หลังจากพูดคุยกันหลินฮวาเหนียนไปได้ไม่นาน หลินเซี่ยงตี๋ก็เดินเข้ามา
หลินหร่านกับหลินเซี่ยงตี๋นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะทั้งคู่
“เสี่ยวหร่าน…”
“ขอรับ...ท่านพี่” หลินหร่านเอ่ยเรียกหลินเซี่ยงตี๋ตามความทรงจำของเ้าของร่างเดิมที่หลงเหลืออยู่
“หลายปีมานี้เ้าคงลำบากไม่น้อย” หลินเซี่ยงตี๋รู้สึกสงสารหลินหร่านจับใจ
พวกเขาทั้งสองคนสนิทสนมราวกับเป็พี่น้องจากมารดาเดียวกัน หลินเซี่ยงตี๋ถูกมารดาของหลินหร่านเลี้ยงดูอย่างกับเป็บุตรแท้ๆ ของตนเองมาจนเติบใหญ่
มารดาของหลินหร่านกับมารดาของหลินเซี่ยงตี๋ล้วนแต่เป็คนจากหนานเจียงทั้งคู่ หรือก็คือมารดาของหลินหร่านเป็ท่านน้าของเขา
สมัยยังหนุ่ม หลินฮวาเหนียนไปรบที่หนานเจียง ทำให้รู้จักกับมารดาของหลินเซี่ยงตี๋
ผู้เป็มารดาของหลินเซี่ยงตี๋มีปานรูปดอกปี่อั้นฮวาและมีหลอดเืดำคู่ เขามีนามว่ากู่จู๋
ั้แ่เล็กจนโต กู่จู๋ไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลยสักครั้ง เป็เด็กหนุ่มที่เรียบง่ายและชาญฉลาด
ในปีนั้น เขาพบหลินฮวาเหนียนที่ถูกศัตรูโจมตีอยู่ในป่า
เขาเห็นหลินฮวาเหนียนสวมเสื้อเกราะของต้าอวี้จึงทำให้รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็แม่ทัพ ดังนั้น เขาจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วย
หลังจากนั้น หลินฮวาเหนียนถูกกู่จู๋พาเข้าไปในหมู่บ้านของชาวจือเม่ย
ทว่า ภายหลังอีกฝ่ายฟื้นขึ้นมากลับจำไม่ได้ว่าระหว่างตนเองกับกู่จู๋เกิดอะไรขึ้น
กู่จู๋ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร สุดท้ายเขาเพียงแสดงออกว่าตนเองคือผู้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้เท่านั้น
ต่อมา หลินฮวาเหนียนเข้าไปในเผ่าจือเม่ย เขาได้รู้จักกับน้องสาวของกู่จู๋ซึ่งมีนามว่ากู่อวี่
ทั้งคู่เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และในตอนนั้นกู่จู๋ก็พบว่าร่างกายของตนเองถูกเปิดผนึก ท้ายที่สุดจึงตั้งครรภ์
หลังจากชายในเผ่าจือเม่ยที่มีหลอดเืดำคู่ถูกเปิดผนึกครั้งแรก ความเป็ไปได้ในการตั้งครรภ์ของชายในเผ่านั้นมีเพียงครึ่งหนึ่งของหญิงสาวในเผ่า นอกจากนี้ ผู้ชายในเผ่าจือเม่ยยังไม่สามารถทำแท้งได้อีกด้วย
เผ่าจือเม่ยเป็เผ่าโบราณ พวกเขาเชื่อว่าผู้ชายในเผ่าได้รับการประทานพรจาก์ให้สามารถกำเนิดบุตรได้ ฉะนั้น ทุกชีวิตที่เกิดมาในครรภ์ของพวกเขานับว่าได้รับมอบลงมา เป็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกิน
เพราะอย่างนั้น เมื่อรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์และเพื่อที่จะปกป้องงานแต่งงานของน้องสาว กู่จู๋จึงได้หลบหนีออกจากเผ่า
หลายเดือนต่อมา คนที่ออกตามหากู่จู๋ได้กลับมาพร้อมกับเด็กน้อยผู้มีนามว่าหลินเซี่ยงตี๋
เมื่อหลินฮวาเหนียนกลับมายังเผ่าจือเม่ยอีกครั้งเพื่อเตรียมที่จะสู่ขอกู่อวี่จึงได้ทราบเื่นี้เข้า
เขาอยากขอโทษและรู้สึกเสียใจเป็อย่างมาก
กู่จู๋ยอมเสียสละเพื่อปกป้องน้องสาว
ผลสุดท้ายหลินฮวาเหนียนจึงสู่ขอกู่อวี่พร้อมรับหลินเซี่ยงตี๋มาด้วย ให้เขาเติบโตในฐานะคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิน ถูกเลี้ยงดูโดยฟูเหรินคนก่อนหรือกู่อวี่จนเติบใหญ่ กระทั่งกู่อวี่ให้กำเนิดหลินหร่านแล้วเสียชีวิต
