ได้ยินคำพูดของต้วนชิงิซือหลัวจึงพยักหน้ายิ้มแววตาอ่อนแสงลง “แบบนั้นก็ได้...”
หันมองโอ้วเอ๋อร์ปราดหนึ่งเห็นนางมีสีหน้าลำบากใจต้วนชิงิเข้าใจในทันที มุมปากของนางโค้งขึ้นน้อยๆ “ซือหลัว ถ้า่นี้ไม่มีเวลาก็ไม่เป็ไรคราวหน้าพวกเราค่อยนัดกันก็ได้ไม่ใช่หรือ”
คำพูดของต้วนชิงิทำให้ซือหลัวยิ้มขึ้นมาได้ “ชิงิพูดถูก คราวหน้าค่อยนัดกันใหม่!”
ครั้นต้วนชิงิอยากจะกล่าวต่อทว่าเหลือบไปเห็นชายชุดดำสองคนตรงหน้าประตูทำท่ามองซ้ายทีขวาทีด้วยสีหน้าเป็กังวล คล้ายทำคนหายก็มิปานต้วนชิงิที่ไม่สนใจในทีแรกแต่เมื่อเห็นโอ้วเอ๋อร์มีท่าทีพิลึกพิลั่นหันมองสองคนนั้นพลางหันไปหาซือหลัวพูดเสียงกระซิบเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน “คุณหนู... พวกนั้นตามมาแล้ว”
ใครตามมา?
ต้วนชิงิมองชายหนุ่มชุดดำทั้งสองที่เหมือนอยากจะพุ่งตรงเข้ามาเพียงซือหลัวจ้องตาเขม็งทำให้สองคนนั้นไม่กล้าขยับคงไว้เพียงสายตานั้นที่จ้องมองมาที่ซือหลัวตลอดราวกับกลัวนางจะหนีไป
ใบหน้าของซือหลัวเคร่งขรึมลงท่าทางโมโหคล้ายอยากจะอาละวาดเพียงแต่สะกดกลั้นไว้ส่วนสีหน้าของโอ้วเอ๋อร์กลับยิ่งลำบากใจขึ้นไปอีกอ้ำอึ้งคล้ายจะเอื้อนเอ่ยวาจาแต่ก็ไม่กล้า
ไม่ยากเกินความคาดหมายซือหลัวคงไม่ยินดีปรีดาที่ได้เห็นชายชุดดำสองคนนี้เป็แน่
เพียงชั่วอึดใจต้วนชิงิยกยิ้มขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้า “ซือหลัว ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระต่อจึงต้องขอตัวก่อน เ้าล่ะ...จะกลับตอนไหนหรือ?”
ในใจซือหลัวรู้สึกยังไม่อยากจากทว่านางก็รีบพยักหน้า “ข้าก็มีธุระขึ้นมาพอดีเช่นนั้นพวกเราค่อยนัดกัน”
พูดจบซือหลัวก็รีบพาโอ้วเอ๋อร์ออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้วนชิงิมองตามหลังซือหลัวไปได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆบางครั้งฐานะที่ได้มาก็เป็การแบกรับความเหนื่อยอย่างหนึ่งที่คอยจำกัดอิสระและแย่งสิทธิ์ในการตัดสินใจของตนเองซือหลัวคงเป็เช่นนั้น
คล้ายสติกลับมาอีกครั้งนางต่อราคาเสื้อคลุมขนจิ้งจอกกับเ้าของร้านเรียบร้อยเหลือเพียงจ่ายเงินระหว่างรอเ้าของร้านจัดการเสื้อคลุม พลันคิดได้ว่าหลิวยวนเอาของไปไว้ที่รถม้าตอนนี้คงกำลังกลับมาแล้ว
เวลาผ่านไปต้วนชิงิกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวยวนจับมือต้วนอวี้ขึ้นกำลังออกจากร้าน เห็นหลิวยวนยืนรออยู่ที่เดิมพลางกำลังชะเง้อมองหาละม้ายคนซื่อบื้อ
ต้วนชิงิกวาดสายตามองไปตามทางที่ซือหลัวเพิ่งเดินจากไปพลันสายตาสะดุดเห็นนางกำลังตวาดเสียงกร้าวไปที่ชายหนุ่มชุดดำทั้งสองและโอ้วเอ๋อร์ไม่หยุดด้วยความโกรธพวกนั้นได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียวเสียงต่อว่านั้นดังลั่นตลาดจนทำให้นางได้ยิน
ทว่าเสียงดังเช่นนี้มีหรือที่หลิวยวนจะไม่ได้ยินเขาหันไปทางที่มาของเสียงชะงักค้างอยู่อย่างนั้นต้วนชิงิทันเห็นสายตาของผู้อยู่ตรงหน้าที่ตื่นตระหนกแฝงไปด้วยอารมณ์ร้อนรนปรากฏออกมาจากดวงตาของเขานางนิ่งตรึกตรองชั่วครู่... หรือว่าหลิวยวนจะรู้จักซือหลัว?
