ฝั่งของเมธพนธ์
เขายืนพิงเสาริมหน้าร้านขนมหวาน สายตาคมกริบทอดมองไปยังกลุ่มเพื่อนสาวที่หัวเราะคิกคักกันอยู่อย่างสดใส รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นตรงมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่
“เสร็จแล้ว” คุณัชญ์เดินตามออกมาหลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย พลางบอกเพื่อนอย่างอารมณ์ดี
เมธพนธ์พยักหน้ารับคำสั้น ๆ
“คืนนี้เจอกันนะมึง อย่าลืม” อินทัชย้ำแผนการนัดสังสรรค์
ขณะนั้นเอง ดาวิภา หรือ ดาว สาวสวยผู้ได้โอกาสนั่งร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับหนุ่มฮอต ก็รีบเอ่ยถามเสียงหวาน
“คืนนี้พี่ ๆ จะไปไหนกันคะ?”
“ไปดื่มเบา ๆ นิดหน่อยน่ะจ๊ะน้องดาว” คุณัชญ์หันมาตอบยิ้ม ๆ อย่างสุภาพ
ดวงตากลมโตราวลูกแมวของดาวิภาเปล่งประกายขึ้นทันที เธอเอียงศีรษะนิด ๆ ทำเสียงอ้อนอย่างจงใจ
“ดาวไปด้วยได้ไหมคะ?”
ยังไม่ทันที่ใครจะทันได้เอ่ยตอบ นิลวรรณ เพื่อนสาวอีกคนก็รีบผสมโรง
“นิลก็ขอไปด้วยนะคะพี่ ๆ”
คุณัชญ์หันไปมองเพื่อนอีกสองคนทันที แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ดาวิภาก็รีบทำตาเศร้า ส่งสายตาอ้อน ๆ เหมือนลูกแมวถูกทิ้ง
“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็ไรค่ะ ดาวกับเพื่อนแค่อยากผ่อนคลายนิดหน่อยน่ะค่ะ” น้ำเสียงเธอแ่
คุณัชญ์สบตาเพื่อนอีกครั้ง คราวนี้ตัดสินใจ
“ถ้าน้องดาวสะดวกไป ก็ยินดีครับ”
“ขอบคุณนะคะ พี่ณัชญ์” เสียงหวานเอ่ยตอบรับอย่างดีใจ
ขณะที่บรรยากาศกำลังดูจะสดใส เมธพนธ์กลับเอ่ยเสียงเรียบ
“กูไม่ไป วันนี้จะนอนบ้าน แยกกันตรงนี้เลย... ไปละ”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งไว้เพียงเงาหลังที่แข็งกร้าว
“ไอ้เมฆ! ไอ้เมฆ! อะไรวะ...” คุณัชญ์ะโไล่หลัง แต่เ้าตัวไม่แม้แต่จะหันมา มีก็เพียงมือที่โบกไปมาอย่างขอไปที
ดาวิภาถึงกับอ้าปากค้าง เธอเห็นแวววาวแห่งความหวังดับวูบลงต่อหน้าต่อตา
อินทัชขมวดคิ้วมองเพื่อนรักที่เดินรีบหายไปในฝูงชน ก่อนจะบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
““แล้วมันจะไปไหนของมันวะ รีบชอบกล”
อินทัชมองเพื่อนที่เดินอย่างรีบร้อน ไหนตอนแรกนัดจะไปก๊กเหล้าฉลองวันศุกร์ซะหน่อย แต่ไหงมาเทแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ มันน่าสงสัยจริง ๆ
แยกจากกลุ่มเพื่อน เมธพนธ์ก็เดินตามหลังกลุ่มหญิงสาวที่สะดุดตาเขาั้แ่แรก ขายาว ๆ ก้าวไปอย่างเนิบช้าแต่มั่นคง รักษาระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้เธอไหวตัวทัน ดวงตาคมกริบไม่ละไปจากแผ่นหลังบอบบางนั้นเลยสักนิด
จนกระทั่งเห็นเธอแยกตัวออกจากเพื่อน ๆ เมธพนธ์เร่งฝีเท้า ก้าวยาวเข้าไปใกล้
“เห้ยยยย!!!”
เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากวรวลัญช์ เมื่อรู้สึกถึงแรงรั้งที่ต้นแขน เธอสะดุ้งโหยง รีบหันกลับไปมอง ก่อนถอนหายใจแรง ๆ เมื่อเห็นใบหน้าคนที่ทำให้ใจแทบหยุดเต้น
“จะไปไหน” น้ำเสียงทุ้มต่ำถามนิ่ง ๆ พร้อมกับดวงตาคมที่กวาดมองเธอไม่วางตา
วรวลัญช์ขมวดคิ้วงุนงง มองซ้ายมองขวาอย่างไม่เข้าใจ...เขามาคนเดียว? ไหนเมื่อตะกี้ยังเห็นอยู่กับเพื่อน ๆ ไม่ใช่หรือ?
