ผู้นำของตระกูลจาง จากความยุติธรรมที่เห็นอยู่ อย่างไรเขาก็ต้องเป็ผู้ตัดสิน เมื่อคนของครอบครัวเหล่าต้าเอ่ยจบ เขาจึงได้หันไปมองครอบครัวของเหล่าซื่อ
ซูฉีเฉียวปาดน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ
“ท่านพ่อ ยามปกติข้าก็ไม่มีปากมีเสียงมาโดยตลอด ข้าไม่ชอบมีเื่พวกท่านก็เห็นกันอยู่ วันนี้หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ทำเกินขอบเขต ข้าก็คงไม่มาถามหาถึงที่บ้านของพวกเขา ไม่ว่าจะพูดอย่างไรต้านิวก็คือลูกสาวของข้า แล้วก็เป็หลานสาวของท่าน พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไปหาข้าที่บ้าน เมื่อเห็นว่าข้าไม่อยู่บ้าน นางเห็นไข่นกที่ข้าเก็บมาจากบนูเา พวกเขาพยายามบอกว่าข้าขโมยมันมาจากบ้านของพวกเขา และยังนำเห็ดที่ข้าหามาอย่างยากลำบากบนเขามาด้วย นั่นคือสิ่งที่ข้าตั้งใจนำมาปรุงเป็เครื่องบำรุงร่างกายให้แก่เหล่าซื่อ อาการาเ็ที่ขาของเขาผ่านมานานแล้วก็ยังไม่หายเสียที วันๆ เอาแต่กินผักป่า ขาข้างนั้น…เมื่อใดจะหายกันเล่า
ข้าก็ไม่อยากให้ขาของเหล่าซื่อเสียหายไป จึงได้เหลือเห็ดเอาไว้ใช้บำรุงขาให้กับเหล่าซื่อ ไข่นกก็สามารถช่วยให้ขาของเขาดีขึ้นเล็กน้อย แต่…แต่พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่เพียงแย่งไข่นกของข้าไป พวกเขายังแย่งเห็ดไปอีก
นั่นไม่ใช่แค่การแย่งอาหารของครอบครัวเรา แต่มันคือการแย่งขาของเหล่าซื่อไป อย่างไรบ้านพวกเราก็ไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว กินผักป่าทุกวันก็คงไม่สามารถทำให้ดีขึ้นมาได้ จึงได้มาหาพี่ใหญ่และพี่สะใภ้เพื่อเจรจาเื่นี้ วันนี้หากกลับไปแล้ว ครอบครัวของพวกเราแม่ลูกจะไปะโน้ำตาย…”
เมื่อนางเอ่ยประโยคนี้จบ สีหน้าของนางก็มุ่งมั่นอยากจะกลับบ้าน
ร่างเล็กนั้นสั่นเทาเพราะความโกรธเคือง
จางคุนเต๋อชะงัก จางต้าและภรรยาก็ตกตะลึง
นางคิดไม่ถึงเลยว่าซูฉีเฉียวที่เป็หญิงสาวอ่อนแอมาโดยตลอดนั้น จะเอาเื่การตายมากดดันพวกนางเช่นนี้
แม้ว่าจางต้าและภรรยาจะอายุมากกว่า แต่การส่งผลเสียต่อจางเฉาิและครอบครัวเช่นนี้ก็ถือเป็ความผิดครั้งใหญ่
เหล่าเพื่อนบ้านที่ได้ฟังก็พากันปาดน้ำตา
และในเวลานี้ก็มีคนประคองผู้นำหมู่บ้านเดินเข้ามา
หมู่บ้านปาเจียวแห่งนี้เป็หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่กว่าสามร้อยคน ผู้นำหมู่บ้านก็มีเื่ราวมากมายที่ต้องดูแล หากไม่ใช่เพราะวันนี้เขากำลังผ่านมาพอดีและมีคนเรียกเขามาช่วยตัดสินความยุติธรรม เขาก็คงไม่มีทางมาที่นี่ได้โดยบังเอิญเช่นนี้หรอก
เมื่อผู้คนได้เห็นผู้นำหมู่บ้านเดินมาต่างก็แหวกทางให้
ผู้นำหมู่บ้านมองเห็นจางต้า ภรรยาและคนของครอบครัวเหล่าซื่อนั่งอยู่ที่พื้น ในใจเขาตอนนั้นก็ตัดสินได้เลยว่าจางต้าและภรรยาคือคนผิดอย่างแน่นอน
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ยามปกติพวกนางมักสร้างชื่อเสียงเสื่อมเสียกันเล่า
ซูฉีเฉียวเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้นำหมู่บ้านคนนี้จะมาในเวลาที่ประจวบเหมาะเช่นนี้ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วนางก็ต้องสร้างเื่ให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น แม้ว่าตอนนี้นางอาจจะยังไม่สามารถก่อเื่จนแยกครอบครัวกันไปได้ แต่นี่คือขั้นเริ่มต้นของการที่นางจะไม่ต้องถูกรังแกอีกต่อไป
นางสะอึกสะอื้นและย่อตัวลงร่ำไห้เบาๆ แต่ทางฝั่งหญิงร้ายของตระกูลจางก็มองเห็นผู้นำหมู่บ้านที่เดินเข้ามา นางจึงร้องไห้เสียงดัง เข้าไปดึงชายเสื้อของผู้นำหมู่บ้าน อยากจะให้เขาตัดสินเื่นี้ให้กับนาง และบอกว่าภรรยาของน้องสามีทำร้ายนางอย่างไร
ผู้นำหมู่บ้านขมวดคิ้ว หญิงนางนี้ถูกรังแกแล้วยังร้องดังถึงขนาดนี้เชียวหรือ
หากนางถูกรังแก ถ้าอย่างนั้นภรรยาของผู้เป็น้องสามีก็คงถูกรังแกไม่ต่างกัน เขามองไปยังภรรยาของเหล่าซื่อที่ขดตัวสะอึกสะอื้น ไหล่คู่นั่นสั่นไหวไปตามแรงสะอื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขามองร่างเล็กๆ นั้นโซเซไปมาราวกับจะล้มไปกองที่พื้นอยู่รอมร่อ
แค่มองก็เห็นแล้วว่านางคือผู้ที่ถูกทำร้าย
ผู้นำหมู่บ้านจึงทำได้เพียงข่มอารมณ์เอาไว้ เมื่อเขาฟังเหล่าต้าและภรรยาพูดจบ เวลานี้เขาจึงได้หันไปหาซูฉีเฉียว
ซูฉีเฉียวทำความเคารพผู้นำหมู่บ้าน เอ่ยเรียกเขาว่าท่านลุง ก่อนจะเริ่มเล่าเื่ราวอย่างมีเหตุผล
นอกจากครอบครัวของจางต้าและภรรยาจะแย่งข้าวของของผู้อื่นแล้ว พวกเขายังกล้าทุบตีและทำร้ายร่างกายของผู้อื่นอีก เวลานั้นผู้นำหมู่บ้านเองก็รู้สึกละอายใจนัก แค่ตอนแรกขโมยข้าวของก็ย่ำแย่แล้ว ตอนนี้ยังจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายผู้อื่นอีก
“ท่านผู้นำหมู่บ้าน ข้ารู้ดีว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคือผู้ที่ทำความดีและคิดถึงชาวประชา แต่เื่นี้กลับเกิดขึ้นภายใต้การปกครองของพระองค์ เื่นี้จะบอกว่าเล็กก็เล็ก จะบอกว่าใหญ่ก็ใหญ่ ข้าสามารถส่งเื่ของจางต้าและภรรยาของเขาไปยังที่ว่าการท้องถิ่น ต้องให้รู้กันไปเลยว่าการปล้นชิงของของผู้อื่นถือเป็โทษหนัก ขโมยของและยังกล้าทำร้ายร่างกายอีก นั่นถือเป็เื่ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเสียอีก วันนี้ต้านิวของครอบครัวเราถูกทำร้าย ถ้าเกิดว่านางตายขึ้นมาเล่า”
คำพูดเ่าั้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก ผู้นำหมู่บ้านที่แข็งแกร่งจะมาจัดการเื่นี้อย่างคลุมเครือนั้นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อจางต้าและภรรยาได้ยินคำพูดประโยคนั้น ก็โกรธจนอยากจะต่อต้าน
แต่กลับถูกจางคุนเต๋อตบเข้า “ข้าสอนให้เ้าเป็คนไม่ซื่อสัตย์ สอนให้เ้าขโมยของผู้อื่นหรือ ท่านผู้นำหมู่บ้าน ข้าไม่สนใจเื่นี้แล้ว พวกท่านจัดการได้ตามสมควร”
จางต้าและภรรยาคือคนขี้ขลาด เมื่อเห็นว่าเื่ราวกำลังแย่ลง ก็รีบคุกเข่าอ้อนวอนซูฉีเฉียวไม่หยุด เพื่อให้ซูฉีเฉียวให้อภัยจางต้าและตัวนาง
