"รัชทายาทคนงามอยู่ในอ้อมอก ไยไม่กอดคืนวสันต์ไว้ให้แน่น พิโรธมากมายถึงเพียงนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?" จวินหวงย่อมรู้แจ้งอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จงใจกระเซ้าฉีอิน
ก่อนหน้านี้นางซื้อตัวหญิงสาวที่ปรนนิบัติฉีอินอยู่บ่อยๆ เอาไว้คนหนึ่ง แล้วให้สตรีผู้นี้แอบวางยาฉีอินก่อนขึ้นเตียง ให้ส่วนนั้นของฉีอินไม่แข็งตัว ดูจากตอนนี้แล้วผลลัพธ์ของยาดีงามกว่าที่นางจินตนาการไว้เสียอีก
"เื่ของเปิ่นกง หาใช่กงการอันใดของเ้าจะมาสอดปาก ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!" ฉีอินหน้าเขียวหน้าซีดสลับกันไป โกรธจนอาละวาดออกมา
"สาวงามอยู่ในอ้อมอกมากมายขนาดนี้ รัชทายาทยังคิดหาสตรีเจนจัดอันดับหนึ่งของหอเซียงเซียว เป็ไปได้หรือไม่ว่า..." จวินหวงยิ้มคล้ายไม่ยิ้มจ้องหน้ารัชทายาท "รัชทายาท... จะใช้การไม่ได้?
"เฟิงไป๋อวี้ ข้าจะฆ่าเ้า!" ฉีอินถูกพูดจี้ใจดำก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ คว้าถ้วยชาบนโต๊ะได้ก็ขว้างใส่เฟิงไป๋อวี้อย่างแรง
เฟิงไป๋อวี้เบี่ยงกายหลบ รอยยิ้มบนริมฝีปากแสดงการเย้ยหยันอย่างชัดเจน "รัชทายาทกริ้วจัดเช่นนี้ หรือว่าข้าพระองค์พูดแทงใจดำ ก็เลยร้อนตัวขึ้นมาใช่หรือไม่?"
"เฟิงไป๋อวี้ วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้!" รัชทายาทถูกเฟิงไป๋อวี้ใช้วาจายั่วยุ สติสัมปชัญญะขาดหายไปในชั่วพริบตา ชักกระบี่ที่พกติดกายออกมา เงื้อขึ้นหมายจะฟันเฟิงไป๋อวี้
จวินหวงยิ้มอย่างเ็าไม่ขยับหรือหลบหลีก นางมองลึกเข้าไปในดวงตาของรัชทายาทด้วยสายตาเยาะหยันอย่างที่สุด
เห็นชัดว่าเป็คนชอบใช้กำลังรังแกผู้อ่อนแอกว่า เสียแรงเกิดในชาติสกุลสูงส่งเป็ลูกผู้ดีมีเงินแต่ในท้องไม่มีน้ำหมึกสักหยด[1] ก่อนหน้านี้นางคิดไปได้อย่างไรว่ารัชทายาททรงมีความอดทนอดกลั้นสูงมาก
"หยุดนะ!" กระบี่ของรัชทายาทยังไม่ได้ฟันลงมา จู่ๆ ที่ประตูก็มีคนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามา ดวงตามองมาที่รัชทายาทไร้ซึ่งไมตรี
ใต้เท้าหลี่ก้าวฉับๆ เข้ามาแย่งกระบี่ในมือของรัชทายาทไว้ได้ เมื่อสายตามองไปรอบๆ ห้อง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็ย่ำแย่อย่างที่สุด "องค์รัชทายาท ทรง... ทรงเหลวไหลจริงๆ!"
เดิมห้องส่วนตัวของพวกเขาก็อยู่ถัดไปมีเพียงกำแพงกั้นอยู่เท่านั้น ั้แ่ตอนที่รัชทายาทปาถ้วยชาแตก กลุ่มขุนนางที่อยู่ห้องถัดไปก็ได้ยินความเคลื่อนไหว ถ้อยคำทิ้งท้ายที่รัชทายาททรงข่มขู่ว่าจะสังหารเฟิงไป๋อวี้ให้ได้ ทุกคนล้วนได้ยินชัดเจน
หลายคนเข้ามารวมอยู่กันพร้อมหน้า สถานการณ์ภายในห้องเป็อย่างไรมองปราดเดียวก็รู้เื่ สตรีสิบกว่าคนในสภาพเสื้อผ้าอยู่ไม่ครบถ้วน รัชทายาทเงื้อกระบี่หมายสังหารกุนซือขององค์ชายรอง ได้ยินเองกับหูซ้ำยังได้เห็นเองกับตา ทุกคนต่างเชื่อว่ารัชทายาทในเวลานี้ หมกมุ่นในกามารมณ์และไร้คุณธรรมจริยธรรม
พอรัชทายาทเห็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเกือบสิบคนกรูเข้ามาในห้อง สีหน้าจืดเจื่อนลง กล่าวอธิบายอึกอัก "ใต้เท้าหลี่ ขะ... ข้า..."
