ในตำหนักหนานอ๋อง หนานสวินกำลังนั่งวาดรูปอยู่เพียงลำพังในห้องหนังสือ แล้วองครักษ์ก็เดินเข้ามารายงาน "หวางเหย่ ทางคุณหนูซ่างกวนส่งคนมาแจ้งว่าเื่ในตำหนักรัชทายาทจัดการไปตามเหมาะสมแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"หือ? แล้วเป็อย่างไร?" หนานสวินมิได้เงยหน้าขึ้น เพียงแค่ถามด้วยความอยากรู้ว่าฉีอินได้รับความทุกข์ทรมานจากเนื้อหนังอย่างไรบ้างเท่านั้น
ใบหน้าขององครักษ์ผู้นั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวกับหนานสวิน "ตอนที่คุณหนูซ่างกวนเข้าวังไปคารวะฮองเฮา ได้ให้สาวใช้ข้างกายไปซื้อตัวนางกำนัลในวังเอาไว้ แล้วลอบวางยาในฉลองพระองค์ที่พระสนมพิงเฟยส่งมาให้รัชทายาท เกรงว่าป่านนี้รัชทายาทคงจะเกาจนพระฉวีถลอกปอกเปิกไปหมดแล้วกระมัง"
"ฮ่าๆ... คุณหนูซ่างกวนผู้นี้แผนการสุดยอดจริงๆ ครานี้รัชทายาทคงจุกหนักพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม เื่แบบนี้ทุกข์ใจแต่ไม่บอกใครไม่ได้ ความรู้สึกที่ถูกเอาเปรียบแต่ไม่มีโอกาสเรียกร้องความเป็ธรรม เกรงว่าั้แ่เกิดมาเขาคงเพิ่งพบครั้งนี้เป็ครั้งแรกกระมัง!"
"ข่าวที่ส่งกลับมายังบอกอีกว่า รัชทายาททรงหลับนอนกับนางกำนัลคนหนึ่ง ตอนนี้คนทั้งสองก็น่าจะเป็โรคเดียวกันน่าเวทนาทั้งคู่"
แม้หนานสวินจะรู้สึกว่าวิธีการนี้ช่างน่าอภิรมย์ แต่ว่าข่าวที่ฉีอิน่ล่างใช้การไม่ได้ยังสามารถโหมกระพือออกไปอีกรอบ
"งั้นหรือ?" ถูกพระบิดากักบริเวณแล้วยังทำตัวลอยชายไม่ทุกข์ร้อน ร่วมหลับนอนกับนางกำนัลอีก
“องค์รัชทายาท เ้าช่างใจกล้าเสียจริง!"
...
ในจวนเฉินอ๋อง ฉีเฉินเพิ่งจะตื่นนอนลุกขึ้นมา ได้ยินคนใต้บังคับบัญชามารายงานว่าเมื่อคืนคุณชายเฟิงถูกมือสังหารลอบทำร้ายจนได้รับาเ็
ทันทีที่ได้ยินข่าวฉีเฉินก็ตกตะลึง ในดวงตาราวกับมีไฟลุกออกมา "ในจวนเฉินอ๋องมีการป้องกันรักษาการณ์อย่างเคร่งครัด จะมีมือสังหารได้อย่างไร? พวกเ้าไปตรวจสอบให้เปิ่นหวางอย่างละเอียดว่ามือสังหารพวกนี้มาจากที่ใด?”
