ตระกูลเหยียนมีกิจการใหญ่โตมาก แม้ว่าเหยียนิฮ่วนจะไม่ใช่สายเืสายตรง แต่ก็ดูแลกิจการมากมาย ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ติดต่อกับเว่ยซูหาน
"เปล่า"
เว่ยซูหานตอบ หากไม่จำเป็เขาก็จะไม่อยากเผชิญหน้ากับเหยียนิฮ่วน ต่อให้เจอก็คงไม่มองใบหน้าน่าที่น่าสะอิดสะเอียนของเขา
ความแค้นต่อคนผู้นี้ หากไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้ผลที่ตามมาคงไม่อยากจะคิด อดทนต่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้จนกระทบต่อแผนการใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สามารถลงมือกับเหยียนิฮ่วนได้ ดังนั้นหากมีอะไรต้องให้เหยียนิฮ่วนจัดการก็ส่งคนไปส่งข่าวเท่านั้น
แน่นอนว่าเขารู้จักเหยียนิฮ่วนเป็อย่างดี จึงไม่กล้ายั่วยุ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เหยียนชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกำชับอีกครั้งว่า "ถ้าเขาเสียมารยาทต่อเ้า เ้าไม่จำเป็ต้องอดทนทำตัวสุภาพกับเขา ในตระกูลเหยียน ข้าจะมอบอำนาจให้เ้า”
"ข้าเข้าใจแล้ว" เว่ยซูหานดีใจมาก ใจเต้นแรงจนอดจูบหน้าเขาไม่ได้
"เ้า..." เหยียนชิงใ ยกมือขึ้นผลักคนออกไปและะโว่า “เ้าทำอะไรกลางวันแสกๆ!”
เว่ยซูหานนวดขมับ “ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย อย่าตึงเครียดไปหน่อยเลยน่า”
เหยียนชิงขมวดคิ้ว “ไม่มีคนนอกก็อย่ามาหยอกล้อข้า”
ถ้าตามใจเขาในตอนนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอีกฝ่ายอาจจะรังแกเขามากขึ้นก็ได้
"ชิงเอ๋อร์..."
"ต่อไปห้ามเรียกข้าแบบนั้นตอนอยู่ข้างนอก"
คุณชายวางท่าจริงจังเช่นนี้ ช่างไม่คุ้นชินเสียเลย
“ได้สิ” เว่ยซูหานยิ้มพลางถอนหายใจแล้วกอดคนไว้ อีกครั้งเอ่ยตอบเสียง “ตามที่ท่านพี่ว่ามาเลย”
ตอนนี้ก็เชื่อฟังเขาไปก่อน ต่อไปก็คงจะดีขึ้น ค่อยๆ ให้เขาปรับตัว ตนเองเองก็ยังไม่รีบ
“......เ้านี่ยังจะกล้าล้อข้าอีก แต่ข้าพูดกับเ้าจริงๆ นะ เวลาอยู่ข้างนอกเ้าอย่าทำตัวขี้เล่นเกินไป”
พูดจบก็กระแอมไอสองที แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาระหว่าง
“ข้าได้ยินมาว่า่นี้เ้าจัดการเื่งานในบ้านได้สบายขึ้นมาก ทั้งยังได้รู้จักกับพ่อค้าทางบกและพ่อค้าเรือที่อยู่นอกด่านมาไม่น้อย เป็อย่างไรบ้าง?”
แม้ว่าจากรายงานของอิ้งหลี เว่ยซูหานในตอนนี้ไม่ได้สนิทกับพ่อค้าที่มีชื่อเสียงมากนัก แต่หลังจากสอบถามอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็คนที่คบหากับเว่ยซูหานในชาติที่แล้ว ทั้งยังช่วยเขาอย่างลับๆ หรือว่านี่จะเป็โชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้?
