ณ จวนเฉินอ๋อง
ใกล้เวลาพลบค่ำ ฉีเฉินถึงกลับมาอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา
"แผนการของคุณชายเฟิงยอดเยี่ยมจริงๆ หลังจากเหตุการณ์วันนี้ เสด็จพ่อทรงชมเชยและปูนบำเหน็จรางวัลให้เปิ่นหวางอย่างท่วมท้น เหล่าขุนนางใหญ่ต่างเข้ามาประจบสอพลอเปิ่นหวางกันยกใหญ่ นี่ล้วนเป็ผลงานของคุณชายเฟิงทั้งสิ้น!" ทันทีที่ฉีเฉินเข้าประตูมา ก็กล่าวขึ้นพลางหัวเราะเสียงดังลั่น
จวินหวงลุกขึ้นยืนกล่าวอวยพร "ขอแสดงความยินดีกับหวางเหย่ด้วย"
"คุณชายเฟิงไม่จำเป็ต้องมากพิธี ต่อไปเ้าก็เป็แขกคนสำคัญของจวนเฉินอ๋อง!" ฉีเฉินเข้ามาประคองจวินหวง หัวเราะอย่างเบิกบานใจ
"หวางเหย่ นี่เป็เพียงแค่การเริ่มต้น ตอนนี้ในราชสำนักยังคงเป็รัชทายาทที่ถืออำนาจยิ่งใหญ่ พระองค์โปรดจำไว้ว่ายังแสดงความสามารถออกมาทั้งหมดมิได้"
จวินหวงกล่าวเตือนในจุดนี้
"คุณชายกล่าวได้ถูกต้อง เปิ่นหวางฟุ้งซ่านไปเอง!" ฉีเฉินเก็บอาการทางสีหน้าลงทันที "ไม่ทราบว่าคุณชายมีแผนอย่างไรต่อไป?"
จวินหวงคาดไว้แล้วว่าฉีเฉินจะต้องมีคำถามเช่นนี้ จึงกล่าวว่า "แม้หวางเหย่จะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าาแล้ว แต่รัชทายาทไม่อาจล้มได้ในวันเดียว หวางเหย่ก็คงยังไม่มีโอกาส"
"ความหมายของคุณชายคือ...?"
"ตอนนี้หวางเหย่ได้ความโปรดปราน รัชทายาทย่อมขุ่นเคืองพระทัย ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งและลุ่มหลงในราคะของรัชทายาท เขาจะต้องไปสถานที่คาวโลกีย์เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวปลอบประโลมจิตใจของตนเองเป็แน่" จวินหวงคลี่ยิ้มบนริมฝีปาก แล้วกระซิบเสียงเบาข้างหู "ถึงเวลานั้นพวกเราก็แค่..."
พอฉีเฉินได้ฟังแผนการของจวินหวงจบ ดวงตาพลันสว่างวาบ ปรบมือกล่าวชมเปราะ "แผนการนี้ของคุณชายช่างดีเยี่ยม เื่นี้ต้องฝากไว้ในมือคุณชายแล้ว หากช่วยเปิ่นหวางขึ้นครองบัลลังก์ได้ เปิ่นหวางไม่มีทางโหดร้ายกับคุณชายอย่างแน่นอน"
จวินหวงคารวะแล้วถอยออกไป "ข้าพระองค์จะไม่ทำลายความไว้วางใจของหวางเหย่อย่างแน่นอน"
...
ณ จวนหนานอ๋อง
"เ้าว่าวันนี้เฟิงไป๋อวี้ยังไปหาองค์ชายสี่ฉีอวิ๋นด้วยหรือ?" หนานสวินวางถ้วยชาในมือลงเบาๆ น้ำเสียงไม่อาจหยั่งความรู้สึกได้
"ใช่ขอรับนายท่าน" อู๋ฉิงก้มศีรษะตอบคำถาม
หนานสวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในดวงตามีรอยยิ้มสายหนึ่งลอยมาปรากฏอย่างช้าๆ
สมกับเป็ 'วิหคเพลิง' องค์หญิงแห่งซีเชว่ ความคิดและสติปัญญาในการวางกลยุทธ์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ฉากเบื้องหน้านางเป็ที่ปรึกษาทางกลยุทธ์ในจวนเฉินอ๋อง แต่ความจริงนางกลับมีใจเป็ผู้ช่วยให้กับองค์ชายฉีอวิ๋น มีนางอยู่ข้างองค์ชายรอง ทำให้องค์ชายรองกับองค์รัชทายาทเป็ดังนกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกัน สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง สุดท้ายผู้ได้ประโยชน์กลับกลายเป็ฉีอวิ๋นที่นั่งบนภูดูความวินาศของผู้อื่น
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงสามวันที่นางเข้ามาในฉีตู องค์หญิงซีเชว่พระองค์นี้ก็นำความประหลาดใจมาให้เขามากมาย เขาอดอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ว่าก้าวต่อไปจวินหวง้าจะทำอะไร?
