ท่ามกลางฤดูร้อน แสงอาทิตย์เปรียบดั่งลูกธนูอาบยาพิษที่ทะลวงผ่านชั้นปกป้องผิวของใบหน้าระหว่างที่ยืนอยู่ตรงป้อมยาม เหงื่อก็ไหลคล้อยลงมาอาบแก้มก่อนจะหยด “แหมะๆ”ลงบนชุดยูนิฟอร์มสีเขียวแบบเดียวกับสีของหญ้าราวกับเครื่องสูบน้ำอากาศวันนี้ร้อนจนแทบอยากจะร้องขอชีวิต
ผมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย เหงื่อที่เกาะบนขนคิ้วหยดใส่ขนตาก่อนจะไหลเข้าสู่ั์ตาจนทำให้รู้สึกแสบเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็คำพูดแม่งเอ๊ย ไอ้ยามบ้านั่นเอากันสาดออกไปจากป้อมยามอีกแล้ว! เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็การรับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในแผนกรักษาความปลอดภัยแต่ก็ช่างเถอะ มันก็เหมือนกับที่เม่งจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า์จะมอบหน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ให้กับบุคคลผู้นี้ซึ่ง...ผู้นี้กับเตี่ยแกสิวะ... ร้อนจะตายอยู่แล้วโว้ย!
……
ผมชื่อหลี่เซียวเหยา นี่ไม่ใช่ชื่อธรรมดาๆ นะครับ ผมมั่นใจว่าแม่จะต้องคาดหวังกับอนาคตของผมไว้สูงมากทีเดียวคงหวังให้ผมเป็ผู้ผดุงความยุติธรรมช่วยเหลือคนที่อ่อนแอแต่ผมกลับทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวังเพราะผมดันเป็เพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นซึ่งทำงานเป็พนักงานรักษาความปลอดภัยที่บริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในหางโจวแต่ยังไม่ทันจะครบสองเดือนก็มีอันต้องเจอกับความยากลำบากและความอัปยศอดสูข้าวมื้อถัดไปยังไม่มีจะกิน งานที่นี่ไม่มีเงินำาญ ไม่มีประกันสุขภาพไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แถมยังไม่มีอาหารสำหรับพนักงานแม้กระทั่งชุดยูนิฟอร์มก็ไม่สมประกอบ ซ้ำยังถูกสั่งให้ทำโอทีตอนเที่ยง ผมว่าชีวิตของผมตอนนี้ช่างขมขื่นพอๆกับน้ำที่ถูกคั้นออกจากมะระ
อีกอย่างทุกๆ วันผมก็ได้แต่ยืนมโนว่าภายในบริษัทคงจะเต็มไปด้วยสาวงามในชุดเครื่องแบบแต่ผ่านไปได้สองเดือนผมถึงได้รู้ว่า บรรดาสาวๆ ในบริษัทหากไม่แต่งหน้าละก็ทำเอาผมขวัญหายหัวใจแทบวายเลยละหรือแม้จะเป็ตอนที่แต่งหน้าแล้วก็ยังทำเอาผมผวาเสียจนฉี่แทบเล็ด!
……
มองเหล่ออกไปไม่ไกล หญิงสาวนางหนึ่งกำลังเดินออกมาจากตึกใหญ่ผมรู้จักหล่อนดี เธอทำงานอยู่ในแผนกธุรกิจชื่อ หวางเหยียน แต่คนในนั้นเรียกเธอว่าดอกไม้แห่งแผนกธุรกิจ หน้าอกหน้าใจเรียวขาเอาไปเลย 9 คะแนน ส่วนหน้าเอาไปแค่ 1 พอ!
หวางเหยียนเองก็รู้จักผมเธอพาเอวคอดกิ่วเดินเข้ามาหาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่ต่ำกว่าเจ็ดเิเรองรับขาขาวจั๊วะที่สวยเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบทันใดนั้นก็มาหยุดยืนอยู่ที่ข้างป้อมยามก่อนจะมองมาที่ผมพร้อมกับยิ้ม “หลี่เซียวเหยา วันมะรืนนี้ Destiny จะเปิดให้บริการแล้วนะอะไรกันนี่ นายอยากจะเป็ยามไปจนตายเลยหรือไง? ฉันว่าตามฉันมาดีกว่านะแผนกธุรกิจของเรากำลัง้าจัดตั้งทีมเกมอยู่พอดี นายมาเป็ลูกมือพวกเราสิ? ดูนี่ ฉันได้หมวกเกมรุ่นลิมิเต็ดมาด้วยล่ะ...”
