เขาชิงหยุน อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเซี่ยหยาง
เขาชิงหยุน จากชื่ออาจฟังดูโอ่อ่า แต่แท้ที่จริงแล้วเป็เพียงูเาเล็กที่มีความสูงไม่เกิน 300 เมตรเท่านั้น ทว่ากลับมีพืชพันธุ์มากมาย ใบไม้ต้นหญ้าเต็มไปหมดและให้ความรู้สึกเหมือนป่าดิบท่ามกลางขุนเขา
เมื่อหลายปีก่อน เมืองเซี่ยหยางเคยเตรียมการบุกเบิกเขาชิงหยุน แต่เพราะที่นี่ทำเลไม่ดี โดยเฉพาะมีหลุมฝังศพอยู่จำนวนมาก จึงไม่ได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน จึงทำให้โครงการนี้ล้มเหลวไปั้แ่ตอนแรกเริ่ม
ฉินหลางมาตามคำบอกกล่าวของตาเฒ่าพิษ จนหาบ้านร้างสองหลังบริเวณตีนเขาชิงหยุนเจอ บริเวณบ้านร้างเต็มไปด้วยพงหญ้า พุ่มไม้ และต้นไม้ใบหญ้านานาชนิด เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าถูกทิ้งร้างมานานมากๆ แล้ว
เถารั่วเซียงเริ่มตื่นตระหนกที่ฉินหลางพาเธอมาในที่แบบนี้ เพราะถึงยังไงฉินหลางก็ยังเป็ “เดรัจฉาน” อยู่ดี ถ้าฉินหลางเกิดคิดไม่ซื่อหรือคิดจะทำอะไรที่ชั่วร้ายกับเธอ…จะทำยังไงดี…
“ดูเหมือนอาจารย์เถาจะตื่นตระหนกมาก?” ฉินหลางกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ “อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผมจะคิดไม่ซื่อกับคุณ?”
เถารั่วเซียงกลัวอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่เธอกลับทำตรงข้าม “จ้างให้นายก็ไม่กล้าหรอก! ฉันเคยเรียนวิชาการต่อสู้มาก่อน ถ้านายคิดไม่ซื่อกับฉัน ฉันก็ไม่ไว้หน้านายแน่!”
“คุณเคยเรียนวิชาการต่อสู้มาก่อน ถ้างั้นว่างวันไหนมาสอนผมบ้างสิ” ฉินหลางยิ้มจางๆ ก่อนจะเดินนำไปทางร้านร้าง
“โจวหลิงหลิงอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ?” เถารั่วเซียงไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉินหลางเท่าไรนัก แต่ไม่รู้ว่าภูตผีเทวดาตนใดมาดลใจ ทำให้เธอเดินตามเขามาถึงที่นี่ หรือไม่ก็คงเป็เพราะความรู้สึกเธอยังคงบอกว่าฉินหลางเป็คนดีอยู่มั้ง
“อืม เธออยู่ที่นี่” ฉินหลางเดินนำเถารั่วเซียงเข้าไปทางบ้านร้างเรื่อยๆ เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้า เถารั่วเซียงพูดขึ้นเบาๆ “โจวหลิงหลิง—”
“อาจารย์เถา—คุณคืออาจารย์เถารึเปล่า!”