เว่ยซูหานได้ยินเขาถามเช่นนี้ จึงถือโอกาสอธิบาย
"อืม ข้าเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะคบค้าสมาคมด้วย ขบวนสินค้าที่นอกด่านและการค้าทางทะเลสามารถขยายการค้าได้ เคยได้ยินท่านพ่อเคยบอกไว้ ฮ่องเต้มีเจตนาที่จะสร้างกองทัพเดินเรือ ต่อไปพ่อค้าเรือจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน พวกเราเตรียมการล่วงหน้าก็ดีแล้ว ส่วนการค้านอกด่าน หากสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าให้แข็งแกร่งขึ้นได้ก็จะเป็ประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนที่อยู่ทางชายแดน
"ตระกูลเหยียนเป็พ่อค้าสินค้าให้ทางราชวงศ์ การทำเช่นนี้ถือเป็ตัวอย่างให้ฮ่องเต้แบ่งเบาภาระความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาให้ชายแดนเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขถือเป็ประโยชน์ต่อความมั่นคงของบ้านเมือง หลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็เพิ่มการควบคุมด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนและผ่อนคลายนโยบายการค้า เห็นได้ว่ามีความหมายนี้"
“มีเหตุผล เช่นนั้นก็เอาตามวิธีที่เ้าคิดก็แล้วกัน”
เหยียนชิงเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด มีบางส่วนที่ยังคิดไปในทิศทางเดียวกันกับเขา จึงอดมองเขาไม่ได้ เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้รู้มากกว่าคนที่เกิดใหม่อย่างเขาเล่า
เว่ยซูหานพูดเื่สำคัญอย่างจริงจัง คิดไปคิดมาก็วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันจากด้านอื่น แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากคำพูดของบิดาที่เคยเล่าหรือไม่ก็เกิดจากการคาดเดา เพื่อไม่ให้เหยียนชิงเกิดความสงสัย
ชาติที่แล้วเขานำทหารชายแดนไปตรวจตราเขตการค้าที่คึกคักตามแนวชายแดนหลายครั้ง แม้ตอนนั้นจะเป็ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรเทียนซู แต่สาระสำคัญของเื่ก็ยังชัดเจน
ตอนนี้จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เพียงสามปี แม้ว่าอาณาจักรเทียนซูจะรุ่งเรืองแต่กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลับมีไม่น้อย รากฐานของจักรพรรดิองค์ใหม่ยังไม่มั่นคงพอ นอกจากกองทัพแล้ว ยังเป็่เวลาที่องค์กรทรงอิทธิพลจากประชาชนผลักดันให้เข้ามาช่วย ชาติที่แล้วเพราะตระกูลเหยียนถูกเหยียนิฮวานควบคุมจึงพลาดโอกาสอันดี ตอนนี้พวกเขาเตรียมการไว้ก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถเอาชนะผู้อื่นได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการกับพ่อค้าต่างถิ่นและพ่อค้าทางทะเลล่วงหน้า สามารถป้องกันได้หลายสิ่งหลายอย่างอย่างน้อยสามารถกำจัดตระกูลเหยียนที่หลงผิดได้
ข้อหาของตระกูลเว่ยในตอนนี้เป็เพราะสมรู้ร่วมคิดกับพวกฏของแคว้นต่างๆ และถูกใส่ร้ายจนต้งถูกปะาทั้งตระกูล ชาติที่แล้วความผิดนี้ถูกยัดเยียดใส่ตระกูลเหยียน ข้อหาที่ตระกูลเหยียนเป็สหายกับต่างประแคว้นเกี่ยวข้องกับพ่อค้าต่างชาติ
