เสิ่นกุ้ยเฟยก็แค่กุ้ยเฟยยังมีไทเฮาและฮองเฮาอีกชาติที่แล้วต้วนชิงิก็พอจะได้ยินมาบ้างว่าวังหลังมีแต่ความระแวงระวังไม่เชื่อใจกันยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้ว่าเื่ในวันนี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พูดง่ายๆคือสามารถทำเื่ใหญ่เป็เื่เล็กและทำเื่เล็กเป็เื่ใหญ่ได้เพราะคุณหนูในห้องนี้ไม่ใช่ธรรมดาสักคน หากไทเฮาและฮองเฮาหาโอกาสแก้แค้นคิดลงโทษเสิ่นกุ้ยเฟยแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะพูดเก่งแค่ไหน อย่างไรก็คงไม่รอดทว่ามีเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยนางให้รอดพ้นได้ไม่ว่าเื่อะไรก็จะไม่มีใครกล้าขัดยิ่งไปกว่านั้นนางเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าตอนนี้คนคนนั้นนั่งอยู่ข้างเสิ่นกุ้ยเฟยแน่นอน!
เมื่อคิดถึงคนผู้นั้นต้วนชิงิก็พลันใขึ้นมา
นางเข้าใจแล้วว่าเหตุผลแท้จริงที่เสิ่นกุ้ยเฟยเล่นจัดงานเลี้ยงวันนี้แล้วนำคุณหนูทั้งหลายมารวมไว้ที่เดียวกันแล้วทดสอบโดยใช้ไหวพริบปฏิภาณใครที่ทำได้เข้าตานางหลังจากนี้คงได้เจออะไรที่แตกต่างจากคนอื่น
โดยปีหน้าเมื่อเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิก็จะถึงเวลาเลือกนางกำนัลในรอบสามปีแล้วทำไมนางจะไม่ใช้งานในวันนี้เพื่อค้นหาคนที่มีความสามารถ? ถ้าใครได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ถูกเรียกตัวเข้าวังรวมทั้งมีการผลักดันจากเสิ่นกุ้ยเฟยเช่นนั้นชีวิตจะร่ำรวยสุขสบายอย่างน้อยสำหรับหญิงสาวที่ยังเยาว์วัยจะมีคนพึ่งพาได้ในวังสุดท้ายจะกลายเป็หมากตัวหนึ่งของเสิ่นกุ้ยเฟยโดยปริยาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจของต้วนชิงิเย็นเยียบขึ้นมาเสิ่นกุ้ยเฟยผู้นี้คิดแผนการอย่างแยบยล ที่แท้เพื่อหาหมากให้ตัวเอง? เช่นนั้นแต่ละก้าวต่อไปหลังจากนี้นางจะต้องระวังให้มากไม่สามารถทำตัวเด่นหรืออ่อนแอจนผิดสังเกตเล่ห์เหลี่ยมของเด็กสาวคงไม่สามารถตบตาเสิ่นกุ้ยเฟยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวังหลังได้!
ส่วนซือหลัวนั้นน่าจะออกมาจากในวังดังนั้นนางไม่เพียงแต่ไม่ลนลาน กลับยังมีท่าทางที่มั่นใจ
พริบตาเดียวต้วนชิงิจับมือเชวียหนิงหรานไว้แน่นรู้สึกว่านิสัยของเชวียหนิงหรานคล้ายกับนางแม้ท่าทางจะไม่คล้ายกับคนที่อยู่ในวังมาก่อน แต่อย่างไรเสียนางก็ต้องระวังไว้ด้วย
คุณหนูทั้งหลายที่อยู่ในห้องต่างด่าทอด้วยความโกรธตอนที่ร้องไห้นั้น ด้านนอกมีชายหนุ่มคนหนึ่งยื่นอายุราวสิบสามปีผมยาวถึงเอวถูกมัดไว้ เมื่อดึงผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาใต้คิ้วคู่นั้นมีดวงตาสีน้ำเงินให้ความรู้สึกหนาวเหน็บทว่างดงามจนไม่อาจละสายตาได้จมูกโด่งเป็สัน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ท่าทางที่สง่างามทำให้คนทั้งเมืองต่างลุ่มหลง
ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงที่อวลไปด้วยสายหมอกทั่วทิศเสื้อคลุมสีขาวพลิ้วไหวไปตามลมเหมือนเทพเซียนลงมาจุติ สูงส่งเ็าไม่รู้ว่าเป็เทพเซียนหรือปีศาจ สายตาของเขาเย็นเฉียบไม่เหมือนกับมนุษย์โลกเพียงปรายตามองไปที่ไหนก็แทบทำให้พื้นที่จับตัวเป็น้ำแข็งไปหมด
ชายคนนั้นในเวลานี้มองไปที่ควันที่ลอยเข้าไปเต็มห้องใบหน้าที่หล่อเหลากลับมีรอยยิ้มที่เชือดเฉือนเยือกเย็น “พวกเ้าฟังข้าให้ดี คำพูดด้านในต้องจดออกมาอย่าให้ขาดหายแม้แต่คำเดียวได้ยินหรือไม่?”
