อวี้ฉู่จาวใช้มือซ้ายลูบผมดำขลับของหลินหร่านด้วยความเคยชิน
“อวิ๋นซีอา ข้าจริงใจต่อเ้า ไม่มีจุดประสงค์อื่นหรือเื่ที่ต้องปิดบัง การได้พบเ้า ได้เจอกับเ้า สิ่งที่เ้าทำเพื่อข้า ข้ารับรู้ได้ทั้งหมด ตัวข้าเป็คนเ็าไร้อารมณ์ แต่ข้าก็้าเ้า ขอแค่มีเ้า ไม่ว่าจะเป็ชายาหรือฮองเฮาในอนาคต ข้าก็จะมีเ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
วันนี้ อวี้ฉู่จาวจำเป็ต้องเอ่ยในสิ่งที่หลินหร่านกลัดกลุ้มอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้
สำหรับหลินหร่าน ถ้อยคำที่เขาได้ยินช่างหวานหยดย้อย หวานเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ
เขาเชื่อคำพูดของท่านอ๋องมาตลอด และในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยมาเช่นนี้ ตัวเขาจะยังรู้สึกสงสัยและไม่สบายใจแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากนั้น หลินหร่านค่อยๆ หลับตาลง
“ท่านอ๋อง ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้าก็จะพยายาม...พยายามเพื่อให้ตนเอง…เติบโตขึ้น…เข้มแข็งขึ้น ทั้งเพื่อท่านอ๋องและเพื่อตัวข้าเองด้วย”
เสียงของหลินหร่านค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ เขานอนซุกไปกับแผ่นอกของอวี้ฉู่จาว ฝ่ามือยังคล้องลำคออีกฝ่ายพลางลูบไปมาก่อนผล็อยหลับไป
“ดีแล้ว” ่ที่หลินหร่านยังงัวเงียไม่ได้หลับสนิท อวี้ฉู่จาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อวิ๋นซี เื่ที่เ้าต้องรู้ก็คือ คนที่ข้ารักคือเ้า ไม่ว่าจะเป็เ้าที่อ่อนแอหรือเ้าที่แข็งแกร่ง ข้ามีเ้าเพียงคนเดียว”
ทั้งคู่โอบกอดกัน ร่างกายของหลินหร่านยังไม่ฟื้นตัวดีจึงหลับไปอีกครั้ง
อวี้ฉู่จาวรู้สึกเห็นใจ เขากอดหลินหร่านไม่ยอมปล่อยก่อนจะหลับไปทั้งอย่างนั้น
ในที่สุดปมในใจของหลินหร่านก็คลี่คลาย ทั้งสองคนกำลังก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
เวลานี้ เื่ของนางเว่ยได้รับการจัดการแล้ว หลินหร่านจึงยิ่งเปิดใจให้อวี้ฉู่จาวมากขึ้น
ดังนั้น หากจะพูดถึงจุดจบของเื่นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่เื่ที่หลินหร่านร้องไห้วันนี้ทำให้อวี้ฉู่จาวปวดใจเป็อย่างมาก
เขาเคยพูดไว้ว่าจะไม่ทำให้อวิ๋นซีเสียใจ ผลสุดท้ายตนเองกลับยังทำได้ไม่ดีพอ
หลินหร่านนอนหลับยาวไปจนข้ามเข้าสู่วันใหม่
ตอนที่ตื่นขึ้นมา คนที่อยู่ข้างกายเมื่อคืนก็ไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอวี้ฉู่จาวคงไปเข้าร่วมว่าราชการยามเช้า
อันที่จริง่ที่อวี้ฉู่จาวลุกออกไปนั้นเขารู้สึกตัวเล็กน้อย เพราะอวี้ฉู่จาวจูบหน้าผากเขาหนึ่งครั้ง ก่อนจูบที่ริมฝีปากเขาแ่เบา เขาที่กำลังสะลึมสะลือจึงจูบตอบกลับไปด้วย
หลินหร่านยังได้ยินอวี้ฉู่จาวหัวเราะเบาๆ แต่เพราะเขายังมึนหัวอยู่จึงไม่ได้ตื่นขึ้นมา
อวี้ฉู่จาวพักอยู่ที่เรือนชุนอวี่หนึ่งคืน กลายเป็คืนที่ต้องระมัดระวังมากขึ้นไปอีก
นอกจากมื้อค่ำที่อวี้ฉู่จาวยอมกินอยู่ข้างเตียงของหลินหร่านไปเล็กน้อย อย่างอื่นที่หลินฮวาเหนียนจัดเตรียมมาให้ถูกเขาปฏิเสธหมด
หลังเข้าสู่่ค่ำ ประตูของเรือนชุนอวี่ปิด ไฟเริ่มดับลง ทำให้หลินฮวาเหนียนไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปดูแลอวี้ฉู่จาวอีก
จนมาถึงเช้าวันนี้ ท่านอ๋องได้ให้คนนำเสื้อผ้ามาให้ตนเองที่จวน เขาถึงได้มีโอกาสออกมาส่งท่านอ๋องออกจากจวน
หลินหร่านตื่นนอนมากินอะไรเล็กน้อย แล้วกินยาโดยมีติงหร่วนคอยจัดเตรียมให้
การที่มีท่านอ๋องเข้ามาคลี่คลายเื่ต่างๆ ทำให้หลินหร่านยอมเปิดใจมากขึ้น รู้สึกผ่อนคลายลง