แต่ช่างเถอะ...สิ่งที่ควรสงสัยมากกว่าคือ ทำไมถึงต้องมารั้งเธอไว้แบบนี้?!
“ถามว่า...กำลังจะไปไหน” เมธพนธ์ย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ต้องตอบด้วยเหรอ?” เธอเงยหน้าสบตาเขา ใสซื่ออย่างตั้งใจ...ซึ่งเขารู้ดีว่ามันคือการกวนประสาท
“อือ” เขาครางรับสั้น ๆ ดวงตาวาววับจับผิด
วรวลัญช์กลอกตาเบา ๆ ก่อนยอมตอบอย่างเสียไม่ได้ “กลับบ้าน”
ใบหน้าคมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือคว้าแขนเธอแล้วออกแรงดึงเบา ๆ
“ดี งั้นก็ไป”
“ไปไหน?!” เธอโวยวายเสียงสูง งงไปหมด อยู่ดี ๆ ก็โดนลากไปเฉยเลย พ่อคุณไม่บอกไม่กล่าวให้ชัด ๆ ทำเอาคนสวยหัวใจจะวายซ้ำสอง
“ก็กลับบ้านไง เธอเองก็ว่าจะกลับบ้านไม่ใช่หรือ” เมธพนธ์ตอบนิ่ง ๆ ราวกับเื่นี้มันสมเหตุสมผลที่สุดในโลก
โอ๊ยยย...คนบ้าอะไรก็ไม่รู้! วรวลัญช์ได้แต่ครางในใจ มองเขาสายตาขุ่นเคือง ในหัวมีแต่ความงุนงง
“เดี๋ยวก่อน! แล้วนายจะลากฉันทำไม ฉันก็กำลังจะกลับอยู่แล้วนี่นา นายก็ไปของนายนู่นเลย!” เธอดิ้นขลุกขลักพยายามดึงแขนคืน
“ฉันก็กำลังกลับบ้านเหมือนกัน กลับพร้อมกัน จะได้ไม่เสียเวลา” เมธพนธ์พูดเรียบ ๆ แต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ
“อ๋อ... ถ้างั้นก็บอกั้แ่แรกสิ พูดอะไรไม่รู้ งงไปหมด” วรวลัญช์บ่นงึมงำแต่ยอมเดินตาม แต่ก็ยังอดเหน็บไม่ได้ “งั้นไม่ต้องลากได้ไหมคะ นี่เดินเองได้”
แทนที่จะปล่อย มือหนากลับเลื่อนจากแขนลงมากอบกุมข้อมือแทนอย่างแแ่
วรวลัญช์เบิกตากว้าง ก่อนจะขมวดคิ้วอีกครั้ง “เฮ้ย..อะไร” วันนี้เขามาทำให้เธองงอะไรหนักหนา เดี๋ยวอิแม่กะใจ๋ขึ้น (อารมณ์เสีย) มาเอาแต่ใจ๋ตั๋วเก่าอีกล่า (มาเอาแต่ใจอีกละ)
“ก็เธอเดินช้า เดี๋ยวออกช้ากว่านี้ รถจะติด” เขาบอกเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ยังจับข้อมือเธอแน่นไม่คลาย
“บอกเฉย ๆ ก็ได้ไหมล่ะ...” คนตัวเล็กหน้างอเหมือนแมวถูกแย่งของเล่น “ถ้ากลัวรถติด ฉันกลับเองก็ได้ ไม่ต้องลำบากนาย”
เมธพนธ์หรี่ตามอง ก่อนตอบเสียงหนักแน่น “ไม่ได้ กลับด้วยกัน จะได้ไม่เปลืองเงินค่ารถไง”
วรวลัญช์อึ้งไปนิดหนึ่ง... เหตุผลของเขาช่างน่าฟังเสียจริง
“ก็...จริง” เธอพึมพำตามอย่างเสียไม่ได้
เห็นเธอเงียบยอมเดินตาม เมธพนธ์ถึงกับหลุดยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจโดยไม่ให้เธอสังเกตได้
จริง ๆ แล้ว...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอคิดอย่างตลกในใจ อย่างน้อยวันนี้...เธอก็ไม่ต้องเบียดรถเมล์กับใคร นั่งสวย ๆ กลับบ้านพร้อมเขา ประหยัดแรง ประหยัดเงิน ประหยัดหัวใจ...แถมยังได้ใกล้เขาอีกนิดหน่อยด้วย
ร่างบางปล่อยให้คนตัวสูงพาเดินไปยังลานจอดรถในห้าง สายลมเย็น ๆ ของยามเย็นพัดมาเบา ๆ ทำให้เธอเผลอยิ้มกับตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้