“เธอมาหาฉันมีเื่อะไรเหรอ?” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางพูดด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจะคุยกับนายหน่อย” เฟิ๋งเฉินเฉินมองฉันพลางพูด วันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวมาด้วย ทั้งยังแต่งหน้าอ่อนๆ ท่อนบนใส่เสื้อกั๊กสีแดง และเผยสะดือกับขาออกมา ท่อนล่างสวมกระโปรงยีนส์ที่ตัดสั้นมาก ขาที่ขาวดั่งหิมะแค่มองก็เห็นทะลุปรุโปร่ง เห็นได้ชัดว่าเธอคนนี้มีนิสัยบ้าระห่ำอย่างไม่จำกัด โดยเฉพาะขาที่ขาวดั่งหิมะของเธอ ยิ่งทำให้หลงใหลจนตาลาย
เธอตัวสูงมาก พอๆ กับฉัน และก็อยู่ใกล้ฉันมาก ทำให้ฉันสามารถเห็นหน้าอกเธอได้อย่างชัดเจน ซึ่งนี่ทำให้ฉันหน้าแดงขึ้น หากไม่ถอยหลังสักหน่อยก็คงไม่ได้เสียแล้ว
“จะพูดอะไรก็พูดมาสิ” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางพูด เธอเป็สาวห้าวคนหนึ่งในห้องเรียน ปกติมักจะมั่วอยู่กับผู้ชายในชั้นเรียนอื่น เป็อันธพาลคนหนึ่งในกลุ่มผู้หญิง โดยเฉพาะเล่ากันว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นมีมาก และมักจะมีผู้ชายชกต่อยกันเพราะชิงรักหักสวาทด้วยพิษรักแรงหึง สำหรับผู้หญิงอย่างนี้แล้ว ฉันเคารพนับถือแต่ขอปลีกตัวออกห่างเสียดีกว่า
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากเป็เพื่อนกับนายน่ะ” เฟิ๋งเฉินเฉินมองฉันไปด้วย พลางยื่นมือมาจับมือฉันไปด้วย มือของเธอนิ่มมาก แต่ทว่าฉันกลับรีบปล่อยมือ
“มีเื่อะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องไร้สาระแล้ว” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางพูด เธอต้องมีเจตนาอะไรแน่นอน มิฉะนั้นคงไม่เข้าใกล้ฉัน เฟิ๋งเฉินเฉินเป็ผู้หญิงประเภทเดียวกับซูหย่า ก็แค่เธอค่อนข้างตรงไปตรงมาเท่านั้น
“งั้นฉันจะพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ฉันหวังว่านายจะช่วยฉันได้” เฟิ๋งเฉินเฉินมองฉันพลางพูด
“ช่วยเธอเหรอ? ช่วยยังไงล่ะ?” ฉันมองเฟิ๋นเฉินเฉินพลางพูด
“สถานการณ์ของฉันตอนนี้ก็พอๆ กับนายน่ะ ถูกผู้หญิงทั้งชั้นเรียนแบนแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ถูกฉันแกล้งสองสามคนนั้น ตอนนี้ล้วนคิดที่จะเอาคืนฉันแล้วล่ะ ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้นหากมีชื่อฉันในรายการที่ต้องเลือก พวกเธอจะต้องเลือกฉันแน่นอน ถึงเวลานั้นฉันก็จบเห่แน่ หวังว่านายคงจะช่วยฉันได้” เมื่อพูดจบ เฟิ๋งเฉินเฉินก็มาซบที่อ้อมอกฉัน
เธอเข้ามาแนบชิดติดอกฉัน รูปร่างที่สูงโปร่งซบที่อกฉัน ซึ่งแนบติดอย่างแแ่
“เธอมั่นใจได้ไงว่าฉันจะช่วยเธอได้? อย่าลืมล่ะ ตอนนี้ฉันก็เหมือนกับเธอ ถูกผู้หญิงทั้งชั้นเรียนแบนเหมือนกัน” ฉันพูดกับเฟิ๋งเฉินเฉิน แต่กลับไม่ได้ผลักเธอออก พูดตามตรงฉันก็หวั่นไหวเหมือนกัน