ราวกับโรคร้ายถูกรักษาจนหายแล้ว ตอนแรกเขาคล้ายกับคนจมน้ำ เหมือนกำลังมีอะไรบางอย่างมาบีบคอไว้จนหายใจไม่ออก
ทว่าเมื่อวานที่เขาร้องไห้ใส่ท่านอ๋อง อีกทั้งยังได้รับคำปลอบโยนและได้ฟังความในใจ จู่ๆ เขาก็รู้สึกตัวเบาเสมือนนกนางแอ่น หน้าต่างในใจถูกเปิดออก สิ่งที่พัดเข้ามาคือลมในฤดูใบไม้ผลิ
“คุณชายน้อย นายท่านมาแล้วขอรับ”
ขณะที่หลินหร่านกำลังนั่งเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิดอยู่ เขาพลันนึกถึงใบหน้าน่ากลัวของนางเว่ยเมื่อวาน
เวลานั้นเขาใกลัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้ได้มานึกถึงกลับลดความรู้สึกกลัวไปได้เยอะ ค่อนข้างรู้สึกไปทางสงสารเสียมากกว่า
หลินเหลียงยังคงเป็คนมีสติและรู้จักคิดตรึกตรอง
แต่นางเว่ยเป็คนมีจิตใจโหดร้าย หากไม่ลงโทษนางก็คงคิดจะทำเื่ชั่วร้ายอีกเป็แน่ จะทำร้ายเขาหรือแม้แต่ทำร้ายท่านอ๋องก็ไม่สมควรทั้งนั้น
ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเขาเป็อย่างดี ไม่ควรที่จะพบเจอเื่ราวเลวร้าย และหากเกิดเื่อะไรขึ้นกับเขา ท่านอ๋องต้องเสียใจอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ท่านอ๋องยังเน้นย้ำเป็พิเศษ อยากให้เขาปกป้องดูแลตัวเองได้และเข้มแข็งมากขึ้น
เขาจะเชื่อฟังท่านอ๋อง เขาจะคอยหลบอยู่ข้างหลังท่านอ๋องตลอดไม่ได้
เขาต้องเข้มแข็งให้มากพอที่จะปกป้องตนเอง และปกป้องท่านอ๋องถึงจะถูก
คำพูดของติงหร่วนเรียกสติของหลินหร่านให้กลับคืนมา เขาหันไปมองก็พบกับหลินฮวาเหนียน ‘บิดา’ ของตนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
หลินหร่านลุกขึ้นยืนก่อนคุกเข่าคำนับ “ท่านพ่อ” ใบหน้าแสดงท่าทีระมัดระวัง
หลินฮวาเหนียนลอบถอนหายใจ นี่คือบุตรชายที่ร่าเริงสดใสคนนั้นของเขางั้นหรือ?
หลินฮวาเหนียนประคองมือของหลินหร่านให้เขาลุกขึ้น
“ร่างกายเ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่ นั่งลงเถิด พื้นที่ทางเหนือประสบปัญหาจากความหนาวเย็นอย่างหนัก วังหลวงจึงได้ส่งข่าวมาว่าวันนี้ให้เข้าหารือ ท่านอ๋องจึงต้องรีบเข้าไปในวังหลวงเพื่อไปร่วมว่าราชการ”
ั้แ่ปีใหม่ ใน่หลายวันมานี้ไม่มีการเข้าร่วมหารือเื่ราชการบ้านเมือง แต่เมื่อเช้ากลับได้มีเื่ด่วน ต้องเรียกตัวให้เข้าไปปรึกษาหารือกันโดยพลัน
ดังเช่นทางเหนือที่ประสบปัญหาจากความหนาวเหน็บ เมล็ดพันธุ์ที่ปลูกในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อรอการเก็บเกี่ยวใน่ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะถูกทำลาย แผนการใหญ่สำหรับปากท้องของประชาชนนั้นจะต้องหารือและพิจารณาอย่างรอบคอบ
หลินหร่านนั่งลงหลังจากที่หลินฮวาเหนียนนั่งเรียบร้อย
“ลูกทราบแล้วขอรับ”
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาได้ชื่อว่าเป็บิดาและเป็คนที่เขาควรจะสนิทสนมมากที่สุด
แต่ว่า...หลินหร่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองควรจะใช้ความรู้สึกอย่างไรพูดคุยกับบิดาของเขา
หลินหร่านเป็เด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ ไม่เคยได้รับความรัก เขาไม่เข้าใจว่าควรจะตอบสนองต่อความรู้สึกเหล่านี้อย่างไร
แม้แต่ความรักที่อวี้ฉู่จาวมีให้เขาตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ยังไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไรดี
เวลานี้ เขายังอยู่ใน่เรียนรู้และเติบโต
ความรู้สึกราวกับคนแปลกหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่กระตุ้นความรู้สึกผิดของหลินฮวาเหนียนที่มีต่อบุตรชาย
“หร่านเอ๋อร์ พ่ออยากขอโทษเ้า”
“โธ่...”