ที่เถารั่วเซียงไม่คาดคิดก็คือ เธอได้ยินเสียงของโจวหลิงหลิงตอบเธอจากด้านในจริงๆ โจวหลิงหลิงเป็ตัวแทนวิชาชีววิทยาเธอคุ้นเคยกับเถารั่วเซียงมาก เถารั่วเซียงรู้ทันทีว่าเสียงที่ได้ยินเป็เสียงของโจวหลิงหลิง “ใช่! ฉันเอง อาจารย์เถา!” เธอรีบตอบด้วยความดีใจ
เมื่อได้ยินเสียงของโจวหลิงหลิง เถารั่วเซียงรีบเดินเข้าไปทันที
ในบ้านร่างมีเพียงเตียงพับง่ายๆ เพียงตัวเดียว โดยที่โจวหลิงหลิงนอนอยู่บนเตียงพับดังกล่าว ข้างเตียงมีผ้าพันแผลที่ใช้แล้วอยู่จำนวนมาก ที่ขาของเธอก็พันผ้าพันแผลอยู่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าาแบนตัวเธอเธอยังไม่หายดี
แต่เมื่อเห็นฉินหลางกับเถารั่วเซียงเข้ามาโจวหลิงหลิงก็ลุกขึ้นนั่ง แสดงว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็อะไรมากแล้ว
“โจวหลิงหลิงรีบนอนลง—” เถารั่วเซียงบอกให้โจวหลิงหลิง นอนลงพักผ่อน ถึงอย่างนั้น เถารั่วเซียงก็ยังใอยู่ดี ที่อาการาเ็ของโจวหลิงหลิงหายเร็วมากขนาดนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงที่โจวหลิงหลิงยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ทำให้เถารั่วเซียงหายกังวลไม่น้อย และทำให้เธอรู้สึกว่า “เดรัจฉาน” ที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นอยู่ดี
“โจวหลิงหลิงรีบนอนลง—” เถารั่วเซียงบอกให้โจวหลิงหลิง นอนลงพักผ่อน ถึงอย่างนั้น เถารั่วเซียงก็ยังใอยู่ดี ที่อาการาเ็ของโจวหลิงหลิงหายเร็วมากขนาดนี้
“อาจารย์เถาค่ะ อันที่จริงแล้วหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” โจวหลิงหลิงพูดด้วยความมึนงง
“เื่นี้ ผมเป็คนพูดเองดีกว่า” ฉินหลางกล่าวขึ้น “ความจริงคือตอนที่โจวหลิงหลิงได้รับาเ็ ผมให้เธอกินยาพิเศษที่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ ซึ่งตอนแรกเธอกินยาของผมแล้วก็ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตแล้วจริงๆ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ไม่้าให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ เตรียมจะลงมือกับเธอที่โรงพยาบาลอีก เพราะอย่างนั้นอาจารย์ผมเลยทำอะไรนิดหน่อย ให้โจวหลิงหลิงแกล้งตาย ถึงได้หลอกพวกที่จะลงมือกับเธอให้คิดว่าเธอตายแล้วได้สำเร็จ จากนั้น ท่านก็แอบเอาโจวหลิงหลิงมาซ่อนไว้ที่นี่ ก่อนจะทำการรักษาให้เธอ และบอกพวกเราให้มาเจอกับเธอที่นี่”
“ฉันพอจะเข้าใจความเป็มาโดยรวมแล้ว” เถารั่วเซียงพูดขึ้น “แต่ทำไมอาจารย์ของนายถึงได้เอาโจวหลิงหลิงมาซ่อนอยู่ในที่เปลี่ยวๆ น่ากลัวๆ แบบนี้”
“เพราะอยู่ที่นี่คนอื่นไม่มีทางหาเธอเจอแน่นอน แล้วอีกอย่างที่นี่ก็ปลอดภัยมากด้วย” ฉินหลางกล่าว
“ปลอดภัย? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอย่างนั้นล่ะ?” เถารั่วเซียงพูดในใจ ที่นี่ร้างก็ร้าง เปลี่ยวก็เปลี่ยว ให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ รักษาตัวอยู่ที่นี่คนเดียว จะบอกว่าปลอดภัยได้ยังไง
“ที่คิดแบบนั้นเพราะคุณยังไม่รู้จักอาจารย์ผม” ฉินหลางไม่อยากจะสนทนาในหัวข้อนี้กับเถารั่วเซียง จึงพูดเพียง" คุณวางใจได้ คนอื่นไม่มีทางเข้าใกล้ที่นี่ได้แน่นอน”
“จริงค่ะ พงหญ้าข้างนอกมีงูเต็มไปหมด!” โจวหลิงหลิง พูดด้วยความกลัว “ถ้าหนูไปถึงหน้าประตูเมื่อไร งูพวกนั้นก็จะออกมาทันที หนูก็เลยไม่กล้าออกไปจากที่นี่—ว่าแต่ ทำไมพวกคุณถึงไม่โดนงูพวกนั้นโจมตีล่ะคะ?”