เื่ที่ชายหนุ่มของเผ่าจือเม่ยสามารถตั้งครรภ์ได้นั้น
พวกเขามีโอกาสที่จะเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดบุตรมากกว่าผู้หญิงเสียอีก
่ที่กู่จู๋ให้กำเนิดหลินเซี่ยงตี๋ไม่มีคนคอยดูแลอยู่ข้างกาย เขาเสียเืเป็อย่างมากเป็เหตุให้จบชีวิต
ใน่เวลาที่ตระกูลกู่ตามหากู่จู๋จนกระทั่งได้พบ เขาก็หมดลมหายใจไปแล้ว บุตรที่คลอดออกมาก็มีร่างกายอ่อนแอ
ทั้งหมดนี้ เป็เื่ราวอันน่าโศกเศร้าของคนรุ่นก่อน
ถึงแม้หลินหร่านจะไม่รู้เื่เ่าั้เลย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายเืที่มีอยู่ในตัวของเขากับหลินเซี่ยงตี๋ เพราะเขายังคงรู้สึกไว้วางใจอีกฝ่ายเป็อย่างสูง
ในจวนแม่ทัพไม่มีใครรู้เื่ราวของหลินเซี่ยงตี๋ หลินฮวาเหนียนบอกเพียงว่าเป็บุตรชายของเขา ไม่ได้บอกถึงที่มาที่ไป
หลินฮวาเหนียนให้ความสำคัญกับหลินเซี่ยงตี๋ั้แ่เล็กจนโต คุณชายใหญ่ของตระกูลหลินเป็เด็กดี ร่วมรบในแถบชายแดนกับหลินฮวาเหนียนั้แ่อายุยังน้อย
เขาเป็คนนิสัยดีมีคุณธรรม จิตใจเต็มไปด้วยความชอบธรรมพร้อมรับฟังเหตุผลจากทุกคน ทำให้คนในจวนเริ่มให้ความเคารพนับถือ
“เสี่ยวหร่าน เ้าอยากเป็พระชายาของจ้านหวังจริงๆ หรือ?”
สำหรับหลินเซี่ยงตี๋ เขาแค่อยากรู้ว่าหลินหร่านยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่โดนบังคับจิตใจ หากหลินหร่านไม่เต็มใจเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เป็เช่นนี้
หลินเซี่ยงตี๋จ้องมองหลินหร่าน เพราะกลัวว่าจะพลาดไปหากหลินหร่านแสดงท่าทีขมขื่นและไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้
อาจเป็เพราะมีความทรงจำของเ้าของร่างเดิมอยู่ หลินหร่านจึงรับรู้ได้ถึงความรักความใส่ใจที่หลินเซี่ยงตี๋มีให้กับเขา
ครู่ต่อมา แววตาของหลินหร่านแสดงออกถึงความรู้สึกดีใจและประทับใจ ดวงตาเป็ประกาย
หลินเซี่ยงตี๋คิดว่าเป็เพราะหลินหร่านรู้สึกน้อยใจอะไร แต่หลินหร่านก็เอ่ยออกมา “ข้าขอบคุณท่านพี่มาก แต่ว่า...การแต่งงานครั้งนี้เป็สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมาตลอด ข้าอยากแต่งงานกับท่านอ๋องจริงขอรับ”
หลินเซี่ยงตี๋มองหลินหร่าน หวังจะได้เห็นความรู้สึกจริงๆ ในใจของน้องชาย
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งกลับไม่เป็ไปตามที่เขาคิดไว้เลยเพราะหลินหร่านรู้สึกเช่นนั้นจริง
“จริงหรือ?” หลินเซี่ยงตี๋เอ่ยถามเป็ครั้งสุดท้าย
“จริงขอรับ”
“...หากเป็เช่นนั้นก็ดี ต่อไปหากเ้ารู้สึกเสียใจหรือลำบากใจอะไรให้รีบบอกพี่ พี่จะคอยช่วยเหลือและสนับสนุนเ้า”
ท่านพี่ก็เป็อีกคนที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือสนับสนุนเขา
วันนี้มันวันอะไรกัน ่เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งวันกลับมีคนออกมาบอกว่าจะปกป้องและสนับสนุนเขาถึงสองคน
ชาติภพที่แล้วเขาได้ทำดีอะไรไว้นะ ชาติภพนี้เขาถึงได้รับในสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ทั้งความรักและครอบครัว
.........
