ท่ามกลางม่านฝนที่โหมกระหน่ำลงมารถเฟอร์รารี่ลดกระจกหน้าต่างลงพร้อมกับชายหนุ่มผมสีที่จ้องมองมาด้วยสายตาฉายแววเย่อหยิ่ง “โย่ว วันนี้พาไอ้ขี้แพ้มาด้วยเหรอเนี่ย?”
แม่สาวคัพ D34 ยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า “จ้ะ...”
ได้ยินไอ้หนุ่มนั่นพูดดูถูก ผมก็กำมือแน่นด้วยความละอายใจรู้สึกเกลียดจนแทบอยากพุ่งตัวไปทุบรถเฟอร์รารี่คันนั้นแต่พอนึกถึงค่าใช้จ่ายที่ผมคงไม่มีปัญญาชดใช้แล้ว... ช่างเหอะเอาเป็ว่าอดทนไปก่อนก็แล้วกัน!
“เริ่มเลยเถอะ!”
แม่สาวคัพ D34 ที่อยู่ข้างผมดึงเกียร์ลงก่อนจะสตาร์ตเครื่องยนต์เช่นเดียวกับรถเฟอร์รารี่ข้างๆ ที่เริ่มออกตัว
“บรื้น!”
ตัวรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร็วพร้อมกับแรงกระชากที่รุนแรงจนน่ากลัว!
รถทั้ง 3คันออกตัวพร้อมกันอย่างบ้าระห่ำท่ามกลางเส้นทางูเาที่คดเคี้ยวและสายฝนที่กระหน่ำลงมา
ตรงหน้าที่ใช้เป็สนามแข่งคือถนนที่คดเคี้ยวไปมาผมจับที่วางแขนพร้อมกับกัดฟันแน่น จากความเร็วในตอนนี้หากต้องเลี้ยวคงต้องดริฟต์แล้วละถ้าไม่เช่นนั้นมีหวังได้หลุดโค้งตกเขาเป็แน่!
เอี๊ยด!!!
แม่สาวงามที่อยู่ข้างๆ หักพวงมาลัยอย่างไวพร้อมกับสลับเกียร์อย่างสวยงามนี่ถือเป็การดริฟต์ที่ตรงกับมาตรฐานเลยละ!
แน่นอนว่ายางล้อรถยังคงเกาะติดแน่นกับพื้นถนน ทำให้การดริฟต์กะทันหันเมื่อสักครู่กลายเป็การตีโค้งที่สมบูรณ์แบบในเวลาเดียวกันการเลี้ยวเพียงครั้งเดียวก็สามารถแซงหน้ารถสองคันนั้นได้
แม่สาวคัพ D34 เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆจนเผยรอยยิ้มหวานก่อนจะหันมามองผม แต่กลับพบเพียงสีหน้าว่างเปล่านั่นทำให้หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ หรือพูดได้ว่ารู้สึกผิดหวังหน่อยๆดูเหมือนว่าเธอคงอยากจะหันมาเห็นผมในสภาพนั่งหัวหด ขาสั่นพั่บๆ พร้อมกับคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากเธอว่า ‘ขอร้องละ ช่วยปล่อยผมลงไปทีเถอะ’
……
ทันใดนั้นก็มีเสียงรถดังกระหึ่มตามมาจากทางด้านหลังรถเฟอร์รารี่แซงขึ้นมาจากทางโค้งแล้ว เมื่อเทียบสมรรถนะของตัวรถทั้งสองคันรถออดี้ทีทีไม่สามารถเทียบเท่าได้เลย
แม่เทพธิดาจับพวงมาลัยแน่นพร้อมกับจับจ้องไปด้านหน้าก่อนจะเพิ่มความเร็ว
หลายครั้งที่การแซงล้มเหลว ทำให้แม่สาวคัพ D34 รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยจนเกือบขับไปชนกับรั้วกั้น
ซ่า!
ฝนสาดมาที่กระจกหน้ารถ พร้อมกับรถเฟอร์รารี่ที่ยังคงดริฟต์อยู่ข้างๆและอยู่แนวเดียวกับรถออดี้ทีทีที่ผมนั่งอยู่พอดี แม่สาวคัพ D34 เหยียบเบรกอย่างแรงพร้อมกับแสดงความไม่พอใจออกมา
“ชิ!”
เธอทุบไปที่พวงมาลัยรถอย่างแรงพร้อมกับขบกรามแน่น
ชายหนุ่มที่อยู่บนรถเฟอร์รารี่ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อะไรกัน? มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ? ไอ้ความมั่นใจตอนที่เธอท้าพี่ชายของฉันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันหายไปไหนหมดแล้วล่ะ? ฮ่าๆๆๆๆ!”
ผมรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปที่ประตูฝั่งคนขับแล้วเคาะกระจกหน้าต่างพูดกับแม่สาวคัพ D34 ว่า “คุณปีนไปนั่งข้างคนขับ ผมขอลองหน่อย!”
แม่สาวคัพ D34 ทำหน้างุนงง “นายเนี่ยนะ? มีใบขับขี่เหรอ?”
ผมยิ้มออกมา “ไม่มีครับ แต่คุณสบายใจได้...”
“ไม่มีใบขับขี่ แต่จะให้ฉันสบายใจเนี่ยนะ?”
“ที่จริงคุณก็แพ้แล้วนี่ครับ อีกอย่างก็ยังอยากตายพร้อมกับผมด้วยถ้าจะลองอีกสักตั้ง คงไม่เป็ไรหรอกมั้งครับ”
“ก็ได้...”
แม่สาวคัพ D34 ตอบตกลงก่อนจะย้ายตัวเองข้ามไปนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับเผยให้เห็นเรียวขางดงามที่ขาวนวลราวกับหิมะต่อหน้า จนทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเกลียดผมก็คงจะดีสินะ ช่างเป็สาวที่งดงามจริงๆขาวโอโม่เหลือเกิน...
……
หลังจากเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้วผมก็ปลดเกียร์ก่อนจะชะเง้อหน้าไปมองชายหนุ่มที่อยู่บนรถเฟอร์รารี่ “ต่อสิการแข่งขันยังไม่จบนะ ใครไปถึงยอดเขาก่อนชนะ นายโอเคไหมล่ะ?”
ชายหนุ่มที่อยู่บนรถเฟอร์รารี่แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความรังเกียจ “ชิ... ก็แค่ยาม... ฉันขอรับคำท้า!”
พูดจบรถเฟอร์รารี่ก็พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วก่อนที่รถคามาโรจะตามไปติดๆ โดยมีรถของผมตามไปเป็คันสุดท้ายด้วยอัตราเร่งที่ไม่ช้าไม่เร็วในโค้งที่สองผมก็เหยียบคันเร่งก่อนจะเปลี่ยนเกียร์อย่างไว ‘ซูม’ เสียงยานพาหนะแล่นผ่านรถคามาโรขึ้นไปอย่างรวดเร็วถือเป็การแซงที่งดงามทีเดียว
ท้ายรถส่ายไปมาก่อนจะขนาบอยู่ด้านหน้ารถคามาโร ซึ่งดูเหมือนว่าเ้าของรถจะใจนต้องลดความเร็วลงใครจะกล้าตามตูดรถผมมาติดๆ กันเล่า
โค้งที่ห้าผมยังไม่ลดความเร็วลงซ้ำจัดการดริฟต์รถพร้อมกับเพิ่มความเร็วอีกจนทำให้มันแทบจะเบียดติดกับรถเฟอร์รารี่ซึ่งถือว่าเป็การแซงที่อันตรายอย่างมาก จนทำให้โคลนกระเด็นเปื้อนใส่กระจกรถเฟอร์รารี่
ผมได้ยินเสียงคนขับรถเฟอร์รารี่สบถด่าด้วยความโกรธท่าทางของอีกฝ่ายทำให้แม่สาวงามที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้
……
ผ่านไปไม่กี่นาทีรถเฟอร์รารี่ก็ตามแซงขึ้นมาได้ครั้งนี้ผมหักพวงมาลัยไปข้างๆ จนทำให้อีกฝ่ายใรีบหักหลบหัวรถจึงชนเข้ากับูเาที่อยู่ด้านหน้าเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ก่อนที่ป้ายทะเบียนและโลโก้รถจะกระเด็นหลุดออกจากตัวถัง
เอี๊ยด...
รถออดี้ทีทีหยุดลงขณะที่เฟอร์รารี่เองก็จอดสนิทเช่นกัน ชายหนุ่มเปิดประตูเดินลงมาด้วยท่าทางโกรธจัดก่อนจะด่าเสียงดังลั่น “หลินหว่านเอ๋อร์ ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคดี ครั้งหน้าเธอไม่โชคดีแบบนี้แน่โธ่เว้ย!”