มือสังหารที่สามารถลอบเข้ามาในจวนเฉินอ๋องได้จะต้องมิใช่คนธรรมดา เช่นนั้นคนที่อยู่เื้ัมือสังหารเหล่านี้ก็ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
"หวางเหย่ เกรงว่าจะติดตามตรวจสอบไม่ได้แล้ว มือสังหารที่ทำร้ายคุณชายเฟิงเสียชีวิตในจวนอ๋องั้แ่เมื่อคืนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
มือของฉีเฉินตบไปบนขอบเตียงอย่างแรง "ถึงกระนั้น ก็ให้คุณชายเฟิงต้องเจ็บตัวเปล่าๆ ไม่ได้"
ขนาดในจวนเฉินอ๋องยังไม่ละเว้น เห็นทีบัญชีที่ยังคงไม่ชัดเจนบัญชีนี้ ฉีเฉินได้ลงไว้ที่ฉีอินเรียบร้อยแล้ว
ฉีเฉินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเรียกสาวใช้เข้ามาปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปที่ห้องพักของจวินหวง
จวินหวงนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ าแบนแขนข้างซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว
นางก้มศีรษะลง ย้อนคิดถึงเื่เมื่อคืน หลังจากมือสังหารเสียชีวิตนางหยิบกระบี่ออกมาจากมือคนร้าย แล้วปาดลงไปที่แขนซ้ายของตนเองหนึ่งแผล
จากนั้นก็โยนกระบี่ลงพื้น นางกุมแขนของตนเองไว้ แล้วถึงเรียกองครักษ์ในจวนเฉินอ๋องมาจัดการกับมือสังหารผู้จงรักภักดีต่อนายผู้นั้น
ในระหว่างที่จวินหวงดำดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิดอยู่นั้น ฉีเฉินก็มาถึง จวินหวงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบของเขาั้แ่ยังยังไม่เข้าประตูแล้ว
ฉีเฉินผลักประตูเข้ามา ไม่เห็นจวินหวงอยู่บนเตียงก็ะโเรียกสองสามครั้ง "คุณชายเฟิง คุณชายเฟิง..."
ดังนั้นจวินหวงถึงเงยศีรษะขึ้นมา รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "หวางเหย่ ผู้น้อยอยู่นี่"
ฉีเฉินมองตามเสียงมา แค่ปราดเดียวก็สังเกตเห็นแผลจากเหตุการณ์เมื่อคืนบนแขนของจวินหวงที่พันไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเดินเข้ามาพลางถามขึ้น "เปิ่นหวางได้ยินว่าน้องเฟิงถูกลอบสังหารได้รับาเ็ ก็เลยมาเยี่ยมเ้า"
"แค่าแเล็กน้อย ไม่ร้ายแรงอะไร หวางเหย่ไม่ต้องกังวลถึงเพียงนี้ แต่ตอนที่มือสังหารผู้นั้นเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจผิดว่าข้าเป็หวางเหย่ เกรงว่าเจตนาที่แท้ของคนที่อยู่เื้ัมือสังหารผู้นี้มิอาจมองข้ามได้..." จวินหวงพูดจบ ก็มองไปบนแขนซ้ายของตนเองอีกครา
นางกล่าวเช่นนี้เป็การเตือนฉีเฉินอยู่ว่าคนที่มือสังหาร้ามาฆ่าในจวนเฉินอ๋อง ก็คือตัวเขาผู้เป็เฉินอ๋อง
"น้องเฟิงช่างมีใจจงรักภักดีต่อเปิ่นหวางโดยแท้ การาเ็ครั้งนี้ เ้าก็รับแทนเปิ่นหวาง เปิ่นหวางจะต้องจารึกไว้ในหัวใจอย่างแน่นอน"
ฉีเฉินหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วออกคำสั่ง "เปิ่นหวางจะคุยกับคุณชายเฟิง พวกเ้าทั้งหมดออกไปก่อน"
"แค่เื่เล็กๆ ธรรมดาๆ ควรค่าแก่การกล่าวถึงด้วยหรือ"
จวินหวงเห็นคนติดตามออกไปกันหมดแล้วถึงมานั่งร่วมกับฉีเฉิน ทั้งยังยื่นมือออกมารินน้ำให้ฉีเฉินอีกด้วย
"จากเหตุการณ์นี้ เห็นทีเปิ่นหวางคงจะต้องเฟ้นหาคนที่เหมาะสมสักสองสามคนมาคอยอารักขาอยู่ข้างกายคุณชาย ถึงจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยคุณชายได้ทั่วถึง"
ฉีเฉินดื่มน้ำไป แล้วก็คุยไปด้วย
จวินหวงเห็นฉีเฉินมีท่าทางห่วงใยตนเอง ก็รีบตีเหล็กตอนร้อนทันที
"องครักษ์? เกรงแต่ว่าองครักษ์ก็ยังไม่สามารถปกป้องข้าน้อยได้ หวางเหย่ทรงคิดว่ามือสังหารนี้เป็ผู้ใดส่งมาหรือ?”
