จวินหวงคล้อยตามยอมเปลี่ยนคำเรียก "พี่ฉี"
ฉีเฉินหัวเราะเสียงดังลั่น "น้องเฟิง!"
...
ล่วงเวลาดึกสงัด จวินหวงกำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนโต๊ะยาวใต้แสงตะเกียง จู่ๆ ในใจก็รู้สึกััถึงอะไรบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นทันทีแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
เงาไม้นอกหน้าต่างโอนเอนพลิ้วไหวอยู่ภายใต้แสงจันทร์ ใบไม้แกว่งเบาๆ ไปกับสายลมยามค่ำคืน ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
แต่จวินหวงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองว่าไม่ผิดพลาดแน่ นางใคร่ครวญแล้วก็ค่อยๆ วางม้วนตำราในมือลงอย่างแ่เบา ลุกขึ้นเปิดประตูออกไปตรวจสอบดูด้วยตาของตนเอง
พอมาถึงหัวโค้งก็มีกระบี่ยาวแทงสวนเข้ามาในฉับพลัน จวินหวงเตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้ว จึงพลิกกายหลบได้ทันท่วงที
"เ้าเป็ใคร?" นางหรี่ตามองคนร้าย ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
คนร้ายห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เผยให้เห็นเฉพาะดวงตาสองข้าง หลังจากถูกจวินหวงพบเข้า ก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วแทงเข้ามาที่จวินหวงอย่างรุนแรง
คิ้วและตาของจวินหวงแข็งกร้าวขึ้น ไม่ออมมืออีกต่อไป แม้ว่าในมือจะไม่มีอาวุธ แต่นางฝึกยุทธมาั้แ่เด็ก แล้วยังมียาพิษติดกาย จะจัดการกับคนร้ายคนเดียวที่มาอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะสมยิ่งไม่ใช่ปัญหา
หลังจากประมือไม่กี่กระบวนท่า คนร้ายก็ถูกจวินหวงรวบตัวไว้ได้
จวินหวงดึงผ้าคลุมหน้าของคนร้ายลง แต่ก็เป็ใบหน้าที่ไม่รู้จัก "พูด! ใครส่งเ้ามา?"
คนร้ายไม่เอ่ยวาจาใดๆ ทั้งสิ้น จู่ๆ ในใจของจวินหวงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีพุ่งขึ้นอย่างฉับพลัน จึงก้าวถอยไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ ชั่วพริบตาที่นางถอยไป เข็มเงินจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ามาในตำแหน่งที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ ไปปักอยู่บนกำแพง
จวินหวงหันกลับไปมองคนร้ายในบัดดล แต่คนร้ายมีเืไหลออกทางปาก สิ้นลมหายใจไปแล้ว
...
ณ จวนหนานอ๋อง
หลังจากหนานสวินฟังรายงานกิจวัตรประจำวันจากอู๋ฉิงแล้ว ใบหน้าก็อึมครึมขึงเครียดจนแทบจะคั้นออกมาเป็น้ำได้
"เ้าบอกว่า เมื่อคืนเฟิงไป๋อวี้ถูกลอบสังหารงั้นหรือ?" เขากล่าวเน้นทีละคำ ในน้ำเสียงดุดันเกรี้ยวกราดราวกับคนคลั่ง เพียงพอที่จะทำให้คนได้ยินหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนได้
"ใช่ขอรับนายท่าน แต่คุณชายเฟิงได้รับาเ็เพียงแค่ิัภายนอกเล็กน้อย ไม่ร้ายแรงอะไรขอรับ" อู๋ฉิงตอบ
หนานสวินมิได้กล่าวอะไร แต่ในดวงตากลับมีคลื่นลูกใหญ่โหมซัดปั่นป่วน ประกาศชัดถึงไฟโทสะในก้นบึ้งหัวใจของเ้านาย
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หนานสวินถึงเอ่ยวาจาเน้นคำพูดทีละคำอย่างชัดเจน "ออกไปเถอะ คุ้มกันเขาอย่าให้ห่างกายแม้เพียงก้าวเดียว"
"ขอรับนายท่าน" อู๋ฉิงคุกเข่าลงโขกศีรษะคารวะ ก่อนที่เงาร่างจะหายวับไปจากด้านหลังของหนานสวิน
หนานสวินกำหมัดแน่น จนเล็บมือจิกเข้าเนื้อจนหลั่งโลหิต
เดิมทีเขานึกว่าตนเองเพียงแค่้ามองดูจวินหวงด้วยความชื่นชมเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากได้ยินองครักษ์เงารายงานว่าจวินหวงถูกลอบสังหาร ความรู้สึกกลัวก็เอ่อล้นอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
โชคดี โชคดีที่จวินหวงไม่เป็อะไร ไม่อย่างนั้น...