ในฐานะผู้พ่ายแพ้การเดิมพันรถเฟอร์รารี่และรถคามาโรก็ขับหนีออกไปด้วยความเร็วท่ามกลางสายฝน
ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่นั่งคนขับพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆก่อนจะพบว่าฝนค่อยๆ ซาลงแล้วเช่นกัน
แม่สาวคัพ D34 ที่นั่งเงียบอยู่ข้างคนขับพูดขึ้นว่า “เทคนิคการขับรถของนายไม่เลวเลยนี่ ไปฝึกมาจากไหน?”
ผมยิ้ม “ผมเคยทำงานอยู่ในทีมตำรวจจราจรที่นั่นเขาให้ฉายาผมว่านักซิ่งหมายเลข 1 เลยนะ...”
แม่สาวคัพ D34 “...”
หลังจากที่เห็นหญิงสาวเงียบไปจนเกิดเป็ความตึงเครียด ผมก็พูดต่อว่า “สภาพอากาศแย่ขนาดนี้ แถมยังอันตรายเกินกว่าจะแข่งรถทำไมคุณถึงไม่เสียดายชีวิตของตัวเองเลย?”
ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง “ความโศกเศร้าของฉันนายไม่มีทางเข้าใจหรอก...”
ผมยิ้มออกมา “ความโศกเศร้าของคุณงั้นเหรอ? คุณดูชีวิตผมสิ... เงินที่จะกินข้าวมื้อต่อไปยังไม่มีเลยแถมค่าเช่าห้องก็เกินกำหนดชำระมาสองวันแล้ว แต่ดูคุณสิ คุณยังมีรถออดี้ทีทีให้ขับชีวิตมันแย่ตรงไหนกัน? ผมสิที่ต้องเรียกว่าชีวิตรันทด!”
แม่สาวคัพ D34 มองผมด้วยสายตาส่อแววสงสารที่เหมือน้าจะสื่อออกมาเป็นัยๆว่าขอโทษ ทันใดนั้นหล่อนก็เดินลงมาเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับ “ลงจากรถได้แล้ว...”
ผมเกิดอาการงงงวยก่อนลงจากรถตามที่เธอบอก
“บรื้น!”
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่ตัวรถออดี้ทีทีจะลงจากเขาไปอย่างรวดเร็ว
ผมยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนพร้อมกับสายตาตะลึงค้างหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติกลับมา “บัดซบนี่ถูกทิ้งไว้บนเขาเหรอวะเนี่ย เยี่ยม เอาคืนได้เจ็บแสบมาก เจ็บแสบมากจริงๆ!”
……
หลังจากใช้มือเช็ดน้ำฝนบนใบหน้า ผมก็ยิ้มออกมาก่อนจะตบกระเป๋ากางเกง... ตอนนี้ผมไม่เหลือเงินแม้แต่สตางค์เดียว...ไม่สามารถนั่งรถสาธารณะกลับได้ ทันทีที่คิดได้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนหน้าคิดว่าเื่แค่นี้จะทำอะไรฉันได้เหรอ? ฮึ!
ผมก็แค่พึ่งลำแข้งตัวเองในการวิ่งเป็ระยะทาง 20 กิโลเมตรเพื่อกลับไปทำงานก็เท่านั้นสิ่งที่คนภายนอกเห็นคือภาพคนใส่ชุดยามวิ่งไปตามเส้นทางรถโดยสาร รถแท็กซี่ฝ่าควันพิษท่ามกลางจราจรที่ติดขัดโดยไม่หยุดพัก
หลังจากผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผมก็มาถึงใต้ตึกบริษัทด้วยสภาพหอบแฮกเหมือนสุนัข
เยี่ยม!
……
ผมกลับมาถึงออฟฟิศก็ห้าโมงเย็นแล้ว ซึ่งสร้างความกังวลใจให้แก่ผมอีกครั้งเพราะข้าวเย็นยังไม่ตกถึงท้องเลย นี่ก็ได้เวลาเลิกงานอีกจะไปกินในโรงอาหารของพนักงานก็เข้าไม่ได้แล้ว
เฮ้อ... เปลี่ยนชุดออกจากบริษัทเลยก็แล้วกัน
ภายในเมืองยามค่ำคืนยังคงมีแสงสว่างสาดส่องราวกับหญิงสาวสวมชุดราตรีแต่น่าเสียดายที่มีแต่พวกคนรวยเท่านั้นที่จะรู้สึกได้ถึงร่างกายที่มีเสน่ห์ภายใต้ชุดราตรีเ่าั้ส่วนคนแบบผมน่ะหรือ... เหอะๆ คงจัดอยู่ในจำพวกขยะสังคมกระมัง
……
เส้นทางแห่งการหาเงินเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง...”