ผมเหลือบมองไปที่มือของเธอ หมวกสีขาวที่จริงแล้วเป็หมวกเกมของ Destiny ที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ ราคาตกอยู่ที่ใบละหนึ่งหมื่นหยวนแต่เงินเดือนของผมแค่หนึ่งพันหยวน จึงดูเหมือนว่าของชิ้นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเท่าไรนัก
ผมมองไปเบื้องหน้าก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลางๆ ไม่อ่อนน้อมหรืออวดดีว่า “โทษทีนะพี่หวาง แต่ผมต้องทำงาน!”
หวางเหยียนถือหมวกเกมแล้วโน้มตัวลงจนเผยให้เห็นเนินเขาสองลูกที่อยู่ภายใต้เสื้อ “เฮ้อ พี่ชอบความเ็าของนายจัง แต่ลองกลับไปคิดให้ดีๆ แล้วกันถ้าเปลี่ยนใจยอมตกลงก็มาหาฉันได้ ฉันจะเตรียมอาหารให้นายสามมื้อเช้าเที่ยงเย็นเลยแล้วก็จะซื้อการ์ดเกมให้ด้วย อีกอย่าง...”
เธอโน้มตัวมาด้านหน้าพร้อมกับยักบั้นท้ายอันกลมกลึงส่ายไปมาเบาๆก่อนจะเผยรอยยิ้มงาม “อีกอย่างถ้านายทำได้ดีละก็... มีรางวัลพิเศษให้ด้วยนะ!”
……
หลังจากที่ผมยังคงเงียบไม่พูดอะไร หญิงสาวก็เดินกลับเข้าไปข้างในทันทีที่เห็นดอกไม้แห่งแผนกธุรกิจเดินจากไปแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้นเสียงกระแอมกระไอของหัวหน้างานรักษาความปลอดภัยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “หลี่เซียวเหยา ดอกไม้แห่งแผนกธุรกิจสนใจนายเหรอเนี่ย?”
ผมยังคงเงียบไม่พูดอะไรพร้อมกับยืนเฝ้ายามต่อไป ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุทำให้รู้สึกราวกับว่าร่างกายแทบจะถูกย่างจนกลายเป็ไก่ย่างออสเตรเลียแม้แต่ตัวผมยังรู้สึกเลยว่าเหมือนมีควันกำลังลอยออกจากร่าง
ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ผมใจเต้นแรงไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้แต่เป็หมวกเกมนั่นต่างหาก Destiny คือเกมเสมือนจริงที่ใช้เวลาในการพัฒนาถึงสิบปี มีความสมจริงสูงถึง 97% แถมยังไปไกลกว่าพวกเกมั์ใหญ่ก่อนหน้านี้ที่มีความเสมือนจริงเพียง39% เท่านั้นผมเองซึ่งเป็พวกมือสมัครเล่นทางด้านเกมได้ยินแล้วก็ยังอดรู้สึกใจเต้นแรงไม่ได้แต่น่าเสียดายที่เงินเดือนแค่นี้ของผมยังไม่พอจะซื้อการ์ดเกมด้วยซ้ำฉะนั้นหมวกเกมราคาแพงหูฉี่นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
จู่ๆ ผมก็เกิดอาการตัวสั่นเล็กน้อยขณะที่กำลังสงสัยว่าร่างกายตัวเองคงจะถูกย่างอยู่นั้น เสียงของหล่าวยวี๋ก็ะโมาจากที่ที่ไกลออกไป “หลี่เซียวเหยา ไม่ต้องเข้ายามแล้ว ผู้จัดการหลิ่วให้นายไปที่แผนกถ่ายภาพวันนี้เป็วันหยุดสุดสัปดาห์ ที่นั่นกำลังถ่ายแบบกันอยู่ เขากำลังขาดคน!”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
……
แผนกถ่ายภาพตั้งอยู่ที่ชั้นเจ็ดของบริษัทโดยทั่วไปแล้วที่นี่มักจะเชิญดาราหรือเหล่านางแบบนายแบบมาถ่ายภาพโปรโมตให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งวันนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเชิญใครมา
เมื่อเดินมาถึงชั้นเจ็ดผมซึ่งเป็ที่รู้จักของเหล่าพนักงานในแผนกถ่ายภาพก็ถูกเรียกใช้ทันที “หลี่เซียวเหยา รีบไปช่วยพวกเราย้ายกล่องที่สตูดิโอหน่อย...”
และก็เป็เช่นนั้นจริงๆ ชีวิตของผมคือการย้ายกล่อง!
“เฮ้... เ้าหนู นายรู้หรือเปล่าว่าวันนี้เราจะถ่ายใคร?” เขาโอบไหล่ผมพร้อมกับถาม
ผมส่ายหน้า “ไม่รู้สิจะถ่ายใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว”
เขายิ้มออกมา “นายนี่ไม่เปิดรับแถมเข้าใจยากจริงๆ มิน่าล่ะถึงยังไม่มีแฟน!”
