ต้วนชิงิกับหลิวยวนจับมือต้วนอวี้คนละข้างเดินเล่นในถนนตงต้าเจียที่ตอนนี้คึกคักและแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ที่นี่เป็สถานที่มีร้านค้ามากมายรถม้าวิ่งผ่านไปมาไม่ขาดสาย จอแจไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาต้วนชิงิให้เหล่าจางโถวหยุดรถม้า แล้วพาหลิวยวนและต้วนอวี้เดินไปด้วยกัน
ถนนทอดยาวเบื้องหน้าสองข้างทางมีสินค้าวางขายหลากหลายละลานตา ทั้งสามคนเดินไปคุยไปพริบตาเดียวก็ถึงกลางตลาด
ต้วนอวี้ที่ไม่ค่อยได้ออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกเมื่อพบเห็นอะไรที่รู้สึกแปลกตาก็อยากได้ไปเสียหมดสิ่งไหนที่เขาอยากได้ในราคาที่ไม่แพง ต้วนชิงิจะซื้อให้โดยไม่ลังเลข้าวของพะรุงพะรังจากถือมือหนึ่งเป็สองมือจนต้องยืมมือของหลิวยวนช่วยแบกทั้งของนางและต้วนอวี้หลิวยวนเปลี่ยนเป็คนช่วยถือของไปโดยปริยาย
วันนี้ต้วนชิงิไม่ได้พาบ่าวรับใช้มาด้วยเพื่อช่วยสร้างโอกาสให้หลิวยวนได้พบกับผู้เป็บิดาผนวกกับยังได้พาต้วนอวี้มาเที่ยวส่วนเหล่าจางโถวที่รออยู่ไกลจึงไม่ได้มาช่วยถือของ
เมื่อหลิวยวนเห็นต้วนอวี้ร้องอยากได้ของเพิ่มจึงเดินตรงรี่ไปที่ต้วนชิงิทั้งในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง พลางยิ้มเฝื่อน “คุณหนู ข้าขอเอาของไปไว้ที่รถม้าก่อนแล้วกัน!”
ต้วนชิงิตอบรับพลางชี้นิ้วไปที่ร้านขายเสื้อ “เช่นนั้นข้าจะพาต้วนอวี้ไปรอที่นั่น”
ในเวลานี้เองนางคิดได้ว่าผู้เป็บิดาไม่ค่อยมีเสื้อผ้าใหม่ๆโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ใช้ใน่ฤดูหนาว แต่หากสั่งตัดตอนนี้จะยังทันหรือไม่? ผนวกกับสิ่งที่นางได้ยินมา อีกไม่นานต้วนเจิ้งจะออกรบและครั้งนี้ใช้เวลานานนางจึงอยากจะซื้อเสื้อหนาๆวาดหวังเต็มอกว่าจะสามารถป้องกันอากาศหนาวให้ต้วนเจิ้งใน่ฤดูเหมันต์
‘เฉิงจี้’ เป็ร้านขายเสื้อกันหนาวที่คุณภาพดีแต่ราคาค่อนข้างสูง
หลังจากหลิวยวนหันหลังเดินเอาของไปเก็บนางจึงพาต้วนอวี้เดินต่อไปยังร้านเฉิงจี้ นำเงินที่สะสมมาหลายเดือนรวมกับเงินที่ต้วนเจิ้งให้มาเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมให้กับผู้เป็บิดา
ภายในร้านตกแต่งไว้อย่างสวยงามด้านในมีเสื้อที่แขวนไว้เรียงรายละลานตา ระหว่างที่ต้วนชิงิเดินเลือกอยู่นั้นสายตาพลันเหลือบไปเห็นเสื้อตัวหนึ่งที่แขวนไว้ข้างกำแพง เสื้อคลุมตัวยาวทำจากขนจิ้งจอกดึงดูดความสนใจของนางไม่น้อยเมื่อยื่นมือไปััผ้าให้ความรู้สึกทั้งนุ่มและลื่นในคราวเดียวกันใกล้ถึงวันที่ผู้เป็บิดาต้องไปออกรบอีกคราและที่นั่นมีแต่ความเหน็บหนาวหากมีเสื้อขนจิ้งจอกไว้ใส่ต้องอบอุ่นเป็ที่สุด
ชาติที่แล้วต้วนชิงิเป็คนดูแลทุกเื่ในจวนไป๋ทั้งยังดูแลกิจการร้านค้าสร้างชื่อเสียงไปทั่วดังนั้นแค่การเลือกผ้าและวัตถุดิบในการทำเสื้อนางจึงคุ้นเคยเป็อย่างดีเพียงคนขายนำเสื้อตัวนั้นมาให้ดูก็รู้สึกถูกใจทันที
ขณะที่ต้วนชิงิกำลังพินิจเลือกเสื้อคลุมอยู่นั้นคนขายก็กำลังมองนางด้วยแววตาแห่งความชื่นชมเช่นกันด้วยเห็นใบหน้าที่งดงามและสง่าทว่าอ่อนโยนแม้ดูอายุยังน้อยแต่มีเค้าของสาวงามทรงเสน่ห์ตัวน้อยอยู่หลายส่วนที่ไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรทั้งลักษณะท่าทางกิริยา ที่มองพริบตาเดียวก็รู้ว่าต้องเป็คุณหนูจวนใดจวนหนึ่งแน่!