เสียงเคาะตะหลิวกับกระทะดังเป็จังหวะขณะที่คนทำอาหารกำลังผัดข้าวอย่างชำนาญงาน่กลางคืนของผมก็คือเป็คนทำอาหารง่ายๆ จำพวกข้าวผัด หมี่ผัด ผัดผักซึ่งลูกค้าใน่กลางคืนมีเยอะมากทีเดียวละ
หลังจากผัดไปได้ 20 จานจนเหงื่อไหลไคลย้อย เถ้าแก่ก็ตบไหล่ผมก่อนจะพูดว่า “เ้าหลี่น้อย วันนี้แกทำงานได้ดี มาเอานี่... ค่าแรงของแกวันนี้...”
ผมรับเงิน 5 หยวนมาด้วยท่าทางดีใจก่อนจะเดินไปยังเป้าหมายถัดไป!
ข้างๆ ถนนใหญ่ มีผับซึ่งมีไฟสีแดงเหมือนสีไวน์เขียนชื่อไว้ว่า ‘ปี้ห่ายหลานเทียน’ นี่เป็สถานที่รวมตัวของคนมีฐานะเพื่อเอาเงินมาถลุงผมค่อยๆ เดินเข้าไปในร้าน โดยกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้านหน้าประตูต่างก็รู้จักผม
หลังจากเข้ามาด้านใน เ้าอ้วนคนเฝ้าประตูก็มองมาที่ผมก่อนจะยิ้มให้ “เฮ้ หลี่เซียวเหยา มาได้สักทีนะ!”
ผมพยักหน้า “วันนี้กี่เพลงครับ?”
“3 เพลง เพลงละ 10 หยวน!”
“ครับ ขอบคุณมากครับพี่เปียว!”
“เดี๋ยวก่อน นายแต่งเครื่องแบบของร้านให้เรียบร้อยก่อน!”
ชุดสูทถูกโยนมาตรงหน้าผมหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบผมรับมาสวมพร้อมกับเดินไปยังฟลอร์เต้นรำแล้วขึ้นไปบนเวทีจากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าเปียโนพร้อมกับวางนิ้วลงบนคีย์บอร์ดบทเพลงไพเราะเสนาะหูจึงได้เริ่มบรรเลงขึ้น โดยเพลงแรกคือ Castle inthe Sky เพลงที่สองคือ Minute Waltz ส่วนเพลงสุดท้ายคือ Kiss the rain หลังจากบทเพลงทั้งสามบรรเลงจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากฟลอร์เต้นรำ
ผมลงจากเวทีก่อนจะยิ้มให้กับผู้ชมแล้วเดินออกมา ทันใดนั้นก็มีมือนุ่มๆมาจับแขนผมไว้ เ้าของมือเป็หญิงสาวต่างชาติผู้มีใบหน้างดงามเธอหย่อนกระดาษแผ่นหนึ่งลงในมือผม ซึ่งในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เขียนไว้หญิงสาวยิ้มให้ผมก่อนจะพูดว่า “เฮ้ โทรหาฉันด้วยนะ...”
ผมพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินจากมาจัดการถอดเสื้อสูทออกพร้อมกับรับเงินจากพี่อ้วนมา 30 หยวนก่อนจะเดินออกจากร้าน
พี่อ้วนเปียวมองตามแผ่นหลังของผมพร้อมกับถอนหายใจ
“ให้ตายเถอะ พร์ชัดๆ!”
……
ผมใช้เงิน 5 หยวนซื้อข้าวผัดไข่มากิน วันนี้รอดไปได้อีกหนึ่งวันแล้วผมค่อยๆ เดินไปตามถนนใหญ่ ไกลออกไปมีโฆษณาเกม Destiny ฉายอยู่บนจอ LED ของห้างสรรพสินค้านี่เป็เกมที่พวกคอเกมทั้งหลายต่างเฝ้ารอมานานหลายปี ในที่สุดก็เปิดตัวแล้วข่าวดีนี้ทำให้คอเกมจำนวนไม่น้อยต่างดีใจจนน้ำตาแทบไหล รวมถึงตัวผมด้วยผมเองก็หลงใหลในเกมพวกนั้น แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีเงินอีกอย่างหมวกที่ใช้สำหรับเล่นเกมตอนเปิดตัวก็มีแค่ 1 ล้านใบเท่านั้นราคาในตลาดมืดที่ขายกันยังมีราคาถึง 1 หมื่นหยวนต่อใบราคาขนาดนั้นผมไม่มีทางที่จะเล่นเกมนี้ได้เลย รอก่อนแล้วกัน... รอให้ผมมีเงินมากพอค่อยไปเล่น ‘SwordsmanOnline’ ก็แล้วกัน...