“ผมว่าพวกเรายังไม่ต้องคุยรายละเอียดเื่นี้กันดีกว่านะ?” ฉินหลางรู้ว่าตาเฒ่าพิษไม่ชอบให้ใครมารู้เื่พวกนี้ของเขา จึงรีบเปลี่ยนเื่คุยทันที" โจวหลิงหลิง ฉัน้าความช่วยเหลือของเธอถึงจะลบล้างข้อกล่าวหาได้ ตอนนี้ใครต่อใครก็เห็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าฉันฆ่าเธอ ขนาดอาจารย์เถาก็ยังด่าฉันสาดเสียเทเสีย จนเป็เดรัจฉานตัวหนึ่งแล้วเลย”
“ฉินหลาง—” เถารั่วเซียงมองฉินหลางตาขวาง “ยังไงนายก็เป็ผู้ชาย ยังจะคิดเล็กคิดน้อยเื่พวกนี้อีกเหรอ?”
“ผมเป็ผู้ชายที่หัวใจเปราะบางมาก!” ฉินหลางแกล้งทำเหมือนได้รับาเ็หนักมาก “ที่สำคัญ คำพูดของอาจารย์เถาทำร้ายผมรุนแรงมากเกินไป ทำให้ผมไม่มีความหวัง ความฝันและความรัก ทำให้ชีวิตผมไม่เหลือความกล้า และไม่มีความมั่นใจ…”
“ฉินหลาง—” เถารั่วเซียงจ้องฉินหลางตาเขม็ง เป็นัยว่านายหุบปากเดี๋ยวนี้นะ ก่อนจะพูดกับโจวหลิงหลิง “โจวหลิงหลิง ฉินหลางเขาเป็นักเรียนที่ดี ครั้งนี้เขาเป็คนช่วยเธอไว้ แต่กลับโดนคนใส่ร้ายว่าเขาเป็คนฆ่าเธอ ขนาดครูเองก็เข้าใจเขาผิด…”
เถารั่วเซียงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้โจวหลิงหลิงฟังคร่าวๆ หนึ่งรอบ ในน้ำเสียงและคำพูดแสดงถึงความรู้สึกผิดที่มีต่อฉินหลาง
ความจริงแล้วตอนแรกที่เพิ่งโดนเถารั่วเซียงเข้าใจผิด ตอนนั้นฉินหลางโมโหมากจริงๆ แต่เื่ที่เกิดในสถานกักกันทำให้เขาได้ระบาย ฉินหลางจึงเริ่มสงบลงมาได้ ถึงยังไงเขากับเถารั่วเซียงก็เพิ่งจะรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน แล้วอีกอย่างพยานและหลักฐานที่มีต่างก็ส่งผลเสียต่อเขาทั้งนั้น ดังนั้นฉินหลางถึงได้เข้าใจและหายโกรธเธอ เพราะรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีอะไรที่จะทำให้เถารั่วเซียงเชื่อได้เลย เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องเชื่อเขาเลย
เพราะฉะนั้นฉินหลางมาหาโจวหลิงหลิง ถึงได้พาเถารั่วเซียงมาด้วย เพราะเขา้าให้เถารั่วเซียงดูให้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฆ่าคน และก็ไม่ใช่คนเลวด้วย
หลังจากที่โจวหลิงหลิงฟังเถารั่วเซียงเล่าจบ ก็หันไปขอโทษฉินหลาง “ขอโทษนะฉินหลาง ฉันไม่คิดว่าจะทำให้นายเดือดร้อนขนาดนี้ คิดๆ ไปแล้ว ฉันนี่ก็โง่จริงๆ กล้าฆ่าตัวตาย แต่ไม่กล้าที่จะไปสู้กับคนพวกนั้น!”
“ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้า แต่เธอรู้ว่ามันยากมากถ้าจะชนะพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” ฉินหลางกล่าวอย่างนิ่งเรียบ “เธอกลัวว่าพวกนั้นจะทำร้ายและทำให้เธอต้องเ็ปมากขึ้น โจวหลิงหลิง บอกฉันได้ไหม ว่าเธอกลัวอะไรอยู่กันแน่
คำพูดของฉินหลางทำให้โจวหลิงหลิงมีความกล้าขึ้นมา เธอนึกถึงเื่ราวที่เ็ปในความทรงจำ ผ่านไปสักพักเธอจึงได้พูดขึ้น “พวกเขาทำให้ฉันติดยาเสพติด จากนั้นบังคับให้ฉันไปทำเื่ที่ต่ำทรามพวกนั้น ฉันไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของเดรัจฉานพวกนั้น จนกระทั่งเช้าวันนั้น ฉันได้รับผลการตรวจจากโรงพยาบาล รู้ว่าตัวเองเป็โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฉันรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ฉันก็เลยใส่ชุดนักเรียนไปฆ่าตัวตาย เพราะหวังว่าหลังจากที่ฉันตายแล้ว อย่างน้อยใจฉันก็ยังบริสุทธิ์อยู่!”
“เดรัจฉานพวกนั้น!” เถารั่วเซียงโมโหจนตัวเริ่มสั่นเบาๆๆ “หลิงหลิง เธอไม่ต้องห่วงนะ ครูจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เธอแน่!”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์เถา และขอบคุณนายด้วยฉินหลาง” โจวหลิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “ความจริงชีวิตหนูหมดอาลัยตายอยากแล้ว แต่เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องโดนทำร้ายแบบหนูอีก หนูตัดสินใจแล้วว่าจะสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุด ยังไงซะหนูก็เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว!”
“โจวหลิงหลิง ฉันนับถือในความกล้าหาญของเธอ แต่เธออย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้าย เชื่อฉันสิ ในเมื่อฉันช่วยชีวิตเธอได้หนึ่งครั้ง ก็จะต้องช่วยให้เธอเลิกยาเสพติดได้ และก็ยังสามารถช่วยรักษาโรคร้ายในตัวเธอได้ด้วย” ฉินหลางรับรองกับโจวหลิงหลิง
“จริงเหรอ?” แววตาที่หม่นหมองของโจวหลิงหลิงมีประกายของความหวังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันรับรอง” ฉินหลางยิ้มจางๆ “วิชาการแพทย์ของฉันไม่แย่นะ โดยเฉพาะทางนรีเวชฉันช่ำชองมากเลยล่ะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามอาจารย์เถาดูได้”
ทันทีที่เถารั่วเซียงได้ยิน ก็มีภาพฉากที่ฉินหลางรักษาสิวที่บั้นท้ายให้เธอลอยเข้ามาในหัว เธอหน้าแดงยิ้มจางๆ แต่เพราะไม่อยากให้โจวหลิงหลิงผิดหวัง เธอจึงพยักหน้าพลางกล่าว “จริงจ๊ะ ฉินหลางมีวิชาการแพทย์ที่เก่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะช่วยชีวิตเธอไว้ได้ยังไง เพียงแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือต้องเอาตัวเดรัจฉานพวกนั้นเข้าตารางให้หมด! ดังนั้น พวกเรา้าความช่วยเหลือจากเธอ!”
“พวกเรา?” ฉินหลางมองเถารั่วเซียงอย่างแปลกประหลาด “อาจารย์เถา คุณบอกว่า ‘พวกเรา’ หมายความว่า คุณจะจัดการ ‘เดรัจฉาน’ ตัวจริงพวกนั้นพร้อมกับผม?”