ชาติที่แล้วเว่ยซูหานเห็นจดหมายของเหยียนิฮ่วนที่เขียนถึงฮ่องเต้ในเมืองต่างแดนด้วยตนเอง ในนามพ่อค้าได้สมรู้ร่วมคิดกับการค้าขายอาวุธและทรยศกองทัพของอาณาจักรเทียนซูหลายครั้ง เหยียนิฮ่วนถูกจับเข้าคุกและบอกเล่าถึงเื่ที่ตระกูลเหยียนใส่ร้ายตระกูลเว่ยในปีนั้น ประกอบกับตอนนั้นเขาเกลียดเหยียนิฮ่วนเข้ากระดูกรวมอารมณ์ส่วนตัวไว้ไม่น้อย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
แม้ว่าในตอนนั้นจะมีคนตั้งคำถามว่าเหยียนิฮ่วนถูกคนหลอกใช้หรือไม่ แต่หลักฐานแน่ชัดว่าเหยียนิฮ่วนใช้กลอุบาย ทว่ากลับไม่มีใครเชื่อมากนัก พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ตระกูลเหยียนเป็แพะรับบาป แต่ในตอนนั้นก็ไม่มีทางหลุดพ้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ฮ่องเต้ในสมัยนั้นให้เป็ผู้สืบทอดก็คือองค์ชายิ ใช้ชื่อกองธงว่า "เพื่อความสงบสุขของเจาเสวี่ย เพื่อปราบปรามตระกูลเหยียน 'พ่อค้าไม่ทุจริตและไม่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงาม' ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในราชวงศ์ก่อน
ั้แ่ต้นจนจบ องค์ชายิและเหล่าขุนนางชราได้ใช้ราชโองการเพื่อทำตามพระประสงค์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปราบความคับข้องใจให้กับตระกูลเว่ย และสุดท้ายเว่ยซูหานยังได้รับคำสั่งให้นำกองทัพองครักษ์หลวงไปทำลายตระกูลเหยียน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก
เว่ยซูหานจำได้อย่างชัดเจน
ชาติที่แล้วตอนที่ฮ่องเต้อยู่ในตำหนักกิเลนทรงมีราชโองการให้สังหารตระกูลเว่ยเจ็ดชั่วโคตร ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างเยินยอสรรเสริญตระกูลเว่ยพลางโจมตีตระกูลเหยียนอย่างโจ่งแจ้ง เขายืนอยู่กลางท้องพระโรงรู้สึกเจ็บแปลบและหนาวเหน็บในใจ จิตใจก็ว่างเปล่า สิ่งแรกที่คิดคือปกป้องเหยียนชิงอย่างไร ตอนนั้นต่อให้รู้สึกว่าตระกูลเหยียนถูกใส่ร้ายก็มิอาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
ตอนนี้ หากเขาสามารถป้องกันได้ล่วงหน้า และสามารถควบคุมปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับตระกูลเหยียนได้เป็อย่างดี เขาจะสามารถหลบหนีจากหายนะได้ หากไม่มีจุดอ่อนที่ถูกจับได้ ผู้ควบคุมแผนการสุดท้ายก็ไม่จําเป็ต้องกังวลมากนัก
และเหยียนชิงก็เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลเหยียนในปัจจุบันและรู้เส้นทางที่จะดำเนินไปในอนาคตอย่างชัดเจน วิเคราะห์ข้อดีข้าเสียของทุกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ ถ้าชาติก่อนเหยียนชิงยื่นมือเข้าไปยุ่งเื่ของตระกูลเหยียน ตระกูลเหยียนก็คงไม่ถึงคราวหายนะ
หัวใจเต้นแรงก็อดพูดไม่ได้
"ชิงเอ๋อร์ ความเข้าใจสถานการณ์ในตระกูลเหยียนของเ้าดีกว่าท่านแม่ละคนอื่นๆ...”
เหยียนชิงตะลึงงันและหลุบตาลง
"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็บุตรชายคนโตของตระกูลเหยียน แม้ในยามปกติไม่ว่าเื่อะไรก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลก่อน หากเกิดเื่ไม่คาดคิดขึ้นก็จะช่วยท่านแม่รับมือได้"
ถ้าเขาพูดมากเกินไปอาจทำให้เว่ยซูหานสงสัย แต่พอคุยกันก็หยุดพูดไม่ได้ เขาใจร้อนเกินไป
เว่ยซูหานไม่พูดไม่จา มองคนที่หลุบตาลงเช่นนี้ คำตอบนี้สำหรับเขาแล้วไม่ได้โน้มน้าวใจมากนัก เพราะชาติที่แล้วหลังจากเกิดเื่ขึ้นกับตระกูลเหยียน เหยียนชิงเคยกล่าวด้วยความเสียใจว่า
หากข้าสนใจเื่ในจวนมากกว่านี้ ก็คงเข้าใจทิศทางที่ควรจะเป็