“ฟ่อ ฟ่อ…”
งูเหลือมไพรเขียวอ้าปากกว้างส่งเสียงขู่เขี้ยวพิษยาวกว่าครึ่งเมตรชวนให้ขนลุก ถ้าถูกกัดเพียงหนึ่งครั้งอาจถึงตายแน่นอน
ทั่วทุกสารทิศปกคลุมไปด้วยบรรยากาศความตายซึ่งแผ่ออกมาจากภายในร่างของสัตว์ิญญา และอาจจะเป็เพราะพวกมันเข้ามาพร้อมกันจึงทำให้สัตว์ิญญาพวกนี้ทวีความโหดร้ายป่าเถื่อนออกมามากกว่าเดิม
“หลบมาอยู่ข้างหลังข้า!”
ปู้เสวียนยินะโเสียงแข็งจากนั้นก็ผายมือซ้ายออก นี่คืออาวุธิญญาของนาง ‘กระจกเพลิงทิวากร’เปลวเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นล้อมรอบอาวุธ ซึ่งนั่นเป็อาวุธที่ร้ายแรงจัดอยู่ในอันดับที่หนึ่งมันน่าเกรงขามสมคำเล่าลือเสียจริง
ขณะที่ข้ายังตกตะลึงพี่เสวียนยินก็ได้ยกมือขวาขึ้น พลังได้ก่อตัวมารวมอยู่ที่ปลายนิ้ว
“ตูม!”
เปลวเพลิงยาวเกือบร้อยเมตรพุ่งออกไปราวกับลูกศรพร้อมกับคลื่นแสงสีขาวและเปลวเพลิง พริบตาเดียวทุกอย่างก็ถูกทำลายย่อยยับเหลือไว้เพียงรอยไหม้บนพื้นดิน
ส่วนงูเหลือมไพรเขียวสัตว์ิญญาระดับเจ็ดตัวนั้นถูกเปลวเพลิงทำลายร่างจนร่วงหล่นลงมา นางฆ่าทั้งหมดได้ภายในวินาทีเดียว!
ข้าตะลึงกับภาพตรงหน้าต้องใช้พลังที่รุนแรงและมหาศาลเท่าไรกัน ถึงจะทำได้แบบนี้?!
พี่เสวียนยินเป็คนคิดค้นดรรชนีทองคำนี้ขึ้นมาซึ่งเป็วิชาที่เยี่ยมยอดไร้ที่ติและล้ำค่าดุจดั่งฝนดาวตกที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่หลงหลิง
ขณะเดียวกับที่ข้ากำลังอ้าปากค้างพี่เสวียนยินก็ได้ยกมือขวาโบกไล่ขึ้นตามอากาศเกิดเป็พลังของดรรชนีทองคำที่ะเิขึ้นเป็ร้อยสายที่สามารถทำลายสิ่งที่้าได้ตาม้าเสียงโครมครามกระทบกันในป่า ซึ่งะเิฝูงงูนั้นตายเกือบหมดในตอนแรกข้านึกว่าฝูงงูนั้นมีความน่าเกรงขามเป็อย่างมากทว่าตอนนี้กลับไม่เหลือความน่าเกรงขามใดๆ เลย แต่ละตัวต่างเลื้อยหนีตายกันออกไปแต่ที่หนีไปได้ก็มีน้อยจนนับตัวได้
ชั่วพริบตาบริเวณรอบๆพวกเราได้กลายเป็กองเพลิงขนาดใหญ่ซากงูที่นอนเกลื่อนถูกเผาไหม้ส่งกลิ่นเหม็นลอยคลุ้งไปทั่ว
ข้าตกอยู่ในความเงียบงันเป็เพราะพี่เสวียนยินลงมือ คงจะทำให้พวกสัตว์ร้ายตื่นใไปบ้าง
แม้แต่ผู้มีฝีมือระดับสูงในการจัดอันดับัพยัคฆ์ที่เดินทางมายังหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่สี่ยังต้องเลี่ยงสัตว์ิญญาพวกนี้แต่พี่เสวียนยินกลับฆ่าทั้งหมดได้ในไม่กี่วินาทีราวกับไม่ได้มองว่าเป็สัตว์ิญญาเลยสักนิดข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้ามีสัตว์ิญญาระดับระดับแปดออกมาคงจะโดนดรรชนีทองคำของนางจัดการเหมือนเดิม!
“เ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?” นางหันกลับมามองข้าด้วยใบหน้าที่งดงามจนอาจทำให้คนหยุดหายใจได้
ข้าเลิกคิ้วพลางตอบ“แข็งแกร่งจนไม่มีใครอยากเป็เพื่อน...ท่านพูดมาเลยดีกว่าว่าเมื่อไรจะถ่ายทอดดรรชนีทองคำให้ข้า?”
