คุณหนูทั้งหลายต่างไม่รู้เลยว่าการทดสอบในวันนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันหรือการล้อเล่นแต่เป็บททดสอบใหญ่ครั้งแรกที่เมื่อสิ้นสุดงานเลี้ยงที่ยากจะลืมนี้พวกนางจะกลายเป็แขกประจำจนได้ชื่อว่าเป็คนสนิทของเสิ่นกุ้ยเฟยและเมื่อถึงวันนั้นพวกนางจะกลายเป็หมากก้าวแรกของเสิ่นกุ้ยเฟย
ส่วนเหยียนหลิงอวี๋รู้นิสัยของเสิ่นกุ้ยเฟยเป็อย่างดีเขารู้ว่าถ้าใครกลายเป็หมากของนางแล้วก็จะไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีกพูดได้ว่าต่อให้ตายไปเป็ศพก็ยังคงเป็หมากตัวหนึ่งของนางอยู่ดี!
สายตาที่เ็าของเหยียนหลิงอวี๋มองไปยังคุณหนูที่บอบบางเ่าั้พลางเบะปากสั่งการให้บ่าวรับใช้ตำหนักติ้งกั๋วกงไปรอที่ทางออกไม่ว่าใครออกมาเป็คนแรกจะต้องปรนนิบัติให้ดี!
ในความมืดมิดภายในห้องเต็มไปด้วยควัน คุณหนูเ่าั้ต่างหมอบอยู่ที่พื้นใช้ผ้าปิดจมูกหายใจอย่างยากลำบาก ต้วนชิงิคลานนำไปด้านหน้าไม่นานก็จับถูกมือและขาของพวกนาง มีคนพูดด่าด้วยความโกรธขึ้นมา “เ้าเป็ใคร ไม่มีตาดูหรือว่าเ้ากำลังคลำอะไรอยู่?”
“จะไปตายที่ไหนก็ไป อย่ามาแตะตัวข้า!”
……
ต้วนชิงิรีบพูดเสียงเบา “ขอโทษด้วยๆ ของข้าหล่นหายกำลังหาอยู่!”
มีคนแอบเอาเท้าถีบไปที่นางพูดโกรธๆ“หาของอะไร ใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังมัวแต่สนใจของนอกกายอีก?”
ต้วนชิงิเบะปากในความมืดทว่าไม่พูดอะไรออกมา นางคลานต่อไปข้างหน้าที่มีกลุ่มควันหนาทึบและคุณหนูที่ไออย่างรุนแรงต้วนชิงิใช้มืออีกข้างบีบจมูก ในที่สุดก็จับแท่นบูชาจนเจอนี่เป็เหตุผลว่าทำไมนางเข้าห้องมาจึงต้องมองทิศทางเวลานี้แม้จะเปลืองแรงไปบ้างแต่ก็ถือว่าหาทางได้ถูกต้อง!
แท่นบูชาทั้งสี่ทิศไม่มีใครเข้าใกล้ดูจากปีที่เคารพและของที่ถวาย เทพเ้าคงไม่อาจคุ้มครองได้ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ทุกคนต่างคลุ้มคลั่ง ถ้าเกิดทำอะไรไม่ถูกท่านเทพอาจโกรธได้แม้จะโกลาหลอยู่แต่ทุกคนต่างอยู่ห่างจากแท่นบูชา
ต้วนชิงิมาถึงด้านข้างของแท่นบูชาโดยให้ซือหลัวและเชวียหนิงหรานยืนพิงให้ดีส่วนนางยื่นมือไปคลำทั้งสี่ด้าน แต่แท่นบูชาด้านล่างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอิฐนั้นล้วนแต่ทำอย่างแข็งแรงไม่มีที่ท่าจะขยับหมุนได้เลย !
ต้วนชิงิคิดอยู่ครู่จึงหันไปมองคลำที่ฐาน้าของแท่นบูชา
เ้าแม่กวนอิมที่มีเมตตามือด้านหนึ่งทรงธรรมจักร อีกมือถือแจกันบรรจุน้ำทิพย์และกิ่งหลิว… ไม่ต่างกับเ้าแม่กวนอิมองค์อื่นๆ
ต้วนชิงิค่อยๆคลำต่อไป แต่ก็ไม่พบไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
อากาศในปอดที่ใกล้จะหมดนางจึงรีบฟุบลงมาจมูกเกือบติดพื้นถึงจะสูดอากาศที่มีควันผสมอยู่เพียงน้อยนิด
ผ่านไปครู่เดียวนางจึงลุกขึ้นมาคลำไปที่เ้าแม่กวนอิมไปทั่วอีกครั้งจู่ๆ ก็คลำไปเจอมือเล็กๆ อีกฝ่ายใถามเสียงทุ้มต่ำ “เ้าเป็ใคร?”