"ฉีอิน" ใบหน้าของเขาแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม
ทั่วทั้งฉีตู คนที่จะลงมือสังหารจวินหวงในเวลานี้ นอกจากฉีอินก็ไม่มีผู้อื่นอีกแล้ว
หนานสวินหนังตากระตุกเล็กน้อย ทันใดนั้นแสงเยือกเย็นก็ลุกวาวออกมาจากดวงตาอันลึกล้ำ
รัชทายาทเอ๋ยรัชทายาท จวินหวงเพิ่งจะให้เ้าได้ลิ้มรสความทุกข์จนพูดไม่ออก เ้าถึงกับทนรอไม่ไหวรีบส่งสัญญาณเตือนมาให้นางเลยหรือ?
เขาถอนใจออกมาสั้นๆ แล้วหยิบพู่กันบนโต๊ะจุ่มน้ำหมึกก่อนจะเขียนตัวอักษรตัวหนึ่งลงบนกระดาษเซวียน[1] เปล่าๆ ใบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นเขาก็มองตัวอักษรบนกระดาษเซวียน บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มอันมีความหมายลึกล้ำออกมา
รัชทายาท เ้าทำมาแบบไหน ข้าก็จะโต้กลับไปแบบนั้น ในเมื่อเ้าลงมือกับจวินหวงแบบเงียบๆ งั้นข้าก็จะทำแบบคนกันเอง ช่วยนางเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ท้องฟ้าหม่นมัว สายฝนโปรยปรายลงมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย เมื่อเทียบกับอดีตท้องฟ้าดูอับแสงลงหลายส่วน จักรพรรดิส่งกองกำลังมารักษาการณ์นอกวังรัชทายาทอย่างแ่า ฉีอินถูกกักบริเวณอยู่ภายใน
นับั้แ่ถูกกักบริเวณเป็ต้นมา ในตำหนักรัชทายาทแห่งนี้มีแต่ความเงียบเหงาวังเวง
ข้ารับใช้ในตำหนักเ่าั้ แต่ละคนล้วนประจบสอพลอแต่ผู้มีอำนาจ พอเห็นตนเองถูกลงโทษ จะมีใครที่ไหนมาเอาอกเอาใจกันเล่า?
"แอ๊ด..."
ประตูห้องของฉีอินถูกเปิดออก นางกำนัลรูปโฉมงดงามเรือนร่างอรชรคนหนึ่งเดินก้าวเข้ามาในห้องของฉีอิน
"องค์รัชทายาท บ่าวนำพระกระยาหารมาถวายองค์รัชทายาทเพคะ"
ด้านหลังยังมีนางกำนัลตามมาอีกคนหนึ่ง ในมือถืออาภรณ์อยู่ชุดหนึ่ง แววตาเฉลียวฉลาดมองไปที่ฉีอินปราดหนึ่ง
ฉีอินไม่ได้เหลือบตาขึ้นมอง เพียงแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทรงพระอักษร แล้วกล่าวเสียงเข้ม "วางเอาไว้เถอะ!"