หลินฮวาเหนียนถอนหายใจหนัก “ในตอนแรกที่ข้าคิดว่าตนเองจะต้องไปป้องกันชายแดน ข้าจึงให้นางเว่ยขึ้นเป็ฟูเหริน หากข้ารู้ว่านางเป็คนจิตใจต่ำช้าเช่นนี้...ก่อนที่จะออกไปจากเมืองหลวง ข้าคงกำจัดนางออกไป หร่านเอ๋อร์อา เ้าวางใจเถิด หลังจากนี้มีข้าอยู่จะไม่มีใครมาเหยียบย่ำเ้าได้อีก เ้าคือบุตรชายที่ชอบธรรมเพียงคนเดียวของข้านะ”
อันที่จริงแล้ว เื่นี้ก็ไม่อาจโทษหลินฮวาเหนียนได้ เขาคือแม่ทัพ นอกจากตำราของการทหารเขาก็ไม่เคยอ่านตำราเกี่ยวกับนักปราชญ์เลย หากไม่มีตำแหน่งทางการทหาร เขาก็คงเป็เพียงคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง เื่วุ่นวายภายในจวนเช่นนี้ เขาอาจจัดการไม่ได้ด้วยซ้ำ
สาเหตุที่เลื่อนตำแหน่งให้นางเว่ยก็เพราะเหตุนี้ เขาคิดว่าหญิงผู้นั้นจะสามารถช่วยเขาดูแลเื่ของบุตรกับเื่ในจวนได้
เขาไม่รู้เกี่ยวกับความ้าของคน โดยเฉพาะความ้าของผู้หญิงช่างเต็มไปด้วยความน่ากลัว เมื่อได้ััความหวานเพียงหนึ่งครั้งอาจไม่มีวันรู้จักพอ
“ขอรับ” หลินหร่านเอ่ยตอบเล็กน้อย แต่แววตาของเขาฉายชัดถึงความในใจ
บิดาเพียงคนเดียวจากทั้งสองภพกำลังแสดงความรักที่มีต่อเขา และให้สัญญากับเขาว่าจะปกป้อง คอยสนับสนุน
เพราะนี่คือผู้เป็บิดา ในใจจึงรู้สึกสงบและปลอดภัย นี่คงเป็ความรู้สึกของการได้มีบิดา มันช่างดีจริงเชียว
หลินฮวาเหนียนแค่คิดว่าหลินหร่านคงสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกไปใน่เจ็ดปีที่ผ่านมานี้ แต่ผ่านไปไม่นานก็นึกคำถามบางอย่างออก
“เ้ากับท่านอ๋อง?”
ผ่านเมื่อคืนวานนี้มา แถมยังได้ยินข่าวลือต่างๆ นานาอีก หลินฮวาเหนียนจึงพอจะรู้มาว่าเป็เพราะฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งหลินหร่านให้กับท่านอ๋องผู้นี้
ยิ่งเมื่อวานได้เห็นท่าทีที่อวี้ฉู่จาวอยู่กับหลินหร่าน พาเข้ามายื่นฟ้องร้องด้วยตนเอง ่ที่หลินหร่านสลบไปก็มีท่าทีร้อนรน คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่างกาย
การกระทำเ่าั้ทำให้หลินฮวาเหนียนไม่เข้าใจและประหลาดใจเป็อย่างมาก
“ข้ากับท่านอ๋อง...รู้จักกันเมื่อปีก่อน หลังจากที่เรียนรู้ ได้รู้จักกันและกันก็…” หลินหร่านไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร จึงได้เอ่ยไปแบบคลุมเครือ ให้หลินฮวาเหนียนคาดเดาเอาเอง
“...เช่นนั้นก็ดี” หลินฮวาเหนียนนำมาปะติดปะต่อกับคำพูดของอวี้ฉู่จาวเมื่อวานนี้ที่เอ่ยว่า ‘ก็แค่พัฒนาความสัมพันธ์กับชายาของตนเอง’
เมื่อมาลองทบทวนดู คงจะต้องเข้าใจตามที่ท่านอ๋องบอกมาแล้วสินะ
ในเมื่อทั้งคู่จะมีงานอภิเษกสมรส เื่ที่อยากทำความรู้จักชายาในอนาคตของตนเองกับพัฒนาความสัมพันธ์ ย่อมเป็เื่ที่เขาเองก็ตำหนิอะไรไม่ได้
------------------------------------------