บทที่ 8 ปฐมบทแห่งโอสถเทวดา
กาลเวลาผ่านไปราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย แสงแดดที่เคยอบอุ่นในยามสาย บัดนี้กลับร้อนแรงแผดเผาจนแสบผิว เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเฉินอิงและเด็กทั้งสอง ตะกร้าที่เคยดูเปี่ยมด้วยความหวัง บัดนี้กลับดูหนักอึ้งและเงียบเหงา ตลับยาขี้ผึ้งยังคงวางเรียงอยู่อย่างเป็ระเบียบ... มิได้พร่องลงแม้แต่ตลับเดียว
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตลาดต่างมองพวกเขาด้วยสายตาหลากหลาย ทั้งดูแคลน ระแวงสงสัย และไม่แยแส เสียงซุบซิบยังคงดังมาเป็ระลอก
"ตั้งแผงมาครึ่งค่อนวันแล้ว ยังขายไม่ได้สักชิ้น" เสียงหนึ่งดังลอดมาพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
"ก็ใครจะกล้าซื้อยาจากแม่นางไร้หัวนอนปลายเท้าเล่า หน้าตาก็ไม่คุ้นเคย ชื่อก็ไม่เคยได้ยิน" อีกเสียงเสริมด้วยความเยาะเย้ย สายตาจ้องมองเฉินอิงอย่างเหยียดหยาม
"ข้าว่านางคงจะเอาโคลนมาปั้นเป็ยาเสียมากกว่า!" เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ทำให้ผู้คนรอบข้างพากันหัวเราะคิกคัก
หลี่อิงฮวาเริ่มขยับตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ท้องน้อยๆ ของนางเริ่มส่งเสียงร้องประท้วง ส่วนหลี่เฟิงหลงแม้จะยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาที่เคยมีความหวังก็เริ่มหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
เฉินอิงรู้สึกใจคอไม่ดีนัก นางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความคิดของตนนั้นถูกต้องหรือไม่ หรือว่ายาขี้ผึ้งของนางจะกลายเป็ของไร้ค่าในสายตาคนยุคนี้จริงๆ…
ขณะที่ความท้อแท้กำลังคืบคลานเข้ามาในหัวใจ! พลันเกิดเสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นจากแผงขายผักที่อยู่เยื้องไปไม่ไกล!
"อาเป่า! ลูกแม่!"
เสียงร้องของผู้เป็แม่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทุกสายตาหันไปมองยังต้นเสียง ภาพที่เห็นคือเด็กชายตัวน้อยวัยสี่ห้าขวบกำลังนอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้น ที่หัวเข่ามีแผลเหวอะหวะน่ากลัวจากการวิ่งซนไปชนเข้ากับขอบแคร่ไม้ที่วางแสดงสินค้า เืสีแดงสดไหลทะลักออกมาไม่หยุด ช่างเป็ภาพที่น่าหวาดเสียวและน่าสงสารยิ่งนัก
ผู้เป็แม่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดลูกร้องไห้ไปด้วยกัน ไทยมุงเริ่มเข้ามาล้อมวงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างเป็ชิ้นเป็อัน
วินาทีนั้น เฉินอิงรู้ในทันที... นี่คือโอกาสของนาง! โอกาสเดียวที่จะพิสูจน์คุณค่าของโอสถในมือ!
"หลีกทางหน่อยเ้าค่ะ! ข้าช่วยได้!"
เฉินอิงะโบอกฝูงชนแล้วรีบวิ่งฝ่าเข้าไปทันที นางคุกเข่าลงข้างเด็กชายโดยไม่ลังเล แม้ว่าพื้นดินจะเต็มไปด้วยฝุ่นผงก็ตาม
"เ้าเป็ใครกัน อย่ามายุ่งกับลูกข้า!" แม่ของเด็กชายตวาดใส่นางด้วยความระแวง
"ข้าเป็หมอเ้าค่ะ! หากปล่อยไว้เช่นนี้แผลจะติดเชื้อได้!" เฉินอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง แววตาของนางที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจและสงบนิ่งนั้น ทำให้แม่ของเด็กชายชะงักไปชั่วครู่
ไม่รอให้ใครทัดทาน เฉินอิงหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่พกติดตัวมาเสมอ ชุบน้ำในกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมมาดื่ม แล้วเริ่มทำความสะอาดาแให้เด็กชายอย่างเบามือและถูกหลักการที่สุด การกระทำที่ดูเป็มืออาชีพของนางทำให้เสียงซุบซิบของฝูงชนเริ่มเงียบลง
"โอ๊ย! เจ็บๆ!" เด็กชายร้องลั่นเมื่อน้ำัักับแผลสด
"อดทนหน่อยนะคนเก่ง เดี๋ยวจะหายเจ็บแล้ว" เฉินอิงปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จากนั้นนางจึงเปิดตลับยาขี้ผึ้งสมุนไพรออก ใช้นิ้วที่สะอาดป้ายเนื้อยาขี้ผึ้งสีเขียวอ่อนขึ้นมา แล้วบรรจงทาลงบนาแที่ยังคงมีเืซึมอยู่
เหตุการณ์น่าอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น!
ทันทีที่ยาขี้ผึ้งัักับาแ เด็กชายดิ้นรนด้วยความเ็ปและร้องไห้เสียงดังมาก สักพักก็พลันนิ่งงันไป เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นค่อยๆ เงียบลง แทนที่ด้วยเสียงครางแ่ๆ ในลำคอ ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผลถูกแทนที่ด้วยความเย็นสบายอย่างน่าประหลาด กลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรช่วยให้จิตใจที่ตื่นตระหนกของเขาสงบลง ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือเืที่เคยไหลไม่หยุด บัดนี้กลับค่อยๆ แข็งตัวและหยุดไหลไปในที่สุด!
