ต้วนชิงิใรีบพูดขัดซือหลัว “ซือหลัว อย่าพูดเลอะเทอะ!”
นางใคร่ครวญอยู่นานจึงยอมทิ้งการออกมาเป็คนแรกเลือกที่จะออกมาเป็คนที่หกเพราะไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงในวังหลัง เมื่อเห็นแล้วว่าทุกอย่างไปได้ด้วยดีนางจึงไม่อยากให้ซือหลัวพูดความจริงออกไปถ้าเกิดคนรอบข้างรู้จะกลายเป็เป้าของทุกคน
นางไม่้าให้เป็เช่นนั้น!
ต้วนชิงิมองซือหลัวด้วยสายตาจริงจังให้เข้าใจสิ่งที่นาง้า ซือหลัวได้แต่อ้าปากค้าง ไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้พลางถอยหลังไปสองก้าวกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมากลับได้ยินเสียงแม่นมของติ้งกั๋วกงที่กำลังเดินไปหาหญิงสาวที่ออกมาคนแรกพูดออกมาอย่างสนิทสนมม “คุณหนูหร่วนเชิญตามพวกบ่าวมาเ้าค่ะ”
เมื่อต้วนชิงิหันหลังไปมองก็ทราบได้ว่าคนที่ออกมาคนแรกนั้นเป็คุณหนูผู้นั้นถ้าเป็ไปตามที่เหยียนหลิงอวี๋กำชับไว้ นางเป็คนแรกที่ออกมานั่นหมายความว่าเป็แขกทรงเกียรติของเสิ่นกุ้ยเฟย
ต้วนชิงิถอนหายใจเบาๆโชคดีเสียจริงที่นางทายถูก
เมื่อคุณหนูคนแรกเดินไปแล้วก็มีแม่นมอีกคนมารับคุณหนูที่ออกเป็คนที่สองและสามตามลำดับ “คุณหนูทั้งสอง เชิญตามบ่าวมาเ้าค่ะ”
หลังจากที่คุณหนูทั้งสามจากไปคนที่เหลือยืนงงอยู่ที่เดิมมีคุณหนูบางคนรู้สึกว่าเป็การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันแต่ละคนจึงได้แต่อิจฉาตาร้อน
ทำไมกัน? พวกเราทุกคนต่างออกมาเหมือนกัน ทำไมต้องปฏิบัติต่อพวกนั้นเป็พิเศษด้วย?
เมื่อเห็นคุณหนูผู้นั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยบ่าวที่เดินตามไปซือหลัวที่มองตามไปเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างจึงพูดเสียงเบา “ชิงิ คนที่ออกมาเป็คนแรกจะได้เป็แขกผู้ทรงเกียรติของเสิ่นกุ้ยเฟยแต่คนคนนั้นที่จริงแล้วควรเป็เ้า”
ต้วนชิงิยิ้มเล็กน้อย “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราไปช่วยคนอื่นออกมากันเถอะ”
พูดจบจึงหันไปยังทางออกเพื่อช่วยคุณหนูขึ้นมาทีละคน
วิธีการทั้งหมดของต้วนชิงินอกจากคุณหนูหร่วนซือหลัว และเชวียหนิงหราน ก็ไม่มีใครให้ความสนใจแต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือเหยียนหลิงอวี๋ที่เงียบมาโดยตลอด เขายืนอยู่ด้านข้างใช้สายตาที่เฉียบแหลมจ้องไปที่ต้วนชิงิภายใต้ดวงตาคู่นั้นกลับไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่!
เมื่อครู่พอต้วนชิงิเปิดปากเขาก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวที่พูดในห้องให้ทุกคนหมอบลงกับพื้นจากนั้นให้เอาเสื้อมาปิดจมูกก็คือนางนี่เอง !