เมื่อเห็นต้วนชิงิเดินออกมาหลิวยวนจึงฝืนยิ้มออกมา “พวกเ้าออกมาแล้วหรือ?”
ต้วนชิงิไม่เปล่งเสียงตอบทว่าต้วนอวี้กลับะโไปข้างหน้าจับมือหลิวยวน “ พี่ชายกำลังมองอะไรอยู่? พี่สาวคนสวยคนนั้นใช่หรือไม่?”
ต้วนอวี้ชี้นิ้วไปทางซือหลัวเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
หลิวยวนหยุดเว้นจังหวะยิ้มบางให้เด็กน้อยช่างสงสัยตรงหน้าลูบไปที่หัวของต้วนอวี้ “เ้ารู้จักพี่สาวคนสวยคนนั้นด้วยหรือ?”
เด็กน้อยแกล้งไอเสียงเบาออกมา “แน่นอนว่า... ไม่รู้จัก”
หลิวยวนยังคงยิ้มน้อยๆดุจเก่า ต้วนอวี้เป็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งจะไปรู้จักหญิงสาวคนนั้นได้อย่างไร?
แต่สิ่งที่ต้วนอวี้กล่าวต่อจากนั้นทำให้หลิวยวนตกตะลึงพรึงเพริดไปหมดเด็กน้อยพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “แม้ข้าจะไม่รู้จักแต่พี่สาวรู้จัก... นางชื่อซือหลัว...”
“ซือหลัว?”
หลิวยวนฟังแล้วสายตาแน่นิ่งมองไปยังต้วนชิงิ
ต้วนชิงิแอบก่นด่าต้วนอวี้น้องชายตัวแสบในใจฐานะของซือหลัวยังไม่ชัดเจนหวังว่าหลิวยวนและซือหลัวจะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง อย่างไรต่อกัน
เขาใช้สายตาที่สงสัยมองมาเป็เชิงถามต้วนชิงิละล่ำละลักตอบเพียง “รู้จัก แต่ว่าไม่สนิทสนม...พวกเรารู้จักกันที่ติ้งกั๋วกง ข้ายังไม่รู้จักฐานะทางบ้านของนางแม้กระทั่งที่อยู่เพียงแต่ดูท่าทางแล้ว นางคงมีที่พักไม่ธรรมดาจึงไม่สะดวกเวลาไปไหนมาไหน”
ต้วนชิงิกำลังเตือนสติและย้ำให้หลิวยวนรู้ว่าซือหลัวกับนางนั้นแตกต่าง
เพียงชั่วอึดใจหลิวยวนหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ไหว “คุณหนูต้วนกำลังคิดอะไรอยู่หรือข้าคล้ายรู้สึกคุ้นเคยกับข้างหลังของนางเพียงเท่านั้นนางดูคล้ายกับเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่ง” เขาหยุดเว้นจังหวะแล้วพูดต่อท้ายอีกคำ “จึงเผลอมองนานไปเสียหน่อย”
ต้วนชิงิโล่งใจที่ได้ฟังเช่นนั้นทว่านางรู้เขาพูดปดทั้งสีหน้าและแววตาของหลิวยวนยามเมื่อจ้องมองไปยังซือหลัวไม่เพียงรู้จักแต่ยังคุ้นเคยกันเป็อย่างดีอีกต่างหาก ถึงถามไปก็คงหาได้คำตอบที่้าไม่
เมื่อเห็นต้วนชิงิไม่ถามต่อหลิวยวนได้แต่สบตานางอย่างขอบคุณพลางช่วยถือเสื้อคลุมเดินกลับไปที่รถม้า
พริบตาเดียวก็ไม่เห็นซือหลัวแล้วทางที่นางหายไปยังคงมีทั้งคนและรถม้าผ่านไปมาอย่างพลุกพล่านท่ามกลางผู้คนมากมายจะมองเห็นเด็กสาวคนนั้นชัดเจนได้อย่างไร?