เฟิ๋งเฉินเฉินไม่เหมือนกับเย่รั่วเซวี่ย เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก แต่กลับเป็ผู้หญิงที่เซ็กซี่เผ็ดร้อน รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวร้อนแรง และขาคู่นั้นโผล่ออกมา ทำให้ฉันละสายตาไม่ได้เลยเซียว
“เห้อ จางเว่ยนายอย่าเสแสร้งเลย ตอนนี้ทั้งชั้นเรียนใครๆ ก็รู้ถึงความเก่งกาจของนาย” เฟิ๋งเฉินเฉินมองฉันพลางพูด เธอแสยะยิ้มมุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจว่า “แม้แต่ฉันก็เคยดูถูกนายมาแล้ว”
“เธอหมายความว่าอะไร?” ฉันขมวดคิ้วมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางพูด เฟิ๋งเฉินเฉินไม่ได้ตอบกลับ แต่ยังอยู่ที่อ้อมอกฉันแล้วโอบฉันไว้ หน้าอกของเธอแนบติดกับฉันอย่างแแ่ หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
เฟิ๋งเฉินเฉินเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วส่งให้ฉันดู ้าก็คือการสนทนาส่วนตัวที่ครั้งก่อนฉันส่งให้เธอ
“นี่นายเป็คนส่งใช่ไหม?” เฟิ๋งเฉินเฉินพูด
“อืม” ฉันพยักหน้า ซึ่งนี่ไม่มีอะไรต้องปกปิด และนี่ก็เป็ครั้งก่อนที่ฉันทำไปเพื่อให้หลี่โม่ฟ๋านมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป ซึ่งก็เป็ลูกไม้ที่ฉันใช้
“ไม่เลวจริงๆ แม้แต่ฉันก็ยังถูกหลอกด้วย ตอนนั้นฉันเตรียมที่จะไปแลก 2 พันกับหวางอู่แล้ว แต่นายก็ทำให้ฉันเสียหายไป 2 พันน่ะ” เฟิ๋งเฉินเฉินส่ายโทรศัพท์มือถือไปมาพลางพูด
“ตอนนี้ฉันไม่มี 2 พันชดใช้ให้เธอหรอก” ฉันพูดด้วยความทนไม่ไหว แต่สำหรับการกระทำนี้แล้ว ฉันกลับไม่มีทางที่จะผลักไสออกไปได้ และต้องยอมรับ่เวลาที่ลำบากนี้อย่างเงียบๆ
“พอแล้ว เื่นี้ฉันจะไม่เอาเื่แล้ว แต่ทว่านายนี่เก่งจริงๆ นักเรียนหลายคนในชั้นเรียนล้วนถูกนายเล่นให้อยู่ในกำมือ หากนายอยากจะเข้าสังคมแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าฉันจะเป็กิ๊กนายเอง” เฟิ๋งเฉินเฉินพูดด้วยสายตาอันเลื่อมใส
“ฉันไม่ได้เก่งอะไร เธอก็ไม่จำเป็ต้องเป็กิ๊กฉันหรอก” ฉันพูดด้วยอาการหมดคำพูด เฟิ๋งเฉินเฉินโอบฉันไว้ ดูท่าอย่างกับเป็ติ่งคนหนึ่ง แต่ทว่าฉันเข้าใจดีว่าตอนนี้เธอกำลังเสแสร้งอยู่แน่นอน
ซึ่งได้พูดอยู่นาน แต่ดูฉันก็เฉยๆ เฟิ๋งเฉินเฉินก็เคอะเขินไม่พูดอะไร และปริปากพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉัน้าการช่วยเหลือจากนาย นายฉลาดขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องช่วยฉันคิดแผนการได้แน่”
“นี่ก็คือเป้าหมายของเธอเหรอ? งั้นฉันจะได้อะไร?” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางถาม
เฟิ๋งเฉินเฉินกัดริมฝีปาก แล้วมองฉันด้วยใบหน้าที่มีเสน่ห์ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่
ยั่วยวนว่า “แค่นายตกลงที่จะช่วยฉัน หลังจากนี้ฉันก็จะเป็คนของนาย”
“ไม่ได้” ฉันส่ายหน้าพลางพูด ถึงแม้เฟิ๋งเฉินเฉินจะสวยและเซ็กซี่ ทั้งยังมีนิสัยบ้าระห่ำ ดั่งกับแม่ม้าที่ไม่มีทางสยบได้ตัวหนึ่ง แต่ทว่าในใจฉันแล้วเธอเทียบกับเย่รั่วเซวี่ยไม่ได้เลยจริง ๆ
“ฉันรู้ว่านายกำลังคบหาอยู่กับเย่รั่วเซวี่ย และฉันก็จะไม่ไปรบกวนนายเหมือนกัน ตอนนี้นายกับเย่รั่วเซวี่ยยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันใช่ไหม งั้นก็อย่างนี้สิ แค่นายตกลงที่จะช่วยฉัน หลังจากนี้หากนาย้าแล้วล่ะก็ ฉันสามารถอยู่เป็เพื่อนนายได้” เฟิ๋งเฉินเฉินพูดอย่างยิ้มแย้ม
“อยู่เป็เพื่อนฉันเหรอ ความหมายของเธอคือ……” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินด้วยอาการสั่นเทา รอยยิ้มของเฟิ๋งเฉินเฉินยิ่งสว่างไสว ริมฝีปากของเธอนั้นยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็พุ่งตรงมาที่อ้อมอกฉัน แล้วจูบฉันอย่างดุดัน
การจูบนี้ค่อนข้างยาวนาน หลังจากที่ฉันมีการตอบสนองแล้ว เฟิ๋งเฉินเฉินถึงจะออกจากอ้อมอกฉันไป และเธอก็ปริปากพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “นี่ก็แค่ของหวานเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันให้นาย เพียงแค่นายตกลงที่จะช่วยฉัน นายจะได้รับมากกว่านี้อีก”
“มากกว่าเหรอ?” ฉันมองเฟิ๋งเฉินเฉินพลางบ่นพึมพำ
“ใช่ มากกว่า ร่างกายฉันก็จะมอบให้นายเป็คนจัดการ เพียงแค่นาย้า ฉันก็สามารถมาอยู่เป็เพื่อนนายได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันจะไม่บอกใคร และก็จะไม่เกิดความรู้สึกชื่นชอบอะไรกับนายทั้งนั้น เป็ยังไงล่ะ ถือเป็การแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลยสิ” เฟิ๋งเฉินเฉินกระซิบข้างหูฉันเบาๆ แล้วยังไม่ลืมที่จะกัดติ่งหูฉันอีก
“ให้ฉันคิดดูก่อน เธอไปก่อนเถอะ” ฉันโบกมือพลางพูดด้วยอาการสั่นเทา ในหัวฉันไม่กล้าที่จะมองเธอจริงๆ ฟ้ารู้ว่าฉันต้องทนกับการยั่วยวนมากเท่าไหร่ถึงจะปริปากพูดขึ้นมาได้
“งั้นนายก็ต้องคิดให้ดีๆ ล่ะ” เฟิ๋งเฉินเฉินพูดพลางยิ้ม หลังจากนั้นก็หันหลังจากไป มองเงาที่จากไปของเธอ ขาที่ยาวและเล็กนั้น ฉันทนไม่ไหวจนกลืนน้ำอึกหนึ่ง
แต่ทว่านึกถึงเย่รั่วเซวี่ยแล้ว ฉันยังคงส่ายหน้า หากไม่ได้คบหากับเย่รั่วเซวี่ย ฉันก็คงจะตกลงกับคำขอของเธอแล้ว ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบผู้หญิงที่มีสภาพตกอับอย่างเฟิ๋งเฉินเฉินอย่างนี้ แต่สำหรับเงื่อนไขของเธอแล้วคงไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้