"องค์รัชทายาท" จวินหวงคิดว่าไฟยังโหมไม่แรงพอ จึงเตรียมจะสาดน้ำมันเข้าไปอีก "พระองค์มีฐานะสูงส่งเป็ถึงรัชทายาทแห่งเป่ยฉี ด้วยเหตุผลแล้วควรจะประพฤติตัวให้เป็แบบอย่างที่ดี หากลุ่มหลงในกามารมณ์จนไร้ขอบเขต เป็การขัดต่อหลักจริยธรรมโดยแท้"
ลูกหลานชนชั้นสูงจะออกมาหาความสำราญชั่วครั้งชั่วคราวมิใช่เื่แปลก แต่ครั้งเดียวใช้สตรีถึงสิบกว่านาง แค่สรุปว่าลุ่มหลงในกามารมณ์ยังไม่เพียงพอด้วยซ้ำไป
สีหน้าของเหล่าขุนนางเข้มขรึมลงในชั่วพริบตา ดวงตาที่มองฉีอินมีแต่ความผิดหวังที่ไม่อาจตีเหล็กให้เป็เหล็กกล้าได้
"รัชทายาท พระองค์เป็ถึงผู้สืบราชบัลลังก์เป่ยฉี ทรงทำเื่เช่นนี้ได้เยี่ยงไร!"
"ข้า..." คำตำหนิของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทำให้ฉีอินไร้วาจาจะโต้เถียงได้ หรือว่าต้องให้เขาบอกว่าของตนเองไม่แข็งตัวอย่างนั้นหรือ? จะเป็ไปได้อย่างไรกัน ลูกผู้ชายหน้าไหนจะยอมรับว่าของตนเองใช้การไม่ได้!
พอจวินหวงเห็นสีหน้าของฉีอินก็รู้ว่าฉีอินกำลังคิดอะไรอยู่ นางมองไปที่ส่วนล่างของฉีอิน แล้วทำท่าทางราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ "รัชทายาทเรียกสตรีมามากมายขนาดนี้กลับยังทำเื่ดีงามไม่สำเร็จ จะเป็ไปได้หรือไม่ว่า... ่ล่างของรัชทายาทใช้การไม่ได้?"
"เฟิงไป๋อวี้ เ้าคอยข้าก่อนเถอะ!" สีหน้าของฉีอินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ฝากคำอาฆาตไว้ หมุนกายเดินออกไปโดยไม่หันศีรษะกลับมามองอีกเลย
เ้าเฟิงไป๋อวี้ผู้นี้ ยังมาไม่ถึงฉีตูก็ทำลายงานของเขาจนย่อยยับ หากเขาปล่อยไปง่ายๆ เขาก็ไม่ใช่รัชทายาทแห่งเป่ยฉีแล้ว!
...
วันต่อมา ณ จวนเฉินอ๋อง
เฟิงไป๋อวี้เพิ่งจะชงชาเสร็จ ฉีเฉินก็รีบเดินเข้ามาราวกับพายุ
"คุณชายช่างแผนสูงยิ่งนัก แผนสูงยิ่งนัก!" สีหน้าของฉีเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองเข้าไปในดวงตาของจวินหวงด้วยความนับถือสูงสุด
"ฝ่าพระบาท เชิญดื่มชา" เฟิงหวงคลี่ยิ้ม แล้วยกชาที่เพิ่งชงเสร็จให้ฉีเฉิน
ฉีเฉินรับมาดื่มรวดเดียวหมดถ้วย และกล่าวอย่างตื่นเต้น "คุณชาย ในท้องพระโรงเช้าวันนี้ ขุนนางในราชสำนักกลุ่มหนึ่งนำโดยใต้เท้าหลี่ร่วมกันถวายฎีกาฟ้องว่ารัชทายาทลุ่มหลงในกามารมณ์ไร้คุณธรรมจริยธรรม รัชทายาทจึงถูกเสด็จพ่อกักบริเวณ ครานี้โชคดีเพราะคุณชายแท้ๆ!"
