เมื่อเห็นนางเงียบงันไป ไม่ปริปากพูดอะไร จวินเหยียนก็อดเลิกคิ้วแล้วพูดเสริมไม่ได้ “อวิ๋นซี โอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียว” ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่แน่ใจว่า สตรีผู้นี้กำลังปิดบังเื่อะไรอยู่กันแน่ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจแล้วก็คือ นางย่อมต้องมีความแค้นกับโอวหยางเทียนหัว มิฉะนั้นคงไม่ละเมอเช่นนั้นออกมา นอกจากนี้ ในเมื่อนางมีความแค้นกับโอวหยางเทียนหัว หากคิดอยากแก้แค้นก็จำต้องมีผู้สนับสนุนอยู่เื้ัที่แข็งแกร่งพอตัว
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าอย่างไรตัวเขาโอวหยางจวินเหยียนก็จะต้องเป็ตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่เหมาะสมที่สุดของอวิ๋นซีอย่างแน่นอน แค่ว่าตอนนี้นางยังคงลังเลอยู่ ดังนั้น สิ่งที่ตนพอจะทำได้คงมีเพียงต้องสะกิดนางเสียหน่อยแล้ว
อวิ๋นซีได้ยินคำพูดของเขาก็อดเงยหน้ามองดูดวงหน้าที่แสนงดงามราวกับปีศาจของเขาไม่ได้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า “แต่งให้ท่านก็ได้ แต่ตัวท่านจะต้องให้สัญญากับข้าก่อนว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ฝืนบังคับให้ข้าต้องทำในเื่ใดก็ตามที่ข้าไม่อยากทำ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็โค้งริมฝีปากขึ้น และให้สัญญาอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่า เื่ที่นางพูดถึงหมายถึงเื่ใด ทว่าวันหน้ายังอีกยาวไกล เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย เพราะนางคงไม่อาจปฏิเสธตนเช่นนี้ไปได้โดยตลอด
“มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยพระชายาแต่งองค์”
อวิ๋นซีเปลี่ยนเป็ชุดมงคลสีแดงสด นางนั่งมองดวงหน้างดงามที่ไร้ซึ่งมลทินใดๆ ผ่านบานกระจก ทั้งยังนึกไปถึงเื่ราวเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ตนแต่งให้โอวหยางเทียนหัว ยามนั้นในใจนางเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกล้ำ อีกทั้งในงานมงคลก็ยังเลือกสวมอาภรณ์มงคลที่ตนปักเย็บเองกับมือด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม จากนั้นก็รอคอยการมาถึงของขบวนรับเ้าสาว นางในตอนนั้นคาดหวังเป็อย่างยิ่งว่า อยากจะผมขาวไปพร้อมๆ กับชายผู้นั้น และไม่ต้องแยกจากกันตลอดชีวิต
น่าเสียดาย ์กลับเล่นตลกครั้งใหญ่ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของนางต้องแลกมาด้วยข่าวการฆ่าล้างตระกูลของตระกูลเฉียว ในการแต่งงานครั้งก่อนนางต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างน่าอนาถ และคิดไม่ถึงว่า ในชาตินี้เมื่อได้สวมอาภรณ์มงคลอีกครั้ง นางกลับยังคงแต่งให้คนตระกูลโอวหยางอีก มิหนำซ้ำเขาผู้นั้นยังเป็ถึงน้องชายของโอวหยางเทียนหัว