ในใจของเหยียนหลิงอวี๋หญิงสาวที่เฉลียวฉลาดและนิ่งสงบเมื่ออยู่ในอันตราย ควรจะเป็นางที่ออกมาคนแรกแต่สิ่งที่เหยียนหลิงอวี๋ประหลาดใจคือต้วนชิงิคนนี้ออกมาคนกลางๆนับไปนับมาเป็คนที่หกพอดี!
เหยียนหลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจในห้องมีทั้งหมดสิบสองคน ต้วนชิงิออกมาเป็คนตรงกลางพอดีไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเป็เื่บังเอิญ?
เขาหรี่ตาลงมองแล้วมองอีกไปที่ต้วนชิงิ จากนั้นก็หันหลังกลับมองหญิงสาวที่น่าสงสารบ้างผมเผ้ากระเซอะกระเซิง บ้างใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตาฉับพลันเหมือนเขาจะคิดอะไรได้จึงพยักหน้าอยู่หลายที!
บนตัวของต้วนชิงิกลับยังสะอาดสะอ้านจนน่าประหลาดใจนอกจากจมูก เสื้อผ้า และมือสองข้างที่เปื้อนฝุ่นเล็กน้อยที่เหลือกลับไม่เปรอะเปื้อนอะไรเลย แม้แต่ผมที่เกล้าใน่เช้าก็ไม่ได้ยุ่งเหยิงหลังจากที่ออกมาได้ก็ยิ้มจางๆ ไม่มีอารมณ์ใกลัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตอนที่อยู่ในห้องมืดนางเป็คนที่นิ่งสงบที่สุดเหมือนตอนนี้ที่ไม่แสดงอะไรออกมา!
แต่อารมณ์ของหญิงสาวอีกกลุ่มน่าสนใจมากกว่ามีทั้งร้องไห้ หัวเราะ อ้อนวอนฟ้าดิน กระทั่งเรียกหาบิดามารดา!ทั้งหมดเป็แค่เด็กสิบกว่าขวบ แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนเป็อย่างดี แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ความเป็ความตายอันตราย และความกลัว สิ่งที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีกลับอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น!
เมื่อมองบนตัวของหญิงสาวเหล่านี้ก็ยิ่งน่าสนใจ มีทั้งถูกเหยียบ คลานไปกับพื้น และอีกหลายคนที่เช็ดแผลถลอกตามตัวช่างน่าสงสารเสียจริง เหยียนหลิงอวี๋มองไปที่พวกนางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น!
แท้จริงแล้วคำตอบง่ายที่สุดในห้องที่เต็มไปด้วยควันหญิงสาวเ่าั้จะร้องไห้และยื้อแย่งกันจนทำให้สกปรกเลอะเทอะถ้าเกิดใช้แรงที่มากควรเป็ผมที่ยุ่งรุงรัง แต่จะไม่ใช่มือเด็ดขาดดังนั้นในความมืดการใช้มือคลำหาคนกับกลไก มือจะต้องสกปรกแต่จากคุณหนูหร่วนที่ออกมาเป็คนแรกแล้ว มือของคุณหนูคนอื่นๆ ล้วนสะอาดกันหมดหลังจากที่คุณหนูหร่วนออกมานางยังคงมองไปที่ประตูทางออกเหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่จนกระทั่งต้วนชิงิเดินออกมานาจึงแสดงออกถึงความโล่งใจ
เหยียนหลิงอวี๋ยิ้มเย้ยขึ้นมาต้วนชิงิคนนี้หลักแหลมที่สุด นางหากลไกเจอแต่กลับให้คนอื่นออกมาก่อนจากนั้นค่อยออกมาคนกลางๆ แล้วค่อยเรียกให้คนที่อยู่ด้านหลังตามออกมาทำให้สถานการณ์วุ่นวายจึงไม่มีใครสนใจนาง
แต่น่าเสียดายที่เหยียนหลิงอวี๋สังเกตเห็นนางเสียแล้วสาเหตุนั้นไม่เพียงแต่พฤติกรรมสีหน้าสงบนิ่งที่แตกต่างทว่านางยังมีของที่เขาอยากได้แต่ยังไม่ได้มาอยู่อีกด้วย
ต้วนชิงิข้าจำเ้าได้แล้ว!