ต้วนชิงิวางเสื้อคลุมลงเงยหน้าขึ้นถาม “ไม่ทราบว่าเสื้อคลุมตัวนี้ราคาเท่าไร?”
“เสื้อคลุมตัวนี้มาจากทางเหนือ ราคาสองร้อยตำลึง!” คนขายเดินเข้ามายอบกายกล่าวตอบ
ต้วนชิงิหยุดเว้นจังหวะราคาตั้งสองร้อยตำลึงเชียวหรือ? เสื้อคลุมขนจิ้งจอกแม้จะดีแต่สำหรับต้วนชิงิราคานี้สูงไปเสียหน่อย นางจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกำลังจะกล่าวต่อพลันได้ยินเสียงมาจากข้างหลังว่า “เสื้อคลุมตัวนี้ข้าเอา...”
เมื่อพูดจบคนข้างหลังได้แย่งเสื้อคลุมจากมือต้วนชิงิไปทันที!
เคยเห็นแต่คนที่ไม่มีมารยาททว่าไม่เคยเห็นคนที่แย่งของจากมือคนอื่น
ต้วนชิงิเปลี่ยนสีหน้าฉับพลันละม้ายไม่พอใจในทีหันหลังมองไปยังด้านหลัง
เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งถือเสื้อสะบัดไปมาและคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังคือคนเคยอยู่ด้วยกัน ‘ซือหลัว’
เพียงแค่พริบตาเดียวต้วนชิงิหยักยิ้มออกมาเล็กน้อย “ซือหลัวทำไมเป็เ้าล่ะ?”
ซือหลัวดีใจมากที่เห็นต้วนชิงิใช่แล้ว...เมื่อครู่นางเป็คนสั่งให้บ่าวรับใช้แกล้งไปแย่งเสื้อคลุมจากมือต้วนชิงิเพื่อทำให้นางใเล่นคาดไม่ถึงว่าแค่พริบตาเดียวต้วนชิงิก็รู้ว่าเป็นางแล้ว
วันนี้ซือหลัวสวมชุดแขนสั้นสีแดงลายดอกไม้ตัดกับสีผิวของนางปิ่นปักผมเรียบๆ ประดับด้วยอัญมณีสีเขียวมรกตเมื่ออยู่บนร่างกายยิ่งช่วยขับให้ใบหน้าของนางสวยเด่นออกมาผนวกกับรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าแสดงความดีใจอย่างเปิดเผย
ด้านหลังของซือหลัวมีหญิงสาวอายุประมาณสิบปีสวมเสื้อผ้าสีเขียวเข้มทำผมแต่งหน้ามองต้วนชิงิอย่างชอบใจ
นางคือบ่าวรับใช้ของซือหลัวชื่อว่าชิงอี
เมื่อบ่าวรับใช้เห็นซือหลัวและต้วนชิงิพูดคุยกันจึงยอบกายลงทันทีพลางเอ่ยขอโทษต้วนชิงิ “คุณหนูต้วนนี่เป็ความ้าขององค์... คุณหนู ที่จะล้อเล่นกับคุณหนูต้วนเพียงเท่านั้นทั้งหมดเป็ความผิดของโอ้วเอ๋อร์ทั้งหมดโอ้วเอ๋อร์ต้องขออภัยคุณหนูต้วนด้วยเ้าค่ะ”
ต้วนชิงิอมยิ้มมองไปยังโอ้วเอ๋อร์ “ในเมื่อเ้าบอกว่าแค่ล้อเล่นแล้วข้าจะถือสาเ้าได้อย่างไรเล่า?”