"เพิ่มจำนวนคนมีฝีมืออีกสองสามคน รับหน้าที่คุ้มครองเขาอย่างดี" หนานสวินกล่าว "จำไว้ หากไม่มีอันตรายถึงชีวิตอย่าปรากฏตัว"
เป่ยฉีอยู่ในสภาวะติดหล่มมานานเกินไปแล้ว การมาถึงขององค์หญิงซีเชว่ อาจจะทำให้หมากบนกระดานเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบขึ้นมาก็เป็ได้
...
ณ หอเซียงเซียว เมืองฉีตู
หอเซียงเซียวเป็หอโคมเขียวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแคว้นฉี สตรีของที่นี่ล้วนเป็โฉมสะคราญล่มเมือง ราชนิกุลชนชั้นสูงจำนวนมากต่างก็ชอบมาร่ำสุรากันที่นี่ แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ หอเซียงเซียวเป็สถานที่ที่ฉีอินมาบ่อยที่สุด
จวินหวงนั่งอย่างสบายใจเฉิบอยู่ริมหน้าต่าง ทำตัวกลมกลืนไปกับบรรดาขุนนางในราชสำนักที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่มีช่องโหว่ แล้วก็คอยสังเกตการณ์ที่ประตูใหญ่ของหอเซียงเซียวด้วยท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ตอนนี้องค์ชายรองได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิอย่างมาก ในราชสำนักคนที่มีสมองหน่อยต่างก็เริ่มมาประจบเอาใจองค์ชายรอง เฟิงไป๋อวี้มีฐานะเป็กุนซือเพียงหนึ่งเดียวของจวนเฉินอ๋อง อยากจะนัดหมายขุนนางในราชสำนักมาร่วมวงสังสรรค์สักกี่คนก็ไม่ใช่เื่ยาก
เวลาที่จวินหวงรอคอยมิได้ยาวนาน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็เห็นรัชทายาทฉีอินเดินเข้ามาจากประตูหอเซียวเซียง
สีหน้าของฉีอินดูย่ำแย่เล็กน้อย แต่พอเข้าประตูมาก็มีสาวงามกลุ่มหนึ่งส่งเสียงหัวร่อต่อกระซิกเข้ามารายล้อม มือหนึ่งของฉีอินโอบกอดสตรีนางหนึ่งเอาไว้ หัวเราะพลางจุมพิตไปบนริมฝีปากหอมหวานของสาวงามอย่างหลงระเริง จนอดใจรอเข้าไปถึงในห้องแทบไม่ไหว
จวินหวงพิศมองสตรีในชุดสีเขียวมรกตที่อยู่ข้างกายฉีอินอย่างถี่ถ้วน ริมฝีปากค่อยๆ ยกขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ
ตอนนี้ปล่อยให้เขาหัวเราะไปพลางๆ ก่อน รออีกสักครู่ก็จะถึงเวลาที่เขาต้องร้องไห้
"คุณชายเฟิง คุณชายเฟิง?" ใต้เท้าหลี่เห็นจวินหวงไม่มีท่าทีตอบสนองจึงะโเรียกอีกหลายครั้ง
จวินหวงได้สติกลับมาก็ประสานมือกล่าวขออภัย "ใต้เท้าทุกท่าน พอดีข้าน้อยผู้สกุลเฟิงคล้ายว่าจะเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง จึงขออภัยที่ต้องปลีกตัวไปก่อน วันนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้ลงบัญชีของผู้สกุลเฟิงไว้ ใต้เท้าทุกท่านโปรดสำราญกันให้เต็มที่เถิด"
"คุณชายเฟิงเกรงใจไปแล้ว หากท่านเฟิงมีธุระ ก็ไปจัดการตามอัธยาศัยเถิด ไม่ต้องเป็ห่วงพวกเรา" ทุกคนพากันกล่าวขึ้น
เมื่อออกจากห้องส่วนตัวที่เหมามาแล้ว จวินหวงก็ยืนพิงอยู่ที่ประตู พอใกล้ถึงเวลานัดหมาย นางจึงเดินช้าๆ ไปยังห้องส่วนตัวห้องถัดไปที่มีแสงสว่างออกมา
วันนี้นางเชิญขุนนางในราชสำนักมาร่วมสังสรรค์โดยอ้างว่าเป็งานเลี้ยงในพระนามขององค์ชายรอง สถานที่นางเป็ผู้กำหนด นางย่อมเลือกห้องที่อยู่ติดกับห้องส่วนตัวที่ฉีอินมักจะเหมาอยู่เป็ประจำ ไม่อย่างนั้นละครสนุกฉากนี้จะสร้างไว้ให้ใครดู?