ข่าวรับใช้ตอบรับเสียงเบาข่าวรับใช้อีกจำนวนหนึ่งใช้พัดช่วยกันพัดฟางที่ไหม้ให้ควันเข้าไปในห้องจากด้านนอกพัดไปถามไป “องค์ชายสาม ได้หรือยังขอรับ?”
เหยียนหลิ่งอวี๋หรือที่ถูกเรียกว่า ‘องค์ชายสาม’ มองเข้าไปในห้องที่มีเสียงร้องระงมพูดอย่างเ็า “ข้าให้เ้าหยุดแล้วหรือ?”
ข่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังไม่ได้พูดอะไรอีกส่วนคนที่กำลังพัดอยู่ทำได้เพียงใช้แรงพัดให้มากขึ้นกลัวว่าจะใช้แรงไม่พอและโดนองค์ชายด่าว่า!
เหยียนหลิงรุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหยียนหลิงอวี๋มองไปยังห้องนั้นด้วยสายตาที่จนปัญญา
ข่าวรับใช้เหล่านี้พัดอย่างสุดกำลังบางส่วนก็เพิ่มฟางทำให้ควันลอยเข้าไปเต็มห้อง เสียงไอในห้องดังเหมือนจะขาดใจเหยียนหลิงรุ่ยพูดอย่างเป็กังวลว่า “น้องสามพี่ว่าพอสมควรแล้ว… เ้าต้องจำไว้ว่าคุณหนูเหล่านี้เป็ตระกูลผู้ดีในเมืองหลวงหากทำอะไรเกินไป ข้าว่าจะรายงานต่อฝ่าากับกุ้ยเฟยได้ลำบาก!”
เหยียนหลิงรุ่ยปีนี้อายุราวสิบห้าความหล่อเหลาของเขาแตกต่างจากเหยียนหลิ่งอวี๋ เขามีความสง่างาม สุภาพ อ่อนโยนและท่าทางที่ไม่เหมือนผู้ใด ใบหน้าของเขาคล้ายคลึงกับเสิ่นกุ้ยเฟยอย่างมากคิ้วดกดำ ดวงตาลึก จมูกโด่งเป็สัน ความเป็ลูกผู้ชายเต็มตัวยามเมื่ออยู่ที่ตลาดน่าวซื่อก็ยังเป็ที่จับตามองของคนทั่วไป
แต่เหยียนหลิงอวี๋ไม่ค่อยลงรอยกับเหยียนหลิงรุ่ยเมื่อได้ยินคำพูดแทรกมาเขาจึงหัวเราะเ็า “ไม่เสียแรงที่พี่รองเป็แบบอย่างที่ดีแค่นี้ก็เห็นใจพวกนางแล้ว? หรือจะเข้าไปช่วยเปิดประตูให้พวกนางออกมาจากนั้นกลับไปบอกเสด็จแม่ว่าท่านเป็วีรบุรุษช่วยหญิงงาม?”
คำพูดเหยียนหลิงอวี๋เสียดสีอย่างมากเหยียนหลิงรุ่ยได้ฟังก็โกรธเคืองเดือดดาล แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเขาได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจจากนั้นหัวเราะเยาะ “ข้าเกือบลืมไปเื่นี้ท่านแม่ให้เ้าเป็คนจัดการ เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้น้องสามเสียเวลาข้าจะรีบไปหาเสด็จแม่ก่อน!”