น่าเสียดายจริงๆ วันมะรืนเป็วันที่เกม Destiny จะเปิดเซิร์ฟเวอร์แล้วด้วย ถ้าพลาด่เบต้าวันแรกไปคงต้องรั้งท้ายชาวบ้านแน่ๆ!
……
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านหลงหัวซึ่งเป็ที่ที่ผมพักอยู่ภายในที่พักประกอบด้วยหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นเท่านั้น ค่าเช่าอยู่ที่800 หยวนต่อเดือน และตอนนี้ก็เลยกำหนดจ่ายค่าเช่าแล้วด้วยเ้าของที่พักเป็ยายแก่นิสัยเ็าโหดร้ายทางเดียวที่จะรับมือกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้วนั่นคือ จงอดทน!
หลังจากเดินมาถึงตึกหอพัก ผมก็เดินไปที่ห้องตัวเองซึ่งอยู่ชั้น 1แล้วหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตู แต่... ประตูกลับเปิดไม่ออก!
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?
เมื่อมองที่ลูกบิดประตูก็พบว่าแม่กุญแจได้ถูกเปลี่ยนแล้วแถมบนประตูยังแปะโน้ตไว้ว่า ‘หลี่เซียวเหยาเกินกำหนดจ่ายค่าเช่าห้องมาสองวันแล้ว แต่แกยังไม่จ่ายพรุ่งนี้จะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ไม่มีทางเลือกอื่นฉันจึงต้องไล่แกออกของของแกอยู่ที่ห้องครัว!’
ผมหมุนตัวกลับไปมองก่อนจะพบว่าผ้าห่มและเครื่องใช้ส่วนตัวของผมถูกมัดรวมเข้าด้วยกันและวางอยู่ที่ห้องครัว!
ความร้อนปะทุขึ้นในสมองของผมพร้อมกับร่างกายที่สั่นกระตุก
ให้ตายสิวะ โดนไล่ออกซะแล้วเหรอเนี่ย!
……
ผมเงยหน้าก่อนจะพบว่ามีแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าช่างเหมาะกับการเขียนบทกวีจริงๆ...
อืม... วันนี้เป็วันหยุดในสวนสาธารณะคงมีหนุ่มสาวมานั่งจู๋จี๋กันท่ามกลางแสงจันทร์ ผมจะไปนอนที่นั่นก็คงไม่ได้เพราะดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรถ้างั้น... ก็นอนมันใต้ตึกนี่อีกคืนก็แล้วกัน ตอนนี้เป็่หน้าร้อนนอกจากยุงที่เยอะกว่าปกติก็ไม่มีอะไรมารบกวนการนอนของผมได้หรอก ผมแข็งแรงอยู่แล้วแถมยังมีวิชาต่อสู้ติดตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะมีโจรมาปล้น!
เวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงผมซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตรงมุมสนามหญ้าเล็กๆพร้อมกับหรี่ตาลงให้นอนหลับเพื่อต้อนรับเช้าวันใหม่
“หึ่งๆ...”
ยุงยังคงบินวนเวียนอยู่ข้างหูผมไม่เลิก นี่ถือเป็แบบทดสอบความอดทนอย่างหนึ่งเลยและแน่นอนว่าผมทนได้ ผมหยิบที่กันยุงมาคลุมหน้าของผมทับๆ กันให้หนาขึ้นซึ่งมันก็ไม่ได้กระทบกับระบบทางเดินหายใจของผม แถมยังทำให้ยุงไม่มารบกวนอีกด้วยนอนทั้งแบบนี้ก็แล้วกัน...
……
ยามราตรีได้ถูกแทนที่ด้วยรุ่งอรุณเ้าไก่ยังคงทำหน้าที่ส่งเสียงขันบอกเวลาได้เป็อย่างดี
ผมลืมตาพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้ายามเช้าที่มีแสงแดดอุ่นๆ สาดส่องลงมาทันใดนั้นบทกวีก็ผุดเข้ามาในหัว ‘ตื่นขึ้นจากความฝันต้นหลิวพัดพาคลื่นแสง พร้อมกับลมที่พัดผ่านดวงจันทร์ออกไป’
ยังไม่ทันที่ผมจะท่องบทกวีจบ ก็มีมือของใครบางคนมาแตะไหล่ผม “พี่เสี่ยวเหยา ทำไมมานอนข้างนอกล่ะเนี่ย?!”