ต้วนชิงิกลับไม่ตอบเสียงต่ำนั้นจึงพูดว่า “ทุกคนใกล้จะไม่ไหวแล้วรีบหาเสียว่ามีทางไหนจะออกไปได้!”
คุณหนูผู้นั้นบ่นพึมพำเสียงค่อนข้างเบา “ข้าคลำหมดทั้งสี่ด้านแล้วก็หาไม่เจอ”
ต้วนชิงิพูด “ควันหนาไปหมด อย่างนั้นเ้ากับข้ามาสลับที่กันเ้าคลำเจออะไรที่สามารถขยับได้ไหม?”
สองคนนั้นพูดเสียงเบาที่สุดท่ามกลางเสียงการสาปแช่งต่อว่าในเสียงไอที่รุนแรงคุณหนูผู้นั้นได้ยินจึงพูดเสียงเบา “แจกัน…ในมือของเ้าแม่กวนอิม”
ต้วนชิงิหัวใจพองฟูขึ้นมาด้วยความดีใจ“ต้องเป็ที่นั่นเป็แน่”
พูดเสร็จจึงหันไปทางตำแหน่งที่แจกันตั้งอยู่แจกันนั้นสามารถหมุนได้ตามคาด นางออกแรงดึง ไม่นานแท่นหินบูชาก็ขยับออกปรากฏว่ามีประตูบานหนึ่งเปิดออกอย่างเงียบๆพลันมีลมบริสุทธิ์พัดเข้ามาจากด้านหลังประตู เมื่อต้วนชิงิสูดอากาศเข้าไป ไม่มีกลิ่นควันปลอมปนเข้าไปใช่แล้ว! อากาศบริสุทธิ์เช่นนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็ทางออกไปสู่ข้างนอก
เมื่อเห็นทางออกเปิดขึ้นซือหลัวที่อยู่ด้านล่างร้องดีใจด้วยความลืมตัวขึ้นมา “ชิงิ เ้าดูสิ…”
ไม่รู้ว่าอีกฝั่งเป็ที่ไหนกลับมีแสงที่คลุมเครือกะพริบออกมาจากนั้นแสงก็ได้ลอดผ่านเข้ามาในห้อง แม้แสงดูคลุมเครือไม่สว่างแต่สำหรับห้องที่มืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถเห็นว่าประตูอีกฝั่งมีแสง!
ที่แท้ประตูนี้อยู่ด้านล่างขององค์เ้าแม่กวนอิมกลไกคือขวดแจกันในพระหัตถ์นั่นเอง!
ต้วนชิงิถอนหายใจออกมาเบาๆพลางทิ้งตัวนั่งแผ่ลงไปกับพื้น เสียงร้องของซือหลัวทำให้คุณหนูในห้องหันมามองมีคนที่กำลังไอถามขึ้นมาว่า “หาประตูเจอแล้วหรือพวกเราก็ออกไปได้แล้วใช่ไหม?”
ต้วนชิงิออกแรงบีบซือหลัวนางจึงรีบพูดแก้ไปว่า “ข้าพูดว่าต้วนชิงิ…เ้ามาเหยียบเท้าข้าแล้ว” หลังจากที่เสียงพูดจบลงก็ไม่มีเสียงใครพูดออกมาอีกเลย
คุณหนูผู้นั้นครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงพูด “เ้าเป็คนพบก่อน เ้าออกไปก่อนแล้วกัน”
ต้วนชิงิส่ายหัว “ไม่ ขาของข้าได้รับาเ็ อย่างนั้นเ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะตามหลังเ้าไป! “
คุณหนูผู้นั้นได้ยินแล้วตอบกลับมาเสียงเบา “ได้ เช่นนั้นข้าจะออกไปรอรับพวกเ้าด้านนอก…”
เมื่อพูดจบคุณหนูผู้นั้นก็ใช้ดินขว้างออกไปที่ประตูเล็ก จากนั้นค่อยเดินออกไป
ซือหลัวและเชวียหนิงหรานเมื่อเห็นต้วนชิงิให้คุณหนูผู้นั้นไปก่อนจึงรีบดึงมือต้วนชิงิอย่างรีบร้อน ความหมายคือทำไมไม่เป็พวกเราที่ออกไปก่อน? จะเอาโอกาสแบบนี้ให้คนอื่นทำไม?
