เล่มที่ 2 บทที่ 52 ตามมาอีกแล้ว
คู่ต่อสู้ของเขาก็คือนักพรตชุดเขียวที่ดูมีอายุ ถึงภายนอกจะดูมีกลิ่นอายของเซียนอยู่บ้าง แต่รอบตัวกลับรายล้อมไปด้วยหมอกดำที่เป็รูปกะโหลกศีรษะ ในมือถือธงดำยาวประมาณหกฉื่อ รอบๆธงสีดำในมือก็มีเหล่าิญญาร้ายในมีลักษณะของหมอกดำปกคลุมอยู่ ดูเป็คนอันตรายคนหนึ่งเลยทีเดียว...
“หวังหลิน...เ้าไล่ตามข้ามาสามพันกว่าลี้แล้วนะ จะพอได้หรือยัง?” ชายวัยกลางคนที่มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งถือธง แต่เดิมเขามีใบหน้าขาวผ่องเกลี้ยงเกลา แต่บัดนี้กลับเจือไปด้วยสีแดงเรื่อ
‘ช่างซวยอะไรเช่นนี้…’
ทั้งที่เขาแค่สังหารมนุษย์ไปไม่กี่คนเพื่อเอาิญญามาเซ่นสังเวยอาวุธแท้ๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงถูกศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนที่มีนามว่าหวังหลินตามล่ามาเช่นนี้ สำนักเวิ่นเจี้ยนเป็ถึงหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ เขาไม่อาจหาญพอที่จะเข้าไปยุ่งด้วยหรอก จึงจำเป็ต้องหนีสถานเดียว
ทว่าเ้านี่ราวกับคนเสียสติ เอาแต่ไล่ล่าเขาอยู่สามพันลี้เต็มๆ ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้จึงถือว่าเป็่ที่ซวยที่สุดในชีวิตแล้วก็ว่าได้…
ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นหรอก แค่กับดักล่าสัตว์ก็หนีบขาเขาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว ถึงจะไม่าเ็ แต่มันก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนักหรอก…
เป็ถึงผู้บำเพ็ญย่างหยวนขั้นสูง แต่กลับถูกกับดักล่าสัตว์หนีบแล้วหนีบอีก หากใครรู้เข้าคงถูกหัวเราะเยาะแน่ๆ
ไม่รู้ว่าถูกใครทำคุณไสยใส่มาหรือเปล่า ตลอดทางมานี้ถือว่าซวยขั้นสุดจริงๆ ทั้งกับดักล่าสัตว์ก็หนีบขาเขาไปสิบกว่ารอบแล้ว ยังมีสามครั้งที่ตกเหว สี่ครั้งที่พอเหาะกระบี่หนี ก็ดันไปเจอปีศาจเข้าอีกอีก แถมอีกหกครั้งก็ยังถูกลากเข้าไปเอี่ยวกับการประลองของเหล่าผู้บำเพ็ญเข้าให้ แต่ที่น่าหงุดหงิดก็คือ เขาเกือบถูกลำแสงกระบี่ของผู้บำเพ็ญขั้นฟ่าเซี่ยงจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ สะบั้นมาจากูเาหลีอีก เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วเชียว…
แค่คิดก็เหงื่อเย็นก็ไหลท่วมตัวแล้ว
มิหนำซ้ำยังมีเ้าหวังหลินที่ตามตื๊อไม่เลิกอีก ชายวัยกลางคนกดข่มความไม่พอใจเอาไว้จนบัดนี้แทบจะช้ำในตายอยู่แล้ว…
พอถูกไล่ล่าจนมาถึงป่าแห่งนี้ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ‘ข้าแค่หวั่นเกรงสำนักเวิ่นเจี้ยนเท่านั้น ไม่ได้กลัวเ้าเสียหน่อย’
‘ได้…ในเมื่อกัดไม่ปล่อย ข้าก็ขอสู้ตาย!’