แต่ตอนนี้ฉันมีเย่รั่วเซวี่ยแล้ว ฉันไม่สามารถทำผิดต่อเธอได้ ถึงฉันมักจะคิดเพ้อ เจ้ออยู่บ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วฉันเป็คนที่รักเดียวใจเดียว ดังนั้นจึงจะต้องลบเงาของเฟิ๋งเฉินเฉินออกไปจากหัวอย่างลำบากใจหน่อย
ฉันกลับมาที่ห้องเรียนแล้ว เวลานี้ห้องเรียนมีแต่เสียงดังอึกทึกครึกโครม แม้แต่ครูประจำชั้นก็ยกเลิกการควบคุมดูแลชั้นเรียนแล้ว ทั้งพวกผู้หญิง พวกผู้ชายเริ่มะโไปมาในห้องเรียนดั่งกับทาสที่ถูกปลดแอกแล้ว
และที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือก็มี ดูหนังก็มี ยังมีคู่รักชายหญิงที่กำลังนั่งคุยคำพลอดรักกันอยู่ อย่างไรต่อตามทั้งห้องเรียนถือว่าวุ่นวานที่สุดแล้ว และในความวุ่นวายนั้น เย่รั่วเซวี่ยกำลังพูดคุยอยู่กับผู้ชายสองสามคน
ฉันเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว สายตาก็จ้องเขม็ง จริงๆ แล้วถึงแม้ฉันคนนี้จะเป็ไอ่กระจอก แต่กลับมีความคิดแบบผู้ชาย บางทีอาจจะสืบเชื้อสายมาจากพ่อของฉัน
ฉันรู้สึกไม่ค่อยชินกับการที่เห็นผู้หญิงและผู้ชายเล่นด้วยกัน โดยเฉพาะตอนที่เย่รั่วเซวี่ยเป็แฟนสาวของฉันแล้ว มองเย่รั่วเซวี่ยกำลังพูดคุยอยู่กับผู้ชายสองสามคนอย่างมีความสุข
ฉันอดไม่ได้ที่จะตวาดเสียงต่ำว่า “เย่รั่วเซวี่ย ฉันมีเื่จะคุยกับเธอนิดหน่อย มาทางนี้หน่อยสิ”
“อ่อ” เย่รั่วเซวี่ยพยักหน้า ตอนที่เธอกำลังจะมา ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “จะฟังคำพูดของจางเว่ยทำไม พวกเราคุยกันต่อเถอะ”
“ก็ใช่ จะสนใจมันทำไม” ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ก็มองฉันแบบไม่มีค่า แต่ทว่าในการพูดนั้น น้ำเสียงของพวกเขาล้วนมีความเคารพยำเกรง หลังจากที่ฉันจัดการซูหย่าและมี่เสี่ยวหยู่แล้ว ท่าทางที่คนทั้งชั้นเรียนมีต่อฉันก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะผู้หญิง มองฉันดั่งกับเป็ปีศาจวิปริตที่ฆ่าคน นอกจากส่วนน้อยสองสามคนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแม้แต่ประโยคเดียว แม้แต่ท่าทางที่นักเรียนเหล่านี้มีต่อฉันก็ไม่ใช่ทำอะไรตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เย่รั่วเซวี่ยไม่ได้ลังเลอะไร แล้วก็เดินมาหาฉันพลางพูดว่า “มีอะไรเหรอ มีเื่อะไรล่ะ”
“ไม่มีอะไร” แน่นอนว่าฉันจะไม่พูดว่าฉันใจแคบคิดเล็กคิดน้อย แต่ถามว่า “กวานเหยาได้กุญแจมาแล้วหรือยัง?”
“น่าจะได้มาแล้ว” เย่รั่วเซวี่ยพูด
“งั้นก็ดี พอดีเลยตอนเย็นพวกเราไปดูกันหน่อย ใช่แล้ว เธอจะไปไหม?” ฉันถาม
“ฉันไม่ไปหรอก ฉันกลัวความมืดน่ะ” เย่รั่วเซวี่ยแลบลิ้นพลางพูด ฉันฉีกยิ้ม แล้วก็ไม่ใส่ใจ แต่กลับพูดต่อว่า “งั้นก็ดี ฉันจะได้เรียกคนอื่นไปกับฉันน่ะ”
“อืม” เย่รั่วเซวี่ยพยักหน้า หลังจากนั้นพูดเบาๆ ว่า “เย็นวันนี้ฉันเลี้ยงข้าวนายดีไหม?”
