เป็เื่จริงที่ชาติก่อนตอนที่เหยียนชิงอายุเท่านี้ไม่เคยถามเื่ข้างนอก เหยียนลั่วไม่กลับมาสักที ตระกูลเหยียนก็ค่อยๆ ตกไปอยู่ในมือของเหยียนิฮ่วน หากเหยียนชิงตอนนี้เหมือนในชาติก่อน จะปล่อยให้แผนการชั่วร้ายของเหยียนิฮ่วนสำเร็จได้อย่างไร?
มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่? เหยียนชิงในเวลานี้ฉลาดกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก รอบคอบกว่าแผนการที่เขาคิดไว้ ทำให้เขานึกถึงท่านราชครูในตำหนักบูรพาที่ฉลาดเฉลียวในชาติที่แล้วคนนั้น แต่เหยียนชิงในตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะเข้าพิธีสวมกวาน เหตุใดถึงฉลาดจนคนเกิดใหม่เช่นเขาต้องรู้สึกละอายใจ หรือว่าเหยียนชิงจะเป็เหมือนกับเขา?
เว่ยซูหานใกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจเขา จนต้องส่ายหัวสะบัดความคิดนี้ทิ้งไป
จู่ๆ ความเงียบก็มาเยือนนี้ทำให้เหยียนชิงรู้สึกสงสัย จึงเงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เ้าสงสัยอะไรงั้นหรือ?”
การเกิดใหม่เป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อที่คนทั่วไปไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด อย่างมากเว่ยซูหานก็อาจจะคิดว่าลึกๆ ในใจเขากำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ แต่ไม่เป็ไร แม้แต่เขาที่มีชีวิตมาสองชาติ ต่อให้บอกว่าตัวเองไม่ได้มีแผนการกลอุบายใดๆ ตนก็ไม่เชื่อเช่นกัน
“ไม่มีอะไร” เว่ยซูหานส่ายหน้าแล้วเอ่ยซ้ำว่า “เพียงแต่ชิงเอ๋อร์ฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้”
ต่อให้เหยียนชิงเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีเขา ก็สามารถพาตระกูลเหยียนรอดพ้นหายนะนี้ไปได้
เหยียนชิงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ในสายตาของเ้า ข้าเป็เพียงหนอนหนังสือที่วันๆ เอาแต่ก้มหน้าอ่านตำราไม่สนใจเื่ภายนอก เป็คุณชายน้อยไร้เดียงสาที่ข้าวมาส่งก็หยิบใส่ปาก เมื่อเสื้อผ้ามาถึงก็ยื่นมือไปสวม ไม่กล้าทำอะไรได้แต่พึ่งพาคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”
ในชาติที่แล้วเขาเป็เช่นนั้นจริง จนกระทั่งเข้าสู่เส้นทางขุนนางก็เริ่มขัดเกลาตัวเอง จนไม่อาจหวนคืนดังเดิมได้
“เ้าที่เป็เช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร”
อายุเท่านี้อยู่ในตระกูลเช่นนี้ เป็เื่ธรรมดาที่จะอยู่อย่างไร้กังวล
เหยียนชิงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าแต่งงานแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เื่ของเ้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านแม่ต้องเป็กังวล”
เว่ยซูหานเลิกคิ้วขึ้น “ก็หมายความว่า เพื่อข้าแล้ว ชิงเอ๋อร์จึงคิดทุกอย่างให้รอบคอบอย่างนั้นหรือ?”
เหยียนชิงยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้ “เ้าคิดถูกแล้วล่ะ”
รถม้าวิ่งไปข้างหน้า สามีภรรยากำลังหารือแผนการในอนาคตอยู่บนรถม้า บางครั้งคำพูดรักหวานๆ ก็แทรกขึ้นมาเป็ครั้งคราว รถม้าค่อยๆ ออกไกลจากประตูเมือง
ขณะที่พวกเขาออกเดินทางไปยังเมืองเทียนซู เหยียนเม่า และฮูหยินของเขาก็มาเยี่ยมเหยียนฮูหยินเหยียน
ฮูหยินเหยียนยังกังวลเื่การเดินทางของเหยียนชิง จนไม่ได้ฟังคำรายงานธุรกิจของจวนจากลุงฝูได้ เดิมทีก็คิดจะปฏิเสธไม่พบหน้า แต่ก็กลัวว่าพวกเขาจะวุ่นวายไม่จบ จึงทำได้เพียงขอให้ป้าจิ่วพยุงลุกขึ้นไปพบหน้า เมื่อครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยกับลุงฝู
“ลุงฝู เ้าเองก็ไปพบพวกเขากับข้าเถอะ หากพวกเขาจะพูดอะไรที่ไม่เคารพฮูหยินน้อยกับคุณชาย พวกเ้าก็ช่วยเป็ปากเป็เสียงแทนข้าด้วย”
“ขอรับ/เ้าค่ะฮูหยิน”
ป้าจิ่ว และลุงฝูตอบรับพร้อมกัน ขณะที่นางเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ พวกเขาล้วนเป็ผู้าุโในจวน เจตนาของผู้เป็นายก็เข้าใจได้ชัดเจน คนที่จะเป็ใหญ่ในจวนนี้ในอนาคตเป็ใครต่างก็รู้ดีแก่ใจ ตราบใดที่ฉลาดก็ไม่มีทางหาเื่ใส่ตัวได้ เหยียนชิงเป็ว่าที่ประมุขตระกูลในอนาคต คำพูดของเขามีประโยชน์มากกว่าฮูหยินเหยียนเสียอีก
เป็ไปตามที่ฮูหยินเหยียนคาดไว้ ที่สองสามีภรรยามาเยี่ยมครั้งนี้ก็เพราะเหยียนชิงตามใจเว่ยซูหานมากเกินไป
แต่ถึงอย่างไรฮูหยินเหยียนก็เตรียมใจไว้แล้วล่วงหน้า หาคำแก้ตัวมารับมือกับคำพูดประชดประชันที่เฉียบคมของพวกเขาที่มีต่อเว่ยซูหานได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกันก็เอ่ยชื่นชมเว่ยซูหานด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน บวกกับคำพูดสนับสนุนของป้าจิ่ว และลุงฝู หลังจากการถกเถียงกันด้วยความสุภาพและใจเย็น ทั้งเหยียนเม่าทั้งภรรยาของเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย
ในที่สุดเหยียนเม่าก็ระงับความไม่พอใจในใจของตนลง แสร้งทำเป็ถอนหายใจลึกๆ
“น้องสะใภ้เ้ามีคุณธรรมมาโดยตลอด คำพูดเหล่านี้ก็สมเหตุสมผล เว่ยซูหานมีความสามารถนั้นไม่ผิด แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็ภรรยาชาย ควรจะรักษาภาระหน้าที่อันพึงกระทำ สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะมีอำนาจเหนือสามี ชิงเอ๋อร์อายุยังน้อยให้ความสำคัญกับความรัก และความชอบธรรม จึงไม่อยากทำผิดต่อเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจได้ ั้แ่มาก็ไม่เข้าใจลำดับความสำคัญ”
เสวียซื่อได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยเสริม
“ใช่แล้ว ขอพูดอะไรที่ไม่เข้าหูหน่อยนะ ปกติเขาก็ไม่ออกหน้าจัดการเื่ด้วยตัวเอง ส่งคนมาชี้นิ้วสั่งิฮ่วน ทำเช่นนั้นดูไม่เคารพเอาเสียเลย ถึงพวกเราจะไม่ใช่สายตรง แต่ิฮ่วนก็เป็ลูกหลานของตระกูลเหยียน ภรรยาชายที่เพิ่งแต่งเข้าจวนได้ไม่กี่เดือนก็ได้มีอำนาจสูงกว่าคุณชาย แบบนั้นมันเกินไป”
ทุกครั้งเห็นเว่ยซูหานไม่ออกหน้าด้วยตัวเองเอาแต่ส่งคนไปรายงาน ในใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ อาศัยความตามใจของเหยียนชิงชี้มือชี้ไม้สั่งให้ลูกชายของนางทำนู่นนี่
ฮูหยินเหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดที่เฉียบคมของพวกเขา หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ก็ตอบพวกเขาทั้งสองว่า
“เจตนาของพี่ใหญ่ข้าเองก็รู้ดี แต่สิ่งที่ทำล้วนขออนุญาตชิงเอ๋อร์ บางทีชิงเอ๋อร์จะให้เขาไปทำ หน้าที่รับผิดชอบนี้อาจจะเป็ความคิดของชิงเอ๋อร์ก็ได้”
“คำพูดของพี่สะใภ้ก็กล่าวหนักไปเล็กน้อย ซูหานเป็ภรรยาชาย เทียบไม่ได้กับคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ไม่ออกจากเรือน แต่เขาช่วยข้าดูแลงาน ไม่มีทางไม่เคารพิฮ่วนแน่นอน เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงความคับข้องใจเท่านั้น ฐานะของน้องสะใภ้ก็วางอยู่ หากเื่เล็กเื่ใหญ่ล้วนต้องเอาไปปรึกษากับิฮ่วนด้วยตัวเอง ก็อาจจะตกเป็ขี้ปากชาวบ้าน คนในเรือนไม่พูด แต่คนนอกไม่เข้าใจก็อาจเกิดคำครหา”
เสวียซื่อแค่นเสียงเ็าเบาๆ “ในเมื่อเพื่อหลีกเลี่ยง ก็อยู่หลังเรือนดีๆ จะออกไปให้เห็นหน้าเพื่ออะไร ภรรยาชายช่างไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเสียเลย...”
“เื่นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ข้า”
ฮูหยินเหยียนไม่อยากทะเลาะกับนางในปัญหาที่ไม่ได้ร้ายแรงเช่นนี้ หากสาวความยาวก็อาจจะอดโมโหไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมางจึงถอนหายใจเงียบๆ
“แม้ว่าตอนนี้เื่ในจวนจะขึ้นอยู่ที่ข้า แต่สุดท้ายก็เป็แค่สตรีคนหนึ่ง ชิงเอ๋อร์เป็คุณชายใหญ่ แม้จะยังไม่ผ่านพิธีสวมกวาน แต่การแต่งงานก็สำเร็จไปด้วยดี เื่ที่เขารับ่ต่อจากจวนมีเหตุผลใดที่ไม่ควรยอมรับ เขามอบอำนาจให้ฮูหยินของเขา พวกเราก็คัดค้านไม่ได้ ต่อให้เป็คุณชายใหญ่เหยียนลั่วก็ทำไม่ได้ อีกอย่าง สิ่งที่ซูหานทำมาจนถึงทุกวันนี้ทุกคนล้วนเห็นกับตาตัวเอง ไยต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วยเล่า”
นางในฐานะฮูหยินที่ดูแลจวนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยุติธรรม ก็เข้าใจความหมายเช่นกัน เื่ของเว่ยซูหานไม่ใช่ใครจะมาพูดก็ได้ นางไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะกล้าไปพูดเื่นี้กับเหยียนชิง
เสวียซื่อยังคงไม่ยอม “น้องสะใภ้ ชิงเอ๋อร์ยังเด็กจึงไม่เข้าใจ เ้าเองก็ถูกภรรยาชายเช่นเขาหลอกงั้นหรือ?”