นางยิ้มพลางตบบ่าของข้า“การฝึกฝนต้องไม่บุ่มบ่ามและโลภในพลังเด็ดขาดตอนนี้ความอดทนของเ้ายังไม่เพียงพอที่จะฝึกดรรชนีทองคำไม่อย่างนั้นผลร้ายก็จะเกิดแก่ตัวเ้ามากกว่าผลดี”
“หา?”
นางกะพริบตาและอธิบายว่า“ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเจ็ดเทพิญญาเป็ผู้ประเมินให้ดรรชนีทองคำของข้าจัดอยู่ในอันดับสุดยอดของวรยุทธ์และมีคุณสมบัติพอสำหรับวรยุทธ์แถวหน้าที่มีไม่ถึงสิบชนิดทว่าส่วนใหญ่วิชาพวกนี้ล้วนสูญหายไปแล้วกว่าครึ่งดังนั้น...พลังของดรรชนีทองคำจึงทรงพลังและน่าเกรงขามเ้าในตอนนี้ยังไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างน้อยต้องรอให้เ้าบำเพ็ญไปถึงขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพหรือระดับ์และให้เส้นปราณิญญาของเ้ากลับมาเสียก่อนถึงจะเรียนได้ เ้าอย่ารีบร้อนไปเลยข้าจะสอนเ้าแน่นอน”
เป็อย่างที่พี่เสวียนยินพูดไว้ตอนที่นางใช้พลังของดรรชนีทองคำ พลังการดูดกลืนของข้าเปิดออกและเห็นแค่เปลวไฟจากปลายนิ้วที่ะเิออกมา แต่กลับไม่รู้รูปแบบการเคลื่อนไหวและแก่นแท้ของดรรชนีทองคำ หรือเพราะระดับพลังของเราต่างกันเกินไปเพราะอย่างนี้พลังของพี่เสวียนยินจึงเหนือชั้นกว่าเฉิ่นปู้หยุนหลายเท่า
“อืมสัญญาแล้วนะ!” ข้าพยักหน้ารับ
“เด็กน้อย ข้าเคยโกหกเ้าเหรอ?” นางปรายตามองไปที่ซากงูพลางพูดขึ้น “รีบไปกันเถอะ พวกเราตามหาที่สุดของของล้ำค่าที่ว่าเจอแล้ว”
“ฮะ อะไรนะ?”
“ดีของงูเหลือมไพรเขียว สัตว์ิญญาระดับเจ็ดตัวนั้นไง ทั้งเผ็ดร้อนเข้มข้น และแฝงไปด้วยพิษ งูเหลือมไพรเขียวตัวนี้ฝึกมานานหลายปีจนมีเืและพลังิญญาสะสมไว้จำนวนมาก หากได้กินสักครั้งก็จะบรรลุพลังลมหายใจัขั้นหกได้ครึ่งหนึ่งวิธีนี้เ้าจะสามารถฝึกวรยุทธ์การต่อสู้เพื่อชดเชยปราณิญญาที่หายไปได้รีบกลืนมันลงไปอย่าเคี้ยวนะ เพราะฟันของเ้าจะต้านทานพลังนั้นไม่ไหว”
“อืม”
ข้านั่งลงข้างๆขอนไม้เก่า โดยมีซากงูเหลือมไพรเขียวรัดอยู่้า สมองเละจากแรงะเิแต่ร่างกายยังคงขดม้วนอย่างสมบูรณ์ เมื่อหาตำแหน่งของดีงูได้แล้วจึงกรีดออกเืที่เย็นเฉียบไหลทะลักท่ามกลางไอน้ำที่พวยพุ่งดีงูขนาดเท่ากำปั้นยังเต้นตุบตับอยู่ในมือ อย่างที่พี่เสวียนยินเคยพูดไว้ดีงูที่เจริญเติบโตท่ามกลางเืที่เย็นเฉียบ ทว่าร่างกายยังร้อนระอุเืที่เสริมพลังได้ดีขนาดนี้หาได้ยากยิ่ง
ข้าเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสลดเหมือนถูกสั่งให้กลืนดาบตามด้วยดีงูในคำเดียว!
แต่ว่า...ดีงูใหญ่เกินไปจนติดคอพักเดียวใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ ช่างทำให้ข้าเสียหน้าจริงๆ!
พี่เสวียนยินพูดเตือน“เ้าควรจะกัดมันก่อนแล้วค่อยกลืนนะ ถึงรสชาติจะไม่ค่อยดีก็ตาม...”
ข้า“...”
ข้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไม่ลังเล!