เจตนาของจวินหวงย่อมจะไม่โจ่งแจ้งเกินไปนัก สิ่งที่นาง้าย่อมไม่ใช่เพียงแค่ให้ฉีเฉินส่งคนมาคุ้มครองตนเอง แต่นาง้าอำนาจที่เพิ่มขึ้นด้วย
"เปิ่นหวางก็รู้ว่าเื่นี้มิใช่เรียบง่าย เพียงแต่มือสังหารก็ตายไปแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบต่อได้อีก แต่น้องเฟิงวางใจเถอะ เปิ่นหวางจะไม่ให้น้องเฟิงต้องเจ็บตัวเปล่าๆ แน่นอน"
คำว่า 'น้องเฟิง' คำนี้ของฉีเฉินถือเป็คำกล่าวอ้างอย่างดีให้แก่จวินหวง
อยู่ข้างกายเฉินอ๋อง จวินหวงหรือจะทำงานให้เปล่าๆ หากไม่เอาประโยชน์เสียบ้าง ไหนเลยจะยอมทำเื่ต่างๆ ให้ง่ายๆ?
"แล้วพี่ฉีคิดจะทำอย่างไรต่อไป?"
รอยยิ้มคลุมเครือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉีเฉิน ทำอย่างไรหรือ? ในเวลานี้ฉีเฉินเองก็ยังไม่ได้คิดว่าก้าวต่อไปจะทำอย่างไรเลยจริงๆ
"เ้าเพิ่งจะล่วงเกินองค์รัชทายาทที่หอเซียงเซียว แม้ว่าเขาจะถูกกักบริเวณ แต่เขายังมีพระมารดาของเขา มือสังหารคนนี้คาดว่าหากไม่ใช่รัชทายาทส่งมา ก็ต้องเป็ฮองเฮาส่งมาเพื่อเอาคืนให้กับพระโอรสเป็แน่"
ขณะที่จวินหวงกับฉีเฉินกำลังสนทนากันอยู่ แม้ว่าสีหน้าของนางจะดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด แต่ในใจกลับตระหนักดีว่า ไม่ว่าจะเป็สิ่งที่ควรคิดหรือไม่ควรคิด ล้วนต้องเก็บมาไตร่ตรองอีกรอบทั้งสิ้น
ส่วนเื่มือสังหาร จวินหวงคิดแต่ว่าเป็ฝีมือของฉีอิน แต่กลับมองข้ามเื่ที่ฉีอินยังถูกกักบริเวณอยู่ในตอนนี้ไป
แต่ไม่ว่าจะเป็ฝีมือใคร สาเหตุของเื่นี้ล้วนมีมาแต่ฉีอินทั้งสิ้น
"จะมารดาส่งมาหรือบุตรส่งมา ก็ล้วนแต่เป็การแก้แค้นให้องค์รัชทายาทมิใช่หรือ" เมื่อจวินหวงเห็นว่าฉีเฉินไม่มีการเตรียมการป้องกันอะไร จึงเปลี่ยนไปคุยเื่อื่นๆ ของเขาแทน
"ในเมื่อหวางเหย่เห็นข้าผู้สกุลเฟิงเป็พี่น้อง ข้าก็พร้อมจะเป็สุนัขเป็อาชารับใช้หวางเหย่ตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้ข้าจะต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง แต่ในใจข้ายังคงคิดวางแผนการให้กับหวางเหย่อยู่เสมอ"
เหตุใดฉีเฉินจะไม่อยากให้จวินหวงทำงานให้เขาต่อ เพียงแต่... คนก็ได้รับาเ็ไปแล้ว จะใช้คนมากจนเกินไปย่อมไม่ได้