อีกด้านหนึ่ง หลังจากการหารือใน่เช้าเสร็จสิ้น อวี้ฉู่จาวกับต้าซือหม่าหรงจิ่งก็ได้ออกมาจากวังหลวง เดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ
“ทางด้านจางเหยียนดูท่าจะราบรื่นดี เริ่มเตรียมทำศึกแล้ว ไม่เกินครึ่งเดือนน่าจะเข้าโจมตีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หรงจิ่งกล่าว
อวี้ฉู่จาวเอ่ยขึ้นบ้าง “ขอแค่ชนะเป็พอ นั่นคือสิ่งที่เสด็จพ่อ้า”
หรงจิ่งกล่าวออกมาอีก “อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ฮ่องเต้้าคงจะเป็การรักษาสมดุลของบ้านเมืองกับรักษาซึ่งอำนาจเสียมากกว่า องค์ชายแต่ละคนต่างก็มีอำนาจมาก ในใจของฮ่องเต้คงประหม่ามากขึ้น หากเผ่าซยงหนูถูกปราบปรามด้วยน้ำมือของจางเหยียน พระองค์ย่อมวางพระทัย ถึงกระนั้นช่างน่าเสียดายนัก กลับไม่มีใครรู้ว่าจางเหยียนเป็อดีตทหารของเหิงหวัง…” หรงจิ่งเหลือบมองไปโดยรอบก่อนถอนหายใจ “กลยุทธ์ของท่านอ๋องช่างดีเยี่ยมจริงเชียว”
ความสามารถของจางเหยียนนั้นถูกอวี้หนานถังค้นพบเข้าแล้วทำการเลื่อนตำแหน่งให้ แต่โชคไม่ดีเท่าไร ในตอนที่เขาเพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งไม่นาน ในตระกูลกลับเกิดเื่ขึ้น สุดท้ายจึงต้องถอนตัวออกจากราชสำนักไป
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเป็อดีตทหารของเหิงหวัง เช่นนั้นก็เท่ากับเป็อดีตทหารของเทพเ้าแห่งาด้วย
“เปิ่นหวังแค่ไม่อยากให้เขาต้องทิ้งความสามารถของตนเอง หากเขาจดจำบุญคุณนี้ของเปิ่นหวังได้ก็ถือเป็เื่ดี หากจำไม่ได้ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่”
“อืม...” หรงจิ่งพยักหน้ารับ
ฝีเท้าของทั้งสองคนว่องไวมาก ครู่เดียวก็เดินหายออกไปจากวังหลวง แต่ที่จริงแล้ว ด้านหลังพวกเขากลับมีอวี้ฉู่ซวนเดินตามมา
“น้องสาม!”
“เสด็จพี่”
อวี้ฉู่จาวทักทายด้วยท่าทีนิ่งเฉย ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอวี้ฉู่ซวนคงคิดจะทำอะไรอีกเป็แน่
“องค์ชายสอง” หรงจิ่งโค้งคำนับ ระบายยิ้มเล็กน้อย
“ได้ยินมาว่า น้องสามพึงพอใจพระชายาองค์ใหม่เป็อย่างมากหรือ?”
ที่แท้ก็...
ตอนแรกคิดว่าการอภิเษกสมรสครั้งนี้จะทำให้อวี้ฉู่จาวไม่มีความสุข แต่กลับได้ข่าวลือมาว่า ‘เทพเ้าแห่งาเหมือนจะพึงพอใจเป็อย่างมาก’ ทำให้อวี้ฉู่ซวนเริ่มอยู่ไม่สุข
“เพราะเสด็จพ่อเป็ผู้แต่งตั้งให้ ดังนั้นเปิ่นหวังจึงต้องพึงพอใจ”
“อ๋อ...เป็เช่นนี้เอง ต่อให้ไม่พอใจก็ขัดพระประสงค์ไม่ได้สินะ”
อวี้ฉู่ซวนมองไปทางอวี้ฉู่จาวก่อนคิดในใจ ‘ช่างเถอะ ก็แค่เื่ไร้สาระ อย่างไรเสียต้องรู้สึกท้อแท้ใจอยู่แล้ว’
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขออวยพรล่วงหน้า ขอให้น้องสามกับพระชายาองค์ใหม่ครองรักกันยาวนานร้อยปี ร่วมทุกข์สุขจนแก่เฒ่า รีบให้กำเนิดบุตร ไม่ใช่สิ เอาใหม่ ควรจะเป็ขอให้ได้เข้าพิธีอภิเษกในเร็ววัน”
อวี้ฉู่ซวนเอ่ยจบก็เดินไปพร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข
“ไม่รู้จริงๆ หรือว่าการแสดงท่าทีเช่นนั้นมีแต่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดี คิดว่าผู้อื่นไม่รู้หรืออย่างไรกัน!” หรงจิ่งหันมามองอวี้ฉู่จาวที่เดินห่างออกไปพร้อมส่ายหัวไปมา
อีกฝ่ายเยาะเย้ยผู้อื่นราวกับเป็เด็ก แต่ท่านอ๋องก็ไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ
สำหรับอวี้ฉู่จาว ทุกครั้งที่อวี้ฉูซวนแสดงท่าทียั่วยุเช่นนี้ เขารู้สึกเพียงว่ามันช่างไร้ประโยชน์และดูน่าขันเท่านั้น
------------------------------------------