พูดจบพลันหันหลังกลับไปทันที!
เหยียนหลิงอวี๋มองตามหลังของเหยียนหลิงรุ่ยพลางขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เหอะ! อย่าคิดว่าเสิ่นกุ้ยเฟยวางแผนการอะไรแล้วข้าจะไม่รู้ลูกของนางอย่างไรก็เป็คนดีเสมอ ไม่ว่าจะล่วงเกินใคร... ก็มีแต่ข้าั้แ่เล็กจนโตต้องคอยมารับแทนเ้าตลอด!
เสียงภายในห้องค่อยๆเงียบลง เหยียนหลิงอวี๋พลันได้ยินประโยคหนึ่งพูดออกมา “ทุกคนย่อตัวลงที่พื้น ใช้ผ้าปิดจมูก รีบเอาหน้าฟุบลงไปกับพื้น!” เสียงนั้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน คล้ายเสียงของหญิงสาวที่อ่อนโยนทว่าน้ำเสียงกลับไม่มีความสะทกสะท้าน ทำให้คนที่ฟังยากจะลืมได้
เหยียนหลิงอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย...ใครที่กำลังพูดอยู่ ?
ในห้องที่เต็มไปด้วยคุณหนูที่กำลังร้องห่มร้องไห้กลับมีคนที่ไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ด้วยหรือ ทั้งยังสอนให้ทุกคนทำตาม? พูดได้ว่าคุณหนูผู้นี้ไม่ธรรมดาเสียจริง!
เหยียนหลิงอวี๋รู้สึกว่างานที่แสนน่าเบื่อนี้กลับสนุกขึ้นมาแล้วเขาเชื่อว่าอีกไม่นานคุณหนูผู้นี้จะต้องออกมาเป็คนแรก!
แม้ว่าคุณหนูที่ออกมาได้คนแรกชะตาชีวิตนางจะต้องหนีไม่พ้นกลายเป็หมากตัวต่อไปของเสิ่นกุ้ยเฟยแต่เหยียนหลิงอวี๋ก็อยากรู้จริงๆ ว่าจะเป็ใคร!
เหยียนหลิงอวี้โบกมือเบาๆ “พอได้แล้ว หยุดพัด”
คำพูดเหยียนหลิงอวี๋ที่สั่งให้หยุดพัดนั้น บ่าวรับใช้ทุกคนในตำหนักติ้งกั๋วกงต่างมองหน้าช่วยบีบนวดแขนที่ปวดเมื่อยให้กันและกัน องค์ชายท่านนี้ยอมให้พวกเราหยุดพัดแล้วนั้นหมายถึงยอมปล่อยพวกเขาแล้ว... ฮือๆติดตามรับใช้งานองค์ชายสามช่างเป็งานที่ลำบากเสียจริงนับจากนี้ไปพวกเขาจะไม่ยอมจะทำงานที่ลำบากเช่นนี้อีกแล้ว!
เหยียนหลิงอวี๋สั่งให้บ่าวรับใช้เอาฟางออกมาจากนั้นเดินไปอีกฝั่งของห้อง
ถ้าเป็ไปตามที่ต้วนชิงิคาดการณ์ในห้องนี้จะต้องมีกลไกบางอย่างถ้าใครสามารถปลดกลไกและออกไปเป็คนแรกคงได้รับการเอ็นดูจากเสิ่นกุ้ยเฟยแต่สำหรับเหยียนหลิงอวี๋ที่คุ้นเคยกับนิสัยของเสิ่นกุ้ยเฟยเป็อย่างดีทราบว่าสิ่งที่เรียกว่าความเอ็นดูไม่ว่ากับใครจะต้องไม่ใช่แค่เื่นี้เป็แน่…ก็แค่นั้น!
เหอะๆเชื่อว่าความจริงเื้ัเหล่านี้คุณหนูทั้งหลายที่ไออย่างทรมานในห้องนั้นจะไม่มีวันได้รู้!