"ไป! ไสหัวไปให้หมด! ไปเรียกมือหนึ่งของพวกเ้ามาให้ข้า" พอมาถึงด้านนอกของห้องที่ฉีอินเหมาไว้ จวินหวงก็ได้ยินเสียงตะคอกเกรี้ยวกราดราวกับคนเป็โรคประสาทของฉีอินดังมาจากในห้อง
"ผัวะ!" จู่ๆ ประตูก็เปิดออก หญิงสาวนางหนึ่งวิ่งลนลานออกมาจากด้านใน เท้าเกิดสะดุดกับธรณีประตูเกือบล้มลงไป
"เื่ที่ให้จัดการเรียบร้อยหรือไม่?" จวินหวงประคองสตรีผู้นั้นขึ้นมา แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เฉยชาเกินไปนัก
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองจวินหวงอย่างรวดเร็ว แล้วตอบเสียงเบาๆ "เรียนคุณชาย จัดการเรียบร้อยเ้าค่ะ"
จวินหวงผงกศีรษะ "ออกไปเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะมาไถ่ตัวเ้า"
หญิงสาวดวงตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น "ขอบคุณคุณชายเ้าค่ะ"
ประตูห้องไม่ได้ปิดอยู่ จวินหวงจึงมองเห็นภายในห้องอย่างชัดเจน ในห้องนอกจากฉีอินแล้ว ก็ยังมีหญิงนางโลมอีกสิบกว่าคนเสื้อผ้าหลุดรุ่ย กำลังคอยฟังคำสั่งจากเขาอยู่
"องค์รัชทายาท ช่างบัญเอิญจริงๆ ไม่คิดว่าจะมาพบพระองค์ที่นี่ได้" จวินหวงทำท่าทางประหลาดใจ จุ๊ปากมองพิจารณารัชทายาทไปรอบหนึ่ง "รัชทายาททรงมีสายพระเนตรสูงส่ง สตรีถึงสิบกว่าคน รัชทายาทยังไม่ทรงพอพระทัยใครสักคนเลยหรือ?"
"เฟิงไป๋อวี้!" เมื่อฉีอินเห็นผู้ที่มาอย่างชัดเจนแล้ว ก็จ้องเขม็งดวงตาแดงก่ำ
สองสามวันก่อน ฉีเฉินเอาความตายเข้าแลกเพื่อช่วยชีวิตจักรพรรดิ จนได้รับความโปรดปรานอย่างล้ำลึก ทำให้อำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงในตำแหน่งรัชทายาทในวังหลวงของเขาตกต่ำลง เช้าวันนี้ก็ถูกฮองเฮาพระมารดาของตนเองด่ากราดจนเืสุนัขท่วมศีรษะ กดดันจนท้องไส้แทบะเิ
เดิมทีคิดจะมาหาความสำราญคลายโทสะ แต่ไม่คิดเลยว่าขนาดเขาเรียกสตรีเข้ามาถึงสิบกว่าคน กลับไม่มีใครสักคนที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศของเขาได้ ขนาดสตรีเปลือยกายล่อนจ้อนนอนอยู่บนเตียง อาวุธส่วนนั้นของเขายังไม่แข็งขันขึ้นมาเลย
ไม่ว่าจะเป็อารมณ์โกรธที่ได้รับมาจากในวัง หรือความโมโหจากแรงกดดันในหอเซียวเซียง เขาล้วนลงบัญชีแค้นทั้งหมดไว้บนศีรษะของเฉินอ๋องฉีเฉินแล้ว ตอนนี้มาเห็นหน้ากุนซือเพียงหนึ่งเดียวของฉีเฉินเข้าอีก แรงโทสะก็แทบจะพุ่งไปถึงฟ้า