คิดได้ดังนั้นชายวัยกลางคนก็สะบัดธงในมือ พริบตาก็เกิดลมกระโชกแรง ไม่นานก็มีเสียงโหยหวนของิญญาร้ายดังขึ้นตามมา ทันใดนั้นทั่วทั้งป่าก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมัว ราวกับประตูแห่งนรกได้เปิดออกแล้ว…
“คิดว่าข้าอยากจะตามมานักหรืออย่างไร?”
หวังหลินะโออกไปก่อนจะชักกระกระบี่ออกมา ตัวกระบี่มีความยาวสามฉื่อ สีดำขลับทั่วทั้งเล่ม หากดูโดยผิวเผินจะคล้ายกับมีปราณกระบี่สีดำเจือจางรายล้อมอยู่รอบๆ ทันทีทันใดหวังหลินก็ยกกระบี่ชี้หน้าชายวัยกลางคน
“ถ้ายังเจียมตัวพอ ก็รีบฆ่าตัวตายไปเสีย อย่าให้ข้าต้องลงมือเองเลย!”
“…” ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น จึงโกรธจัดจนเืแทบขึ้นหน้า ก่อนจะขยับธงในมือพร้ะคอกกลับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“อย่ามากำแหงนักนะ!”
ระหว่างที่พูดอยู่ เหล่าิญญาร้ายที่อยู่ในกระแสลมก็พากันกรีดร้องไปด้วย หัวกะโหลกสามหัวที่รายล้อมก็ลอยออกมา ภายในเบ้าตานั้นก็ปรากฏเปลวไฟที่ราวกับจะลุกไหม้ได้ทุกเมื่อออกมาด้วย…
“หวังหลิน จงตายเสียเถอะ!”
เปลวไฟที่ปลายกระบี่ของชายวัยกลางคนลุกโชนเต็มที่ หัวกะโหลกทั้งสามหัวพุ่งทะยานไปข้างหน้า พร้อมกับหอบลมสายหนึ่งที่มีเหล่าิญญาร้ายตามติดมาด้วย…
ธงซานซ่าลู่ คือเคล็ดวิชาประจำสำนักเสวียนิ ที่เป็หนึ่งในสามสำนักอธรรมใหญ่แห่งเป่ยจิ้น ว่ากันว่าหัวกะโหลกสามหัวนี้สามารถแปรเปลี่ยนพลังหยินให้กลายเป็หยาง รวมถึงสลายความจริงให้เป็ภาพลวงตา หากถูกหยิบมาใช้กับคู่ต่อสู้แล้วล่ะก็ นอกจากจะเหมือนมีผู้บำเพ็ญฟ่าเซี่ยงสามคนมาช่วยแล้ว ยังสามารถเปิดประตูนรก ปลดปล่อยเหล่าปีศาจิญญาร้ายออกมาอีกด้วย…
วิชาธงซานซ่าลู่ของชายวัยกลางคนถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เพราะหัวกะโหลกที่พุ่งทะยานออกมานั้นมีมนต์สะกดถึงสิบเก้าสายหากปลดปล่อยออกมา จะมีพลังเทียบเท่าผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวนเลยทีเดียว แถมยังมีเหล่าิญญาร้ายด้านหลังคอยช่วยอีก ยิ่งเสริมให้พลังของเขาดูน่าเกรงขามไม่น้อยเลย…
ทว่า…
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า หัวกะโหลกที่พุ่งทะยานออกไปนั้น จะมีหัวหนึ่งที่หยุดชะงักขึ้นมาเสียดื้อๆ จากนั้นพุ่งทะยานหันกลับมายังชายวัยกลางคนที่ถือธงซานซ่าลู่อยู่ ก่อนจะฝังเขี้ยวกัดลงไปอย่างเต็มแรง…
“บัดซบ!” ชายวัยกลางคนร้องลั่นด้วยความเ็ป เมื่อถูกพลังของตนย้อนกลับมาเล่นงานเสียเอง ทำให้หัวกะโหลกที่เหลืออีกสองหัวหลุดการควบคุมด้วยเช่นกัน ในตอนนี้พวกมันกลับกลายเป็พวกเดียวกับหัวกะโหลกแรกไปเสียแล้ว
ยังโชคดีอยู่บ้าง ที่ชายวัยกลางคนไหวตัวทัน พอเห็นท่าไม่ดี ก็รีบโบกธงเก็บเหล่าหัวกะโหลกกลับไป แต่ก็เสียเวลาไปไม่น้อยเลยจึงจะสามารถข่มพวกมันให้กลับเข้าไปได้…
‘บัดซบเอ๊ย มันมาอีกแล้ว!’
ชายวัยกลางคนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ ั้แ่เจอเ้าหวังหลินคนนี้ ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็ล้วนซวยไปหมด จนตอนนี้ก็ถึงขั้นถูกธงซานซ่าลู่เล่นงานย้อนกลับ ‘หากเื่นี้ถูกแพร่งพรายออกไป เขาจะยังมีหน้าเรียกตัวเองว่ากุ่ยซิวได้อีกหรือ?’
“ก็เตือนไปแล้วนี่นา…” จะว่าไปก็แปลก ถึงแม้ชายวัยกลางคนจะถูกพลังของธงนี้ย้อนกลับ แต่หวังหลินตรงหน้าก็มีสภาพที่ดูแย่ไม่ต่างกันนัก บริเวณมุมปากยังมีเืซึมออกมาด้วย หรือแม้แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูอ่อนแรงเลยด้วยซ้ำ…
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!”
ได้ยินเช่นนั้นชายวัยกลางคนก็โกรธขึ้นไปอีก คิดจะใช้ธงในมือสั่งสอนอีกฝ่าย แต่กลับลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เก็บธงกลับไป ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาเกิดระแวงธงนั่นขึ้นมาแล้วจริงๆ จากนั้นก็หันไปมองกระบี่ในมือ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีกับดักอะไร จึงตัดสินใจใช้กระบี่แทน…
คราวนี้ข้าใช้เคล็ดวิชากระบี่ของสำนักเสวียนิแทนธงซานซ่าลู่ หากทำแบบนี้ก็จะไม่ถูกพลังย้อนกลับแล้ว!
“อ๊า!”
ทว่ายังไม่ทันจะเริ่ม ชายวัยกลางคนก็ร้องโหยหวนขึ้นมา ระหว่างที่ร้องด้วยความเ็ปอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าตัวเองถูกกับดักล่าสัตว์เล่นงานอีกแล้ว…
“หวังหลิน ไม่ข้าก็เ้าจะต้องตายกันไปข้าง!” ขณะพูด เขาก็ฝืนทนต่อความเ็ป พยายามดึงหมุดที่ตำเท้าออก ก่อนจะสะบั้นกระบี่ไปที่หวังหลิน…
“เ้าอยากให้ข้าเหนื่อยตายถึงจะพอใจหรืออย่างไร…” หวังหลินกระอักเืออกมา เขายกมือปาดคราบเืนั้นออก ก่อนจะยกกระบี่เข้าต้าน ทันใดนั้นลำแสงจากกระบี่มากมายก็สว่างขึ้น ทั้งคู่ผลัดกันรับผลัดกันสู้จนปั่นป่วนไปหมด...
เพียงพริบตาเดียวทั้งคู่ก็ประมือกันไปหลายร้อยกระบวนท่า ชายวัยกลางคนก็ใไปด้วยเช่นกัน เพราะความซวยของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่เกือบฟันโดนอีกฝ่ายแล้ว แต่กลับเหยียบโดนบางอย่างเสียก่อน เท้าก็เกิดลื่นไถล จนพลาดไปเพียงเศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้