"หวางเหย่ยินดีเวลานี้ยังเร็วเกินไป" จวินหวงส่ายศีรษะแล้วยิ้มบางๆ
ฉีเฉินนิ่งอึ้งชั่วขณะ "คุณชายกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?"
ตอนนี้เขากำลังได้รับความโปรดปราน ส่วนรัชทายาทประสบเคราะห์ใหญ่เช่นนี้ ยังไม่ใช่โอกาสที่ดีในการ่ชิงตำแหน่งอีกหรือ?
"หวางเหย่ทรงลืมไปแล้วหรือว่า รัชทายาทเป่ยฉีก็ยังคงเป็ฉีอินเหมือนเดิม" จวินหวงพูดช้าๆ "ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เกือบสิบคนร่วมกันถวายฎีกา แต่จักรพรรดิเพียงแค่กักบริเวณรัชทายาท รัชทายาททรงมีน้ำหนักในพระทัยของฝ่าาอยู่กี่ส่วนยังต้องให้ข้าพระองค์พูดอีกหรือ?”
ฉีเฉินมีท่าทางตอบสนองขึ้นมาทันที ในใจของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น เขายอมสละชีวิตช่วยเหลือเสด็จพ่อ ถึงได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ แต่รัชทายาทไม่ได้ทำอะไรเลย กลับได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเสด็จพ่อ เื่ใหญ่ขนาดนี้ก็แค่กักบริเวณเท่านั้น เสด็จพ่อของเขาช่างมีจิตใจลำเอียงโดยแท้!
"หวางเหย่มิต้องกังวล ทรงรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ในฉีตูกำลังมีข่าวลืออะไรอยู่?" จวินหวงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงหลักการ 'ตบหนึ่งครั้งก่อนแจกพุทรา'[2] ตบนางก็ตบไปแล้ว ถึงเวลาแจกพุทราแล้ว
"เกี่ยวกับรัชทายาทหรือ?" ฉีเฉินดูจากสีหน้าของจวินหวงแล้วลองทายดู
"เมื่อวานนี้รัชทายาทไปเที่ยวหอเซียงเซียว ขนาดเรียกสตรีมาถึงเกือบสิบคน ส่วนนั้นยังไม่แข็งขัน ตอนนี้ข้างนอกลือกันไปทั่วว่ารัชทายาท 'ใช้การไม่ได้' แล้ว" จวินหวงชงชาเพิ่มอีกถ้วยหนึ่ง "ประชาชนคือรากฐานแห่งแว่นแคว้น ตอนนี้ภาพลักษณ์ของรัชทายาทในสายตาประชาชนตกต่ำลง หรือว่านี่มิใช่เื่ดีงาม?"
ฉีเฉินมีท่าทีตอบสนองกลับมาทันใด "แผนการของคุณชายยอดเยี่ยมยิ่งนัก!"
จวินหวงยิ้มบางๆ ประคองถ้วยชาถวายต่อฉีเฉิน กล่าวเน้นคำพูดทีละคำอย่างหนักแน่น "ขอเพียงหวางเหย่ไม่เห็นว่าข้าพระองค์เป็คนนอก เชื่อมั่นในตัวข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะพยายามช่วยเหลือให้ฝ่าพระบาทได้ครองราชบัลลังก์อย่างสุดกำลังความสามารถอย่างแน่นอน"
"ดี! ดี! ดี!" ฉีเฉินเอ่ยคำว่าดีออกมาสามครั้งติดกัน "คุณชายมีความรู้กว้างไกลสติปัญญาสูงส่ง เปิ่นหวางได้รับความช่วยเหลือจากคุณชาย ยังต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่ได้ครองใต้หล้าอีกหรือ นับจากวันนี้เป็ต้นไป คุณชายคือพี่น้องของเปิ่นหวาง! คุณชายไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าพระองค์อีกแล้ว เปิ่นหวางโตกว่าเ้าไม่กี่ปี หากคุณชายไม่รังเกียจก็เรียกเปิ่นหวางว่าพี่ฉีเถอะ"
......................................................................................................
[1] ในท้องไม่มีน้ำหมึกสักหยด หมายถึงคนที่ไม่มีวัฒนธรรม
[2] ตบหนึ่งครั้งก่อนแจกพุทรา หมายถึงการลงโทษก่อนให้รางวัล เพื่อไม่ให้หลงลืมตัว