เมื่อมองไปยังโอ้วเอ๋อร์นางรู้สึกได้ว่าทั้งลักษณะท่าทางรวมทั้งคำพูดคำจานั้นต้องไม่ใช่บ่าวรับใช้ธรรมดาเป็แน่แต่ในเมื่อนางเรียกตนเองว่า ‘บ่าวรับใช้’ ก็ตามนั้นแล้วกัน การมีบ่าวรับใช้ที่เก่งเช่นนี้ฐานะของเ้านายจะต้องพิเศษไม่น้อย โดยปกติแล้วต้วนชิงิไม่ชอบสงสัยใครแต่กลับเริ่มสงสัยฐานะที่แท้จริงของซือหลัว ทว่านางคงไม่เอื้อนเอ่ยวาจาออกไปอย่างแน่นอน
เมื่อครู่โอ้วเอ๋อร์เรียกซือหลัวว่า ‘องค์... องค์อะไรน่ะ?’ แต่เมื่อถูกซือหลัวมองด้วยสายตาจึงรีบเปลี่ยนเป็‘คุณหนู’ ดูท่าแล้วซือหลัวคงเป็องค์หญิงเป็แน่!
ต้วนชิงิจำได้ว่ายุคต้าเซี่ยหวางไม่เคยมีองค์หญิงชื่อ ‘ซือหลัว’หรือองค์หญิงซือหลัวจะเป็แค่การปลอมชื่อขึ้นมาไม่ก็เป็เพียงชื่อเรียกเล่นเท่านั้น
จุดนี้ทำให้ต้วนชิงิคาดเดาไม่ถูก
โอ้วเอ๋อร์นำเสื้อคลุมส่งให้คนขายอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมายกน้ำชาให้พวกนางทั้งสองคนใบหน้าของซือหลัวยังเจือความดีใจพลางจับมือของต้วนชิงิมานั่งที่โต๊ะ พูดยิ้มๆ “ข้ารู้ว่าเ้าไม่ใช่คนใจแคบ จะต้องไม่ถือสาข้าอย่างแน่นอน”
ต้วนชิงิแกล้งเอ่ยอย่างโมโห “เ้าบอกเองว่าข้าไม่ใช่คนใจแคบ ถ้าข้าโกรธขึ้นมาจริงๆคงต้องโดนเ้าต่อว่าเป็แน่”
อีกฝ่ายได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างเปิดเผยไม่ปกปิดนิสัยขี้แกล้งของนาง “ข้าหมายความเช่นนั้นจริงๆ”
ต้วนชิงิได้ฟังก็หัวเราะออกมาทันทีไม่มีความโกรธเคืองแม้สักกระผีก
นางรู้สึกคุ้นเคยกับซือหลัวอย่างบอกไม่ถูกเื่ขัดใจกันระหว่างคุณหนูถูกพูดออกมากันตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมดูจะมีไม่มากดังนั้นต้วนชิงิจึงรู้สึกอยากเป็เพื่อนกับซือหลัวอย่างจริงใจทว่าเมื่อนึกถึงฐานะที่ซับซ้อนของนาง ต้วนชิงิจึงพับความคิดนี้เก็บไป
ซือหลัวตีมือต้วนชิงิเบาๆ “ชิงิเ้ารู้หรือไม่ว่าหนิงหรานเตรียมตัวจะไปเยี่ยมหาเ้าด้วย...”
“ได้สิ ถ้าเ้ามาด้วยคงคึกคักน่าดู” ต้วนชิงิพูดยิ้มๆ
ซือหลัวยิ้มที่ได้ฟังสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทว่าสิ่งที่นางกำลังจะกล่าวต่อกลับถูกโอ้วเอ๋อร์พูดเตือน “คุณหนูอย่าลืมว่า่นี้คุณหนูไม่ว่างเ้าค่ะ...”
สีหน้าแห่งความสุขแปรเปลี่ยนเป็เศร้าหมองในทันทีนางจ้องบ่าวรับใช้ด้วยสายตาราวกับตำหนิที่พูดมากโอ้วเอ๋อร์รีบก้มหน้าไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดต่อ
ต้วนชิงิเห็นดังนั้นจึงยิ้มขึ้นกล่าววาจา “ไม่ต้องรีบร้อน ครั้งนี้มาไม่ได้ครั้งหน้าค่อยมา ข้าอยู่ที่จวนตลอด...ครั้งหน้าเ้าค่อยมาเยี่ยมข้าพร้อมพี่หนิงหรานก็ได้...”