แววตาของซูฉีเฉียวเป็ประกาย นางได้แต่ถอนหายใจ “อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็คนในครอบครัวเดียวกัน แต่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ทำเกินขอบเขต ทำให้ข้าต้องมาหาเื่ถึงที่นี่ สิ่งที่ข้าร้องขอก็ไม่ใช่สิ่งที่มากเกินไป ขอแค่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ยอมคืนไข่นกและขอโทษต้านิว เื่นี้ข้าก็จะปล่อยไป”
จางต้าและภรรยายังมีอะไรที่้าพูดอีก แต่กลับถูกจางคุนเต๋อตวาดใส่ “ยังไม่ขอบคุณน้องสะใภ้ของเ้าอีกหรือ เหล่าต้า อีกประเดี๋ยวเ้าเอาอาหารไปส่งที่บ้านเหล่าซื่อด้วย กินแต่ผักป่าเช่นนั้นจะรักษาอาการาเ็ได้อย่างไรกัน”
การก่อเื่ในครั้งนี้ก็จบลงด้วยการขอโทษ
ก่อนที่ซูฉีเฉียวจะกลับไป จางต้าและภรรยาก็ใช้สายตาโกรธเคืองจ้องมองด้านหลังของนาง ทำราวกับ้ากินคนอย่างไรอย่างนั้น
เวลานั้นจางต้าก็ได้คุกเข่าลงด้วยความอ่อนแอเบื้องหน้าผู้เป็ภรรยา “แม่ของย่าชิง เื่นี้เ้าปล่อยผ่านไปได้หรือไม่ หากถูกนำไปแจ้งต่อที่ว่าการ ต่อให้เ้ามีสิบปากอย่างไรก็พ่ายแพ้”
“ไสหัวไป เื่ของสตรีไม่จำเป็ต้องให้เ้ามายุ่ง เ้ามันคนไร้ประโยชน์ นางมาหาเื่ข้าถึงที่ เ้ายังบอกให้ข้าอดทนอย่างนั้นหรือ บุรุษไร้ประโยชน์ น่าโมโหจริงๆ”
……
เย็นวันนั้นจางต้าก็ต้องนำแป้งข้าวโพดมาส่งให้
ซูฉีเฉียวรับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม และเชื้อเชิญจางต้าเข้ามาดื่มน้ำในเรือนอย่างเป็มิตร
จางต้ามองบ้านของเหล่าซื่อที่แม้จะทรุดโทรม แต่ก็สะอาดขึ้นไม่น้อย
ทว่าเมื่อเหลือบมองสีหน้าของต้านิว ต้าซวงและเสี่ยวซวงที่มีเส้นผมเบาบาง เขาก็เลือกที่จะโบกมือลาและรีบกลับบ้านของตน
แค่ได้เห็นครอบครัวของเหล่าซื่อก็รับรู้ได้แล้วว่าขาดสารอาหารที่ดีอย่างรุนแรง ตอนที่เขาเหลือบมองต้านิวก็เห็นว่าลำคอของนางหยาบกร้าน เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการขาดสารอาหารเป็เวลานาน
อันที่จริงครอบครัวตระกูลจางนั้นยากจน แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่มีของกินจะมอบให้เด็กสาวเหล่านี้ จะว่าไปแล้ว มันก็เป็เพราะความลำเอียงของผู้เป็ย่า…บุตรชายคนเล็กของนางจางก็มีบุตรสาวเช่นกัน และนางก็มีอาหารการกินที่ดี
โดยเฉพาะเหล่าเมอ เขาไม่เพียงได้เรียนหนังสือ แต่ยังมีเนื้อให้กินทุกมื้อทุกวัน…เื่นี้แม้แต่เหล่าเด็กชายที่เป็พี่น้องกันก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จนกระทั่งตอนนี้ลูกคนเล็กของตระกูลจางก็กำลังเรียนหนังสืออยู่ ไม่ว่าจะเป็ลูกหลานหรือคนอื่นในครอบครัวต่างก็้าที่จะให้บุตรหลานของครอบครัวตนได้รับการศึกษากันทั้งนั้น
จะว่าไปแล้วครอบครัวนี้ก็ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริง ดังนั้นจึงพูดยากเื่ความลำเอียง อีกอย่างตอนนี้ย่าจางที่พูดถึงนั้นก็คือคนที่ตาเฒ่าจางแต่งงานด้วยตอนอายุสี่สิบปี