"นี่... นี่มัน..." แม่ของเด็กชายเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ต่างพากันส่งเสียงฮือฮาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา! "์! ยานั่นมันยาวิเศษอะไรกัน!" "แค่ทาลงไปก็หยุดเืได้ทันที! ข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน!" "เดี๋ยวก่อน... แม่นางผู้นี้... ใช่หมอเทวดาหญิงเฉินอิงที่เอาชนะหมอเทียนได้หรือไม่!"
“ใช่...เ้าค่ะ” เฉินอิงตอบเสียงหวานและชัดถ้อยชัดคำ
ชื่อเสียงที่นางสร้างไว้ในวันประลอง บัดนี้ได้กลายเป็เครื่องยืนยันความสามารถชั้นดี!
"ยานี้ตลับละเท่าใดแม่นาง? ข้าขอซื้อหนึ่งตลับ!" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ั้แ่ต้นะโถามขึ้นเป็คนแรก
"ข้าเอาด้วย! ข้าเอาสองตลับ!" เสียงอื่นๆ เริ่มดังตามมาเป็ระลอก
เฉินอิงยิ้มออกมาบางๆ นางหันไปพยักหน้าให้หลี่เฟิงหลงที่ยังคงยืนตะลึงงันอยู่ เด็กชายได้สติ รีบวิ่งกลับไปที่แผงเพื่อหยิบตลับยามาส่งให้ผู้ซื้อทันที
"ตลับละสิบอีแปะเ้าค่ะ" เฉินอิงบอกราคา
แม้ราคาจะไม่ได้ถูกนักสำหรับชาวบ้าน แต่เมื่อเทียบกับสรรพคุณที่เพิ่งได้ประจักษ์แก่สายตา ทุกคนก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าอย่างยิ่ง ผู้คนเริ่มเข้ามาล้อมแผงของนางเพื่อแย่งกันซื้อยาขี้ผึ้ง จนแทบจะเกิดความโกลาหลย่อมๆ ขึ้น
"ขอบคุณท่านหมอเทวดา! ขอบคุณจริงๆเ้าค่ะ!" แม่ของเด็กชายกล่าวขอบคุณนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับยื่นเงินให้ "นี่ค่ายาเ้าค่ะ"
"แผลของอาเป่ายังไม่ต้องจ่ายเงินหรอกเ้าค่ะ ถือว่าเป็การเปิดฤกษ์ที่ดี" เฉินอิงกล่าวอย่างมีน้ำใจ การกระทำของนางยิ่งซื้อใจผู้คนได้มากขึ้นไปอีก
เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ยาขี้ผึ้งเกือบห้าสิบตลับก็ถูกขายออกไปจนหมดเกลี้ยง!
ในมุมหนึ่งของตลาดที่ไม่ไกลนัก ชายในชุดผ้าไหมเนื้อดีท่าทางเหมือนพ่อบ้านของตระกูลใหญ่ ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาพินิจพิเคราะห์ เขามิได้เข้ามาซื้อยา แต่กลับจดจำใบหน้าของเฉินอิงและลักษณะของตลับยาไว้ในใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
เฉินอิงมองเงินอีแปะและเหรียญทองแดงกองโตในตะกร้าด้วยหัวใจที่พองฟู นี่คือเงินก้อนแรกที่นางหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองในโลกใบนี้! นางหันไปมองหลี่เฟิงหลงและหลี่อิงฮวา เด็กทั้งสองมองกองเงินด้วยดวงตาเป็ประกายอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
"ท่านแม่... พวกเราทำได้แล้วขอรับ" หลี่เฟิงหลงเอ่ยขึ้นเบาๆ น้ำเสียงของเขาสั่นเครือด้วยความตื้นตันใจเป็ครั้งแรก
"ใช่แล้วจ้ะ เราทำได้" เฉินอิงยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน "ไปกันเถอะ เราไปซื้อของอร่อยๆ กลับไปฝากท่านย่ากับอาหลงอี้กัน!"
ขากลับ สามแม่ลูกแวะซื้อหมั่นโถวเนื้อนุ่มร้อนๆ คนละลูก และยังเจียดเงินซื้อเนื้อหมูสามชั้นชิ้นเล็กๆ อีกหนึ่งชิ้น นี่เป็ความหรูหราที่พวกเขาไม่เคยได้ััมาก่อน หลี่อิงฮวากัดหมั่นโถวคำโตอย่างมีความสุข ขณะที่หลี่เฟิงหลงเดินเคียงข้างเฉินอิงอย่างเงียบๆ แต่สายตาที่เขามองนางนั้น... เต็มไปด้วยความนับถือและยอมรับอย่างหมดหัวใจ
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ท่านย่าหลี่และหลงอี้ที่รอคอยอย่างกระวนกระวายก็รีบออกมาต้อนรับทันที
"เป็อย่างไรบ้างเหนียงเอ๋อร์!"
เฉินอิงไม่ตอบ แต่ยื่นตะกร้าที่ใส่เงินทั้งหมดให้ท่านย่าดู ท่านย่าหลี่มองกองเงินด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลอาบแก้มที่เหี่ยวย่น
ค่ำคืนนั้น ครอบครัวสกุลหลี่ได้กินอาหารค่ำที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในรอบหลายปี กลิ่นหอมของหมูสามชั้นผัดผักป่าลอยอบอวลไปทั่วกระท่อมหลังน้อย เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังขึ้นอย่างมีความสุข
เฉินอิงมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่อิ่มเอม นางรู้ดีว่านี่ยังเป็เพียงก้าวแรกเท่านั้น หนทางข้างหน้ายังคงยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่คืนนี้... นางได้มอบความหวังและอนาคตให้กับครอบครัวนี้แล้ว และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด.
****////****