พอกัดคำหนึ่งมันก็แตกกระจายรสเผ็ดร้อนเริ่มอบอวลไปทั่วปาก ทั้งยังมีกลิ่นฉุนขึ้นตาจนเนื้อตัวหดเกร็งด้วยความขยะแขยง
อยากจะอ้วก!
“อุบ!”
เสียงลมตีกลับขึ้นมาปู้เสวียนยินรีบโผเข้ามาประคองจากด้านหลังแล้วใช้มือดันคางของข้าไว้“ต้องกลืนลงไปนะ ไม่อย่างนั้นจะเสียของเปล่า...”
ข้าเลิกคิ้วขึ้นพิงอยู่ในอกของพี่เสวียนยิน ตายเป็ตาย!
ข้ารวบรวมความกล้าแล้วกลืนลงไปทว่ากลิ่นคาวยังคละคลุ้ง ไม่รู้ป่านนี้ปากจะบวมเป็ไส้กรอกหรือยัง
แต่ยังไม่ถึงสิบวินาทีดีงูก็เริ่มแทรกซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อกระแสอุ่นๆ ไหลเวียนภายในร่างกายราวกับกระแสลาวา
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” นางถามน้ำเสียงใคร่รู้
“มันแย่มาก...” ข้าขมวดคิ้ว
“ถ้าแย่แสดงว่ามาถูกทางแล้ว รีบฝึกพลังลมหายใจัเร็วมันจะช่วยเค้นความไม่สบายตัวออกมา พี่จะเฝ้ายามให้ ตั้งใจฝึกไปเถอะ”
“อืม”
ข้าเริ่มเคลื่อนพลังใต้ต้นไม้ต้นเดิมร่างกายรู้สึกหนักอึ้งไปชั่วขณะความผันผวนของลมหายใจและอากาศร้อนเมื่อครู่หายไปแล้ว ภายใต้การไหลเวียนของพลังลมหายใจัเกิดเป็ความรู้สึกร้อนและหนาวเย็นหมุนเวียนปรับเข้าหากันจากนั้นมือเท้าก็เริ่มเย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว
กระทั่งเคลื่อนพลังใกล้จะครบสิบรอบดีงูเริ่มดูดซับพลังงาน และเือันทรงพลังได้ถูกกลืนหายเข้าไปในร่างกายเมื่อใช้ตาทิพย์สังเกตดู บ่อน้ำที่เย็นเยือกกลายเป็ระลอกคลื่นในที่สุดัที่นอนขดตัวก็เบิกตากว้างและพร้อมออกมาสักที
กรร!
เสียงคำรามดังก้องท่ามกลางระลอกคลื่นซัดสาดขึ้นมาในที่สุดัก็พุ่งทะยานโผล่พ้นผิวน้ำพร้อมกับพลังมหาศาล
เทพัพ้นธารา!ความสำเร็จของพลังลมหายใจัขั้นที่หก
แต่ยังไม่ทันได้ดีใจพลังภายในก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาฉับพลันมันร้อนระอุจนพลังตาทิพย์จับทิศทางผิดเพี้ยน
“รีบใช้ดอกกุหลาบหลันเร็วเข้า!”
ปู้เสวียนยินหยิบดอกกุหลาบหลันยื่นให้ก่อนจะรับแล้วยัดเข้าปากทันที ฤทธิ์ของมันไหลเย็นเหมือนกระแสน้ำความรู้สึกกระวนกระวายเริ่มสงบลง ภายใต้การทำงานของตาทิพย์เทพัที่กำลังแหวกว่ายกลางอากาศเริ่มสงบนิ่งแหวกว่ายว่ายไปมากลางน้ำและลอยอยู่อย่างอิสระ
“ฟู่…”
เมื่อข้าถอนหายใจออกทั่วทั้งร่างก็เปียกชุ่มเหมือนเพิ่งถูกดึงขึ้นจากธารน้ำสวนทางกับพลังในร่างกายที่แข็งแกร่งและพัฒนาขึ้นกว่าเดิม
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ปู้เสวียนยินถามด้วยความเป็ห่วง
ข้ายืดเส้นยืดสายชูแขนขึ้นพลางพูด“ประหนึ่งว่าตายแล้วเกิดใหม่!”
“ยินดีกับเ้าด้วย ที่บรรลุพลังลมหายใจัขั้นหกแล้วต่อไปก็เตรียมเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดสินะ!” นางยิ้มร่าและพูดต่อ “เสี่ยวเชวียนเ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ในบรรดาศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาที่อายุประมาณนี้เห็นทีจะมีเ้าคนเดียวที่บรรลุพลังลมหายใจัระดับหกและมีพร์ที่ดีจริงๆถ้าเทียบกับซูเหยียนและ ถังเชวียหรานเ้าเองก็ไม่น้อยหน้า!”