ต้วนชิงิมีรอยยิ้มบางเจืออยู่บนใบหน้าพลางก้มหน้าลงหลีกเลี่ยงไม่มองสบสายตาของหลิวยวนอย่างชาญฉลาดแต่ถึงอย่างนั้นต้วนอวี้คล้ายรู้สึกได้ว่าบรรยากาศแปลกไปได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าเจื้อยแจ้วดังตอนมา
หลังจากส่งต้วนอวี้และหลิวยวนกลับเรือนไปพักผ่อน นางก็กลับมาที่เรือนของตนอย่างเงียบเชียบ
ในเรือนเงียบสงบมีเพียงเสียงพระพายยามราตรีโชยพัดต้วนชิงิย่างกายเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้พะยูงตัวโปรดหลังจากดื่มชาครึ่งถ้วย นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่แม้จะขยับกาย
ชิวฮวาบ่าวรับใช้ลำดับสองในเรือนต้วนชิงิที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาเมื่อก่อนมีเพียงเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์คนเดียวที่เป็บ่าวรับใช้หลักมีแม่นมหนิงเป็แม่นมเพียงคนเดียว ไม่นานจากนั้นก็มีชิวฮวาเพิ่มขึ้นมาเดิมนางเป็คนสะเพร่าแต่เมื่อผ่านเื่ราวต่างๆ มาตอนนี้ต้วนชิงิจึงเลื่อนขั้นให้เป็บ่าวรับใช้ลำดับสองแล้ว
เมื่อต้วนชิงินั่งไม่พูดไม่จาชิวฮวาก็ไม่กล้าเปล่งเสียงอะไรออกมาเช่นกัน
จนกระทั่งม่านตรงประตูถูกเปิดออกจึงมีแสงค่อยๆสาดส่องเข้ามาไม่นานมีเงาคนเดินตรงรี่มายังนางแค่เพียงเสียงก้าวเดินก็รู้ได้ทันทีว่าเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์กลับมาแล้ว
สีหน้าเป็กังวลปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของบ่าวรับใช้คนสนิทเมื่อเห็นต้วนชิงินางยอบกายทำความเคารพและก้มลงกระซิบพูดเสียงเบา “คุณหนู เื่ที่ให้บ่าวไปสืบมานั้นบ่าวให้อาจารย์สืบได้ความชัดเจนแล้วเ้าค่ะ”
ต้วนชิงิพยักหน้าเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์หันกลับมองประตูรอบๆ อีกครั้ง เมื่อเห็นไม่มีใครจึงรีบปิดลงทันที
“สืบได้ความมาแล้วเ้าค่ะ เมื่อก่อนนายท่านมีอี๋เหนียงสามคนคนแรกคือชิวอี๋เหนียงสิ้นใจขณะทำคลอด คนที่สองคือจางอี๋เหนียงถูกขังไว้จวนด้านหลังและไม่เคยได้ออกมาอีกเลยส่วนอี๋เหนียงอีกคนกลายเป็คนสติฟั่นเฟือนเพราะแท้งลูกอยู่จวนด้านหลังและไม่ยอมพบใครอีกเลย!”
ต้วนชิงิได้ฟังที่เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์พูดสายตานิ่งไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงพยักหน้า
“ข้ารู้แล้ว!” คนหนึ่งสติฟั่นเฟือน อีกคนแท้งลูกและอีกคนก็ตายขณะทำคลอด
บางทีอาจมีเื้ัซุกซ่อนอยู่นางยกยิ้มขึ้นมาอย่างเ็า
หลิวหรงดูแลจวนต้วนมานานแล้วอยู่ในจวนกำเริบเสิบสานทำอะไรตามอำเภอใจเป็เื่ที่ทุกคนต่างรู้ อีกทั้งจุดจบของอี๋เหนียงทั้งสามเหอะ!คนหนึ่งเป็บ้า อีกคนแท้งลูก อีกคนตายตอนทำคลอด...เื่ราวเหล่านี้ฟังแล้วล้วนมีเลศนัย หากไตร่ตรองอย่างละเอียดเอาเื่ราวเหล่านี้มาร้อยเรียงกันก็พอจะรู้ได้ว่าในนั้นหลิวหรงจะต้องทำอะไรบางอย่างเป็แน่ !