นางหัวเราะเ็าในใจ หึหึ ์ช่างรู้จักล้อเล่นเสียจริง
ชาติก่อน นางหวังว่าจะสามารถร่วมเป็ร่วมตายกับบุรุษผู้นั้นได้ และช่วยให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวแก่เขา ทว่า ชาตินี้ นางแต่งให้โอวหยางจวินเหยียน เพื่อหยิบยืมฐานะและอำนาจของอีกฝ่ายในการสังหารโอวหยางเทียนหัว
ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าถูกสวมปิด นางก็รู้แล้วว่า เื่ของลู่อวี้ฉิงและลู่เหวินเจิ้นนั้นเป็แค่การอุ่นเครื่อง แต่นับแต่นี้ต่างหากที่การแก้แค้นที่แท้จริงจะได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว ตระกูลโอวหยาง หึหึ คอยดูก็แล้วกัน
โอวหยางจวินเหยียน หวังว่าวันหน้าท่านจะไม่เสียใจในภายหลังที่ชักศึกเข้าบ้าน
ข่าวงานมงคลของหานอ๋องแพร่สะพัดไปทั่วนครหานโจวอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่ตั้งตารอชมเื่สนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ เพราะหานอ๋องผู้ที่รู้จักแต่กินดื่มและหาความสุขใส่ตนผู้นี้ ในตอนนี้กลับสู่ขอหมอหญิงคนหนึ่งมาเป็ชายา ทำให้ขุนนางที่มีใจไม่ภักดีจำนวนไม่น้อยกำลังลอบหัวเราะเยาะหยันหานอ๋องผู้นี้อยู่
คนเ่าั้ล้วนคิดว่าท่านอ๋องผู้นี้ช่างเป็คนที่รู้ข้อบกพร่องตน แต่ไม่คิดแก้ไข ซ้ำยังปล่อยเลยตามเลยโดยไม่แม้แต่จะพยายาม หรือขวนขวายหาหนทางกลับไปยังเมืองหลวง อีกทั้ง ยามนี้ยังมาแต่งงานกับหมอหญิงตระกูลต่ำต้อยที่ไร้อำนาจใดๆ
ถึงกระนั้นหานอ๋องที่เป็เช่นนี้ก็ดีต่อเ้านายที่อยู่เื้ัพวกเขาเป็อย่างยิ่ง
อวิ๋นซีไม่มีทั้งพี่ชาย น้องชาย หรือแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องฝั่งบิดาที่เป็ชาย ดังนั้น อวิ๋นซานจึงได้แต่ขบคิดอยู่ว่าจะให้ใครช่วยแบกอวิ๋นซีออกจากประตูไปดี ทว่า ในตอนที่เขากำลังไร้หนทางอยู่นั้น จวินเหยียนก็เดินเข้ามา ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างกายอวิ๋นซาน แล้วพูดเสียงขรึม “ซีซีไม่มีพี่ชาย ข้าจึงเข้ามา เพื่ออุ้มนางออกไป”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจอวิ๋นซานที่กำลังเบิกตากว้างด้วยความใ แล้วเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของอวิ๋นซี ทันทีที่ซือถูเวยกับเหล่าสาวใช้ รวมถึงเฒ่าสมบูรณ์สุข [1] ที่ฝั่งเ้าบ่าวเป็ผู้เชิญมาได้เห็นเ้าบ่าวของงานเดินเข้ามาถึงด้านในต่างก็พากันรู้สึกแปลกใจ ชายหนุ่มที่ถูกทุกสายตาจับจ้องทำตัวราวกับไม่เห็นความผิดปกติใดๆ และมุ่งหน้าตรงเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของอวิ๋นซี ก่อนจะจ้องมองสตรีในชุดแดงที่คลุมหน้าด้วยผ้าสีแดง “ซีซี ข้ามารับเ้ากลับบ้านแล้ว”