ต้วนชิงิพูดเสียงเบา “พวกเ้าเชื่อข้าหรือไม่?”
พวกนางจับมือต้วนชิงิไว้แน่นความรู้สึกนั้นแสดงถึงความเชื่อใจ “เช่นนั้นให้พวกนางออกไปก่อนพวกเราค่อยตามหลังออกไป”
พูดไปก็ไอออกมาอย่างรุนแรง
ซือหลัวร้อนรนจนใจจะขาดคนในห้องนี้สำลักควันจนจะเป็ลมหมดแล้ว แต่ต้วนชิงิก็ยังยอมให้คนอื่นไปก่อนพวกนางไม่เข้าใจในจุดนี้
ต้วนชิงิค่อยๆลากคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเอามือปิดปาก ให้เดินไปที่ทางออกทำเช่นนี้จนออกไปคนที่สามและสี่ นางจึงลากซือหลัวให้ออกไปได้แล้วค่อยเป็เชวียหนิงหรานต่อเมื่อเห็นต้วนชิงิอยู่ด้านหลังจึงเกิดความเป็ห่วงเหมือนอยากจะพูดอะไร “รีบออกไปก่อน เื่อื่นค่อยว่ากัน” ต้วนชิงิขัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เชวียหนิงหรานพยักหน้าตอบรับจากนั้นเดินออกมาจากประตูเล็กบานนั้น
เมื่อเห็นเชวียหนิงหรานออกไปแล้วนางที่ตามหลังอยู่นั้นสูดลมหายใจ พูดเสียงดัง “ทุกคนฟังข้าตรงนี้มีประตูทางออก ตอนนี้ขอให้ทุกคนตามข้าออกมาทีละคน”
เมื่อได้ยินเสียงของต้วนชิงิคุณหนูเ่าั้แต่ละคนวิ่งทะลักออกมา พูดด้วยเสียงรีบร้อนเป็ที่สุด “ให้ข้าออกไปก่อน หลีกไปๆ”
“ให้ข้าไปก่อนๆ ถ้าเ้ามาแย่งข้า ข้าจะให้ท่านพ่อฆ่าเ้า”
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว ให้ข้าออกไปๆ”
……
ท่ามกลางความวุ่นวายของคุณหนูนางจึงถือโอกาสรีบออกจากประตูเล็กนั้น จากนั้นจึงรีบปีนขึ้นไปปากทางออก
ทางออกนั้นมีคุณหนูหกคนรวมซือหลัวเชวียหนิงหราน เมื่อเห็นต้วนชิงิออกมา ทั้งสองคนรีบเข้าไปช่วยนางขึ้นมา
ในเวลานี้อยู่ๆก็มีมือหนึ่งตบเบาๆ ตรงไหล่ของต้วนชิงินางจึงหันหลังกลับไปดูก็พบคุณหนูที่สายตายังคงสดใสแต่เสื้อผ้ากลับเปรอะเปื้อนนิดหน่อย
คุณหนูผู้นั้นมองต้วนชิงิพูดเสียงเบา “ขอบคุณเ้า”
ต้วนชิงิขยับริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยพูดเสียงเบาตอบ “เช่นกัน”
เชวียหนิงหรานจับมือต้วนชิงิไว้ตลอดเมื่อเห็นหน้านางที่เปื้อนฝุ่น เสื้อผ้าสีขาวเปรอะไปด้วยสีดำส่วนหนึ่งสีเหลืองส่วนหนึ่ง อดพูดอย่างสงสารไม่ได้ “ชิงิเ้าไม่เป็ไรใช่หรือไหม?” ต้วนชิงิพยักหน้ารับ ยังไม่ทันได้พูดอะไรซือหลัวก็รีบวิ่งเข้ามาจับมือนางอย่างเร็ว
“ชิงิ ข้าเป็ห่วงเ้าจะตายอยู่แล้ว ทำไมให้พวกเราออกมาก่อน ส่วนเ้า...”