“ไม่น่ะ ให้ฉันเลี้ยงเธอดีกว่า” ฉันพูดกับเย่รั่วเซวี่ย
“นายมีเงินเหรอ?” เย่รั่วเซวี่ยพูดมาตรง ๆ
“มีแน่นอน” ฉันพูดอย่างภาคภูมิใจ วันนี้ในโกดัง นักเรียนพละสองสามคนที่ถูกฉันจัดการจนวิ่งหนีไป และตอนที่ใกล้จะไปได้โยนเงินปึกหนึ่งไว้ที่พื้น แน่นอนว่าฉันก็ขอน้อมรับไว้ ซึ่งมีประมาณพันกว่า สำหรับฉันแล้วถือว่าเป็เงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเลยทีเดียว
“งั้นก็ได้” เย่รั่วเซวี่ยพยักหน้าพลางยิ้ม ถือว่าได้ตกลงแล้ว แน่นอนว่าฉันดีใจเหลือเกิน แล้วจึงกลับมานั่งที่โต๊ะกับหลี่โม่ฟ๋าน หยางย่าซินกำลังคุยอยู่กับหลี่โม่ฟ๋าน
แค่เวลาสั้นๆ เพียง 1 วัน พวกเรากลายเป็เพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเื่
“เฮอเฮอ ลูกพี่ เย็นวันนี้จะไปสืบหากันไหม? ฉันไปได้นะ” หยางย่าซินรีบกระโจนเข้ามาแล้วพูด
“แน่นอน แต่ว่าไม่จำเป็ต้องไปกันมากมมายหรอก เดี๋ยวจะถูกจับได้น่ะ” ฉันส่ายหน้าพลางพูด
“เช่นนั้นเหรอ งั้นแล้วไป” หยางย่าซินส่ายหน้าพลางพูด หลี่โม่ฟ๋านที่อยู่ข้างๆ ก็อยากจะไปกับฉันด้วย แต่ทว่าเขาเป็นักเรียนไปกลับ จริงๆ แล้วก็ไม่มีเวลาหรอก
ถึงแม้ฉันจะเป็นักเรียนไปกลับเหมือนกัน แต่ทว่าตอนเย็นนั้นก็มีเวลาเพียงพอ ซึ่งเหมาะที่จะสืบหาสักหน่อย ฉันมีลางสังหรณ์ว่าในห้องเอกสารของโรงเรียนนั้น ฉันจะต้องหาเบาะแสอะไรบางอย่างได้แน่นอน
เกมนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้โทรศัพท์มือถือยังไม่มีการเตือน แต่ทว่ามันเป็เพียงแค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เวลาตอนนี้ก็ยิ่งรีบเร่งขึ้นทุกที พวกเราไม่ควรที่จะถูกเล่นงานต่อไปอีกแล้ว
ตอนนี้แบบสอบถามที่อยู่ในกลุ่มได้ก่อให้เกิดการตายของนักเรียนในชั้นเรียน5 คนแล้ว ซึ่งนี่เป็เพียงแค่ใน่เวลาสั้นๆ หากยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นนั้นแล้วผลอันจะเกิดขึ้นก็คงจะเลวจนไม่อยากจะนึกถึงเลยทีเดียว
“เกมนี้จำเป็ต้องให้มันสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้ตอนเย็น ฉันจะต้องหาความจริงให้ได้” ฉันพูดอย่างจริงจัง และหยางย่าซินกับหลี่โม่ฟ๋านก็พยักหน้า ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของฉันได้ดังขึ้น
หลังจากเปิดดู กลับเป็ข้อความของเฟิ๋งเฉินเฉิน ข้อความของเธอมีเพียงแค่ข้อความเดียวว่า “ตัดสินใจที่จะช่วยฉันแล้วหรือยัง? หากนายตัดสินใจแล้ว วันนี้ตอนเย็นฉันจะไปเปิดห้องรอนายนะ”