เมื่ออวิ๋นซานที่อยู่นอกประตูได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น อะไรที่เรียกว่ามารับนางกลับบ้าน? หรือว่าโรงหมออวิ๋นซานแห่งนี้จะมิใช่บ้านของอวิ๋นซีแล้ว? เ้าเด็กสารเลวโอวหยางจวินเหยียน ช่างน่าตายนัก ถึงกลับกล้าข่มขู่ให้ตนยอมยกบุตรสาวให้อย่างฉุกละหุก มิหนำซ้ำตอนนี้ยังจะมาพูดจาเช่นนี้อีก
เ้าเด็กน้อยเอ๋ย ระวังไว้ก็แล้วกัน บุตรสาวของเขา อวิ๋นซานผู้นี้ไม่ได้ตบแต่งด้วยได้ง่ายดายเพียงนั้นหรอก รอไปก่อนก็แล้วกัน วันหน้าเ้าจะได้รู้ซึ้งอย่างแน่นอน
อวิ๋นซานและอวิ๋นซีสองพ่อลูกมีกันเพียงสองคน ไม่มีญาติมิตรที่ไหนมากมาย ดังนั้น งานแต่งงานในครั้งนี้จึงถูกจัดอย่างเรียบง่ายยิ่ง ส่วนคนที่มาร่วมสร้างความครื้นเครงก็ล้วนแต่เป็คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับอวิ๋นซาน
เมื่ออวิ๋นซีคารวะอำลาบิดาที่โถงใหญ่เสร็จแล้ว นางก็ถูกจวินเหยียนอุ้มออกไป ทว่าก่อนจะได้ขึ้นเกี้ยวเ้าสาว ชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูนางแล้วพูดเสียงเบา “อาซี เ้าจะไม่เสียใจอย่างแน่นอนที่แต่งให้ข้า”
เมื่อนางได้ยินแล้วก็เป็ต้องชะงักไป และไม่ได้กล่าวตอบแม้ประโยคเดียวก็ขึ้นเกี้ยวเ้าสาวไป แล้วปล่อยม่านลงมา
นอกจากนี้ สินสอดทั้งหมดที่ได้จากจวนอ๋อง อวิ๋นซานยังยกให้บุตรสาวนำติดตัวไปเป็สินเดิม และเมื่อรวมเข้ากับส่วนที่เขาเก็บเตรียมไว้มาหลายปี เพื่อเป็ทรัพย์ให้อวิ๋นซีนำติดตัวไปตอนแต่งงาน ดังนั้น สินเดิมของอวิ๋นซีจึงมิได้ดูน้อยนิดจนเกินไป แต่ก็แน่นอนว่าไม่อาจเทียบได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของสินเดิมสิบลี้เมื่อครั้งที่นางแต่งให้โอวหยางเทียนหัว
หานอ๋องสู่ขอชายา เขาได้เชื้อเชิญเหล่าขุนน้ำขุนนางที่มีหน้ามีตามากมายมาร่วมพิธีแต่งงานของเขา
งานแต่งงานนี้ยืดยาวไปจนสิ้นยามอู่ อวิ๋นซีที่หิวจนดวงตาทั้งสองข้างพร่าเลือน เมื่อถูกส่งตัวมายังห้องหอแล้ว นางก็เปิดผ้าคลุมหน้าออกทันที การกระทำนี้ของนางทำให้สาวใช้รอบกายและสี่เหนี่ยง [2] ถึงกับอึ้งค้างไปตามๆ กัน “พระชายาเพคะ ท่านจะเลิกผ้าคลุมหน้าด้วยตนเองไม่ได้เด็ดขาดเลยนะเพคะ เช่นนี้จะไม่เป็มงคล”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็เหวี่ยงผ้าคลุมหน้าลงไปบนเตียง จากนั้นก็ยืนขึ้นแค่นเสียงเ็า “ไม่เป็มงคลหรือ? เช่นนั้นข้าคงต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่เชื่อเื่เหล่านี้”
นางกวาดตามองเหล่าสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ภายในห้อง จากนั้นก็หัวเราะเ็า “พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ” ตอนนี้นางหิวจะตายอยู่แล้ว หากคนพวกนี้ยังคงเฝ้าอยู่ที่นี่ แล้วนางจะกินได้อย่างไร?