ฮูหยินเหยียนเอ่ยไม่พอใจ
“ชิงเอ๋อร์รู้ความมากกว่าที่พวกท่านคิดเสียอีก พวกเขาสองคนแต่งงานเป็สามีภรรยากันแล้วจะเอาอะไรมาล่อลวง? ในเมื่อแต่งเข้าจวนตระกูลเหยียนก็คือคนของตระกูลเหยียน พวกเขารักกันดีข้าก็วางใจ”
จากมุมมองของนาง สามีภรรยาทั้งสองคนนั้นล้วนมีความจริงใจต่อกัน สามีภรรยาร่วมใจกัน กิจการบ้านเรือนรุ่งเรืองไม่ใช่เื่ดีหรือ?
เหยียนเม่าเห็นสีหน้าของฮูหยินเหยียนเปลี่ยนไป จึงส่งสายตาให้ภรรยาก่อนพูดแทรก
“ถึงอย่างนั้น แต่น้องสะใภ้ พวกเราก็ครอบครัวเดียวกัน ข้าเคยชี้แจงไปแล้วใช่หรือไม่ เหตุผลที่เว่ยซูหานแต่งเข้าตระกูลเหยียนทุกคนก็ทราบ ยากจะรับประกันได้ว่าเว่ยซูหานกำลังฉวยโอกาสหลอกใช้เหยียนชิงที่อายุยังน้อยหรือไม่ หากปล่อยไว้เช่นนั้นไม่ดูแล เขาอาจก่อปัญหาที่ไม่ดีกับตระกูลเหยียนก็ได้”
เสวียซื่อ “ใช่...พวกเรากลัวว่าชิงเอ๋อร์จะถูกหลอกใช้”
“…”
ฮูหยินเหยียนไม่มีอะไรจะพูด คนทั่วไปก็คิดเช่นเดียวกัน รวมถึงนางด้วย และนางก็ห่วงใยพวกเขาสองคนนั้นมากกว่าใคร
่นี้นางตั้งใจสังเกตเหยียนชิงกับเว่ยซูหานมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เห็นคือความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะแผนการอะไรก็เหมาะสมต่อตระกูลเหยียน ต่อให้เว่ยซูหานดูเหมือนไม่ได้หลอกเหยียนชิง และเหยียนชิงก็ไม่ใช่คนหูเบา ตอนนี้นางมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับบุตรชายคนนี้แล้ว
เมื่อเห็นฮูหยินเหยียนขมวดคิ้ว เหยียนเม่าก็เอ่ยใส่ไฟเข้าไปอีก
“พวกเราก็ใช่ว่าจะทนเว่ยซูหานไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็ลูกของแม่ทัพเว่ย ขอเพียงเขารักษาหน้าที่ของตนไว้ไม่ให้เกิดความคิดที่ไม่สมควรขึ้น พวกเราย่อมคิดว่าเขาเป็ครอบครัวเดียวกัน”
“แต่การป้องกันคนเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อสถานการณ์ของตระกูลเหยียน ข้าหวังว่าน้องสะใภ้จะคิดอย่างรอบคอบในวันปกติที่ต้องมอบอำนาจ เหยียนลั่วไม่ยอมกลับเรือน หากน้องสะใภ้ยุ่งอยู่กับงานก็ให้ิฮ่วนช่วยได้ สนิทกับสายเืเครือญาติให้มากจะดีกว่า เวลาหลานชายเหยียนลั่วอยู่บ้านก็ชอบปรึกษากับิฮ่วน เ้าก็รู้ดี”
เดิมทีก็คิดจะอาศัยโอกาสที่เหยียนลั่วหนีออกจากบ้าน ช่วยให้เหยียนิฮ่วนขึ้นควบคุมกิจการของตระกูลเหยียนได้มากขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าเหยียนชิงจะปกป้องภรรยาชายอย่างโจ่งแจ้ง แล้วพวกเขาจะยอมได้อย่างไร
“เฮ้อ...” ฮูหยินเหยียนส่ายหัว หลังจากจิบชาเสร็จ ก็มองไปที่เหยียนเม่า ก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า
“พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เื่นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ข้า ตอนนี้เื่ภายใน ข้าเป็คนจัดการก็จริง แต่งานภายนอกล้วนเป็ชิงเอ๋อร์ปรึกษากับซูหานเพื่อตัดสินใจ”
ฉวยโอกาสที่เหยียนลั่วไม่อยู่ เหยียนเม่ากับภรรยาก็คิดจะต่อสู้เพื่อให้อำนาจของตระกูลเหยียนไปอยู่ในมือของิฮ่วน หากไม่ใช่เพราะเหยียนชิงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ่ที่เหยียนลั่วหนีออกจากเรือน นางคงไม่อาจควบคุมตระกูลได้ และค่อยๆ มอบอำนาจให้เหยียนิฮ่วน
ก่อนตายนายท่านได้กำชับนางว่า แม้จะไม่มีทางเลือก ก็ห้ามยกกิจการตระกูลให้เหยียนิฮ่วน
จากจุดนี้ชิงเอ๋อร์ก็เข้าใจได้เช่นเดียวกับพ่อของเขา
เหยียนเม่า “เอ่อ น้องสะใภ้...”
ฮูหยินเหยียนโบกมือ
“พวกท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของชิงเอ๋อร์ แม้ว่านายท่านจะรัก และไว้วางใจให้ข้าดูแลเื่ในจวนมาหลายปี เื่อื่นไม่ต้องเอ่ยถึง หากข้าขัดขวางคุณชายในการควบคุมดูแลตระกูลเหยียน ถ้าเื่นี้แพร่งพรายออกไป จะไม่ทำให้เสียชื่อตามมาภายหลังหรือ ิญญานายท่านที่อยู่บน์คงไม่สบายใจเช่นกัน สิ่งที่เราสามารถทำได้คือคอยดูแลช่วยเหลือชิงเอ๋อร์เท่านั้น”
แม้ก่อนหน้านี้นายท่านจะให้เหยียนลั่วเป็ผู้ดูแลจวนในอนาคต และชิงเอ๋อร์ก็ก้าวเข้าสู่เส้นขุนนาง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นายท่านคงเข้าใจนางดีใช่หรือไม่
เมื่อนางพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว ต่อให้จะเป่าหูนางมากเพียงใดล้วนไร้ผล เหยียนเม่าและเสวียซื่อต่างเข้าใจดี ว่าคำพูดที่ฮูหยินเหยียนพูดนั้นพวกเขาไม่อาจโต้แย้งได้ หากเหยียนชิง้าควบคุมจวนตระกูลเหยียน หากใครขัดขวางย่อมเกิดคำครหา
ฮูหยินเหยียนเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว นางจึงกล่าวเสริมว่า
“ชิงเอ๋อร์รู้ความ และมีเหตุผลมาตลอด หากวันหน้ามีข้อเสนอแนะความเห็นใดๆ พี่ใหญ่ก็บอกเขาตรงๆ เถอะ อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็มีครอบครัวแล้ว จะให้คนเป็แม่อย่างข้าคอยส่งข่าวให้เหมือนเด็กตลอด มันจะกลายเป็การทำร้ายความนับถือตนเองของเขาเกินไป”
ความหมายก็คือ หลังจากนี้เื่ยุ่งๆ พวกนี้เก็อย่ามารบกวนนางอีก นางทำงานมาหลายปีก็ควรจะได้พักผ่อนสบายๆ
เหยียนเม่ากับเสวียซื่อมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้ฮูหยินเหยียน
“คำพูดของน้องสะใภ้ พวกเราเข้าใจดี ข้าจะหาโอกาสพูดกับชิงเอ๋อร์ให้ดี”
ฮูหยินเหยียนยิ้มแย้ม จากนั้นหัวข้อสนทนาก็จบลงและความวุ่นวายก็ผ่านไป