ขณะที่ต้วนชิงิกำลังช่วยเชวียหนิงหรานดึงคุณหนูที่เหลือขึ้นมาทันใดนั้นนางรู้สึกถึงสายตาที่แหลมคมปักมาที่หลังของนาง
นางจึงเงยหน้าขึ้นพบเพียงใบหน้าเหยียนหลิงอวี๋ที่หล่อเหลาแต่แฝงไปด้วยความเ้าเล่ห์่เสี้ยววินาทีที่สายตาทั้งคู่กันต้วนชิงิก็เหงื่อท่วมตัวประหนึ่งว่าเขาอ่านใจนางได้!
เหยียนหลิงอวี๋เห็นสายตาวาววับเปล่งประกายของต้วนชิงิเขาไม่ได้หลบเลี่ยงแต่กลับยิ้มหวานหยาดเยิ้ม นางพอจะเข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้นจึงละสายตาไปทางอื่นไม่กล้าจะสบตาเขาอีก
ชายหนุ่มคนนี้แม้จะหล่อปานเทพบุตรแต่สายตาของเขากลับเ็าเหมือนหิมะอันหนาวเหน็บขอเพียงมองเข้าไปลึกถึงก้นบึ้งจะเห็นจิตใจแท้จริงที่เ็าและเหี้ยมโหด!
ตอนนี้สมองนางสรุปอย่างรวดเร็วว่าเหยียนหลิงอวี๋คนนี้ยุ่งไม่ได้!
ถ้ายุ่งไม่ได้นั้นอีกวิธีหนึ่งก็คือ ‘หลบซ่อนตัว’
เหยียนหลิงอวี๋ค่อยๆเดินมาจากด้านหลัง คุณหนูที่เหลืออยู่เก้าคนที่เดินออกมาแล้วเขาจึงก้าวออกมาหนึ่งก้าว มองไปยังคุณหนูที่ต่างร้องไห้ ยิ้มออกมาเล็กน้อยพูดอย่างดูดี “คุณหนูทุกท่าน เสิ่นกุ้ยเฟยเพียงล้อเล่นกับทุกท่านเล็กน้อยขณะนี้ทุกท่านได้ใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองพิสูจน์ความกล้าหาญและสติปัญญาของท่านเองเสิ่นกุ้ยเฟยรับสั่งให้เชิญคุณหนูทั้งหลายไปชำระล้างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นเข้าร่วมงานเลี้ยง”
เสียงของเหยียนหลิงอวี๋ไพเราะอ่อนโยนเป็ที่สุดน้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังปลอบคุณหนูทั้งหลายทว่าก็เหมือนกับกำลังหัวเราะเยาะความโง่เขลาของพวกนาง
เมื่อคุณหนูที่ร้องไห้โวยวายค่อยๆหันหลังกลับมามอง พบเหยียนหลิงอวี๋ที่ใบหน้าขาวได้รูปดูหล่อเหลาดวงตาคู่นั้นเปล่งประกาย เวลายิ้มออกมาเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากแดงธรรมชาติใบหน้าคมเข้มทว่าดูอ่อนโยน ทำให้คนที่พบเห็นต่างต้องใจเต้น
คุณหนูทุกคนมองมาที่เหยียนหลิงอวี๋เป็ตาเดียวกันประหนึ่งมีแม่เหล็กดึงดูดจนไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ !
ในห้องที่หนาวเย็นมีเพียงเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาลักษณะดี ใบหน้าเป็เหลี่ยมเป็สัน ภายนอกดูไม่เคร่งเครียดสบายๆแต่สายตากลับเ็าจึงไม่กล้าสบตา เขามีผมดำขลับ คิ้วโก่งสวยได้รูปถ้าเกิดเผลอใจอาจจะตกหลุมของเขาได้