สี่เหนียงและสาวใช้มองหน้ากันไปมาพลางคิดไปว่า เหตุใดพระชายาองค์นี้จึงได้มีนิสัยแปลกประหลาดเยี่ยงนี้ ที่สำคัญพวกนางล้วนถูกสั่งให้มาคอยรับใช้อีกฝ่าย หากตอนนี้องค์ชายยังไม่กลับมา แล้วนางจะให้ทุกคนถอยออกไปได้อย่างไร
“พวกเ้าทั้งหมดออกไปเถอะ” เสียงเย็นๆ สายหนึ่งดังลอดเข้ามาจากด้านนอก ก่อนที่ชายสวมชุดแดงคนหนึ่งจะเดินเข้ามา
สาวใช้และสี่เหนี่ยงพากับยอบกายคารวะ แล้วล่าถอยออกไป
อวิ๋นซีตวัดสายตามองจวินเหยียนไปทีหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร และเริ่มกินของที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งล้วนเป็ของว่างที่ห้องครัวตระเตรียมไว้ให้ หากเป็ในยามปกติ นางไม่ค่อยชอบกินของเหล่านี้มากนัก แต่ว่าในวันนี้นางหิวจริงๆ
“ข้าบอกให้คนครัวส่งอาหารเข้ามาแล้ว” เขานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม และได้เห็นนางกินขนมคำโตคำแล้วคำเล่า จากนั้นก็ดื่มน้ำตามเข้าไปอึกใหญ่ ทำให้เขาอดเตือนนางไม่ได้ว่า อีกเดี๋ยวก็จะได้กินข้าวแล้ว
ก่อนจะมาเจออวิ๋นซี สตรีที่เขาเคยพบพานมาก่อนในยามกินข้าวล้วนเสแสร้งทำท่าทางแช่มช้อยอ่อนหวานที่แค่เห็นก็ชวนให้เขารู้สึกพะอืดพะอม กระทั่งได้มารู้จักอวิ๋นซี เขาถึงได้รู้ว่าสิ่งใดกันที่เรียกว่าจริงเท็จ
อวิ๋นซีเป็สตรีที่สามารถกินเนื้อเข้าไปคำโต หรือซดน้ำแกงคำใหญ่ๆ ได้ โดยไม่คิดรักษาภาพพจน์ของตนเองแม้แต่น้อย นางสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ และเป็อิสระตามแต่ที่ตนพึงใจ ซึ่งนี่ก็ถือเป็สิ่งที่เขาปรารถนามาโดยตลอด แต่ก็ไม่อาจได้รับ
เพราะตนไม่อาจได้รับ ดังนั้น เขาจึงชอบมองด้านที่จริงแท้เช่นนี้ของนาง อย่างน้อยๆ นางก็เปรียบเสมือนเป็เครื่องเตือนใจที่ทำให้เขาได้ระลึกไว้ว่า อย่าได้สูญเสียตัวตนไปเพียงเพราะเื่ราวในใจเ่าั้
“เหตุใดจึงมาช้าเพียงนี้” นางอดบ่นออกมาไม่ได้ และคงมีเพียง์เท่านั้นที่รู้ว่า ยามนี้นางหิวเพียงใด แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าจะมีคนยกสำรับคาวมาให้แล้ว หลังจากที่กินขนมหมดไปหนึ่งชิ้น นางก็หยุดมือทันที “ท่านช่วยไปเร่งเขาให้ข้าหน่อยเถิด”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง เขาก็หัวเราะพรืดออกมา
อวิ๋นซีไม่พอใจ จึงถามเสียงขรึม “ท่านหัวเราะอันใด? ” หรือว่าหมอนี่กำลังขบขันที่นางกินไม่เรียบร้อย? แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็ได้แต่มองเขาไปทีหนึ่ง คนหิวจะแย่อยู่แล้ว ในเวลาเช่นนี้จะมีใครมาสนใจอีกว่ากิริยาท่าทางการกินของตนยังจะดูเรียบร้อยดีอยู่หรือไม่?
———————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เฒ่าสมบูรณ์สุข(全福老人)หมายถึง คนที่มีความสุขสมบูรณ์ในทุกด้าน พี่ พ่อแม่ ลูกพี่ลูกน้องทั้งชายหญิงต่างรักใคร่ปรองดอง สามีภรรยารักใคร่กันดี
[2] สี่เหนี่ยง(喜娘)คือ สตรีที่บ้านเ้าบ่าวจะเชิญมาช่วยแนะนำขั้นตอนในพิธีต่างๆ แก่บ่าวสาว ซึ่งเป็คนที่รู้ในธรรมเนียมเป็อย่างดี และรู้จักพูดจา