นางกำนัลชุดสีชมพูที่อยู่ด้านหลังผู้นั้นวางอาภรณ์ในมือลง แล้วกล่าวทูลรายงานต่อฉีอิน "องค์รัชทายาท พระสนมพิงเฟยทรงเป็ห่วงรัชทายาท จึงให้บ่าวนำฉลองพระองค์มาให้รัชทายาททรงผลัดเปลี่ยนเป็การเฉพาะ"
ฉีอินมองอาภรณ์ที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก็พยักหน้ารับ "เปิ่นกงรู้แล้ว"
"พระสนมตรัสว่า ทรงกลัวว่าองค์รัชทายาทจะสวมไม่พอดี จึงให้บ่าวมาถวายการปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์เพคะ"
ฉีอินในเวลานี้ยังไม่รู้สึกเลยว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ไหนๆ ตอนนี้ก็ออกไปจากตำหนักรัชทายาทไม่ได้ จึงให้นางกำนัลสองคนเข้ามาปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า
ด้านหลังฉากกั้น ขณะที่นางกำนัลสองคนเปลี่ยนชุดให้กับฉีอิน นางกำนัลชุดสีชมพูมองเห็นฉีอินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ฉวยโอกาสเหยียบชายกระโปรงของนางกำนัลอีกคนหนึ่งให้เสียหลักโซเซล้มลงไปซุกอกของฉีอินพอดี "ว้าย..."
เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกปลุกเร้าอารมณ์ของฉีอินให้ตื่นขึ้นมา
นางกำนัลทั้งสองรีบคุกเข่าลงที่พื้นรับผิดกับฉีอิน "บ่าวผิดไปแล้ว ขอรัชทายาทโปรดละเว้นโทษด้วยเพคะ"
ฉีอินโบกมือเบาๆ บนใบหน้าของนางกำนัลชุดสีชมพูที่ก้มหน้าอยู่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาที่แผนการสำเร็จลุล่วง แล้วก็รีบถอยออกมานอกห้องทันที
เขายื่นมือเชยคางของนางกำนัลผู้นั้นขึ้น จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกกำหนัดนึกปรารถนาในตัวนาง
แต่ครั้งนี้กับครั้งที่อยู่ที่หอเซียงเซียวไม่เหมือนกัน ในตำหนักรัชทายาทแห่งนี้เวลานี้ความเป็ชายของฉีอินได้แข็งขันขึ้นมาแล้ว
แต่น่าเสียดาย เวลาดีๆ มักอยู่ไม่นาน ในขณะที่คนสองคนกำลังโรมรันพันตูบนเตียงกันอยู่นั้น ฉีอิเริ่มรู้สึกคันไปทั่วร่างกายมือก็เริ่มเกาไม่หยุด
นางกำนัลในอ้อมแขนชิงถามขึ้นมาก่อน "องค์รัชทายาททรงเป็อะไรหรือเพคะ?"
"ไม่รู้เป็อะไร ทำไมถึงคันมากไปทั้งตัวอย่างนี้ คันอย่างน่าประหลาด"
ฉีอินพูดไป มือก็เกาไม่หยุด
ทันใดนั้นนางกำนัลก็เกิดอาการคันบนร่างกายแบบเดียวกัน ทั้งสองประจันหน้ากันอยู่บนเตียง นั่งเกากันยกใหญ่ ต่างฝ่ายต่างเกาจนกระทั่งิัถลอกปอกเปิก
ความคันลามไปถึงใบหน้าของฉีอิน มาถึงเวลานี้ฉีอินจึงเต็มไปด้วยาแรอยขีดข่วนลายพร้อยไปทั้งตัว
......................................................................................................
[1] กระดาษเซวียน เป็กระดาษคุณภาพสูง เนื้อดีนิ่มเหนียวไม่ขาดง่าย