ข้ารู้สึกละอายใจนิดหน่อย“โชคดีที่มีท่านพี่พาข้ามาที่นี่ ไม่อย่างนั้นการบรรลุคงไม่ง่ายขนาดนี้หรอก...”
“จะมาพูดเื่แบบนี้ทำไม”
ปู้เสวียนยินพูดพลางมองไปที่ซากงูรอบๆ“สัตว์ิญญาพวกนี้มีบางตัวจินตานอยู่ เ้าลองหาดูและเก็บไว้ให้ดีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกครั้งหน้า”
“อื้ม!”
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาอีกครั้งอาจเป็เพราะพลังที่เพิ่มขึ้น แสงของกระบี่จึงสุกใสแวววาวขึ้นมากครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฟันไปที่สมองของงูถึงตรงนี้ข้าจึงรู้ว่าจินตานนั้นหายากขนาดไหนข้าลงกระบี่ไปสิบกว่าตัวก็ยังหาไม่เจอกระทั่งตัวที่ยี่สิบจึงพบเม็ดทรงกลมคล้ายหินผิวขลับวาว จินตานที่เจิดจรัสวางอยู่ตรงนั้นอย่างสงบแม้ภายนอกจะดูเล็กกะทัดรัด แต่พลังภายในนั้นกลับมากมายมหาศาลจนน่าใ
นี่คือจินตานระดับห้าจากงูกลีบดอกตัวนั้น!
หลังจากนั้นยังเจออีกราวๆสองถึงสามเม็ด สุดท้ายจึงได้มาทั้งหมดหกเม็ด โดยหนึ่งในนั้นคือจินตานระดับหกจินตานระดับห้าสองเม็ด และที่เหลือคือจินตานระดับสี่รวมกันแล้วสามารถทำเงินให้ข้าได้มหาศาลทีเดียวที่หลินเสี่ยเฉิงจินตานระดับห้าหนึ่งเม็ดอย่างน้อยก็ราคาห้าหมื่นเหรียญหลงหลิงยิ่งถ้าเป็ระดับหกก็ต้องแพงขึ้นไปอีกถ้าขายออกก็คงได้ประมาณหนึ่งแสนเหรียญหลงหลิง จินตานทั้งหมดที่อยู่ในมือถ้ารวมกันคงขายได้ประมาณสามแสนเหรียญ!
ปู้เสวียนยินหัวเราะร่า“เลิกดีใจได้แล้ว รีบกินจินตานระดับหกเข้าไปซะมันจะเติมเืและพลังิญญาให้กับเ้าอย่างไม่สิ้นสุดและจะคงสภาพอยู่ในร่างกายจนกว่าจะได้รับการสลายซึ่งเป็ประโยชน์ต่อการพัฒนาความแข็งแกร่ง ว่ากันว่าจินตานระดับหกนั้นดีที่สุดข้าเกรงว่าจะน่าเสียดายหากเ้าไม่เก็บไว้กินเองและถ้าเก็บไว้นานก็อาจจะเสียสภาพจนใช้ไม่ได้”
“อื้ม!”
ข้ากลืนจินตานลงไปทีเดียวประหนึ่งว่ากำลังกินน้ำแข็งก้อนเย็นเฉียบ
...
“ฟ้ามืดแล้ว หาที่พักกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับเมืองหลินเสี่ยเฉิง” ปู้เสวียนยินมองไปรอบๆพลางพูดขึ้นอีก “อีกอย่าง พวกเราควรหาอะไรกินและหาน้ำดื่มด้วยข้าได้ยินเสียงน้ำตกดังมาจากทางนู้น พวกเราไปดูกันเถอะ”
“ได้”
ทั่วทุกอณูของที่นี่ล้วนแฝงไปด้วยอันตรายข้าไม่สามารถเดินได้ตามอำเภอใจจึงได้แต่เดินตามหลังพี่เสวียนยินไม่ห่างจนเข้าใกล้น้ำตกมากขึ้น
ภายใต้แสงจันทร์กระจ่างน้ำตกสูงราวสิบเมตรตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางูเา ถัดออกไปมีโพรงถ้ำขนาดไม่ลึกมากพอได้อาศัยหลบลมฝนและเหมาะจะเป็ที่พักของพวกเราในคืนนี้
ส่วนอาหารการกินข้าแบกเนื้องูที่หนักเกือบห้ากิโลกรัมมาด้วย คิดว่าถ้าลองลอกหนังและย่างไฟสักหน่อยรสชาติคงไม่แย่สักเท่าไร...