ไม่มีแฟน!!!
เพียงสามพยางค์นี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนหมัดหนักๆ ซัดเข้ามาที่กลางใจถึงสามครั้งนี่เป็การทำลายศักดิ์ศรีของผมอย่างสมบูรณ์แบบ!
“เธอเป็คนยังไงเหรอ นายถึงได้ตื่นเต้นขนาดนั้น?” ผมถาม
“ดาราดังคนหนึ่งเลยล่ะ อีกอย่างเป็สาวงามด้วยนะวันนี้ถือเป็บุญตาของนายจริงๆ ที่ได้มาเห็นดาราระดับแนวหน้าด้วยตาตัวเองช่างเป็โชคของนายจริงๆ!”
“ถุย... ดารงดาราอะไรกัน ฉันมาที่นี่ก็เพื่อยกกล่องเท่านั้นแหละ!”
“...”
……
หลังจากเข้าสู่แผนกถ่ายภาพ และกล่องก็เพิ่งถูกยกไปได้ไม่กี่ใบซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกถ่ายภาพก็เริ่มะโ “หลี่เซียวเหยาไปที่โกดังหมายเลข 13 แล้วเอาบันไดมา รีบไปตอนนี้เลย!”
“คร้าบ!”
ผมก็คืออิฐก้อนหนึ่งของบริษัท ที่ไหน้าตัว ผมก็ย้ายไปที่นั่น ถ้าจะว่ากันตามตรงผมสมควรได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็ CEO ตั้งนานแล้ว!
หลังจากวิ่งมาถึงโกดังเก็บของก็พบว่าประตูถูกล็อกอยู่ แต่ผมมีกุญแจจึงจัดการดึงพวงกุญแจซึ่งเต็มไปด้วยลูกกุญแจออกมา ก่อนจะเช็กยืนยันความถูกต้องเอาละ เปิดประตูได้!
“แกร๊ก!”
กุญแจถูกปลดล็อกก่อนที่ผมจะรีบดึงประตูอย่างเร็วทว่าทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้องอุทานและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อเป็หิน
ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เป็ฉากที่สามารถทำให้เืกำเดาถึงกับพุ่งกระฉูดมันคือสาวน้อยคนงามเ้าของเรือนร่างอันร้อนแรงที่ดูเหมือนว่ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในมือนั้นถือยกทรงสีชมพูที่ยังไม่ได้สวมใส่ตัวหนึ่งยอดเขาทรงกลมสองลูกบนหน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อยพร้อมกับผลสตรอว์เบอร์รีสองลูกที่เผยให้เห็นเต็มสองลูกตามองเลื่อนลงไปด้านล่างเห็นผ้าไหมบางๆ ที่ห่อหุ้มอยู่ก็ทำให้แทบหายใจไม่ออกถัดจากส่วนนั้นลงไปคือเรียวขายาวคู่หนึ่งซึ่งขาวเนียนผุดผ่องราวกับหยกที่ถูกขัดเงางดงามจนมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
เธอคนนั้นยืนอึ้งด้วยความใสุดขีด หลังจากผ่านไปสองวินาทีจึงรีบยกมือปิดหน้าอกหน้าใจแล้วมองมาที่ผมดวงตาคู่งามนั้นแสดงความโกรธเคือง ทว่าน้ำเสียงที่กล่าวออกมากลับราบเรียบ “นายเป็ใครน่ะ!!!”
ผมเองที่ตกตะลึงไปไม่ต่างกันยังไม่ทันจะพูดอะไรก็รีบดึงประตูปิดด้วยความรวดเร็ว!
ร่างกายผมแทบจะขาดอากาศหายใจซะเดี๋ยวนี้หลังจากยืนนิ่งอยู่กับที่โชคดีเมื่อเอามือลูบจมูกก็ไม่ปรากฏเืกำเดาไหลออกมา และยังไม่ได้ยินเสียงใดๆจากภายในห้องรูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าของหญิงสาวทำให้ผู้คนััได้ถึงความน่าอภิรมย์ต่างจากบรรดาสาวๆ ในบริษัทของเรา เธอผู้นี้ดูสง่างามและทรงเกียรติหากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคงเป็ดาราที่คนพวกนั้นพูดถึงแน่ๆ ให้ตายสิ! นี่ผมทำอะไรลงไปวะเนี่ย?!
ส่วนสูง 170 เิเ รูปร่างหน้าตา 10 คะแนน สัดส่วน 10 คะแนน คัพ D34 ชัวร์ป้าบ!
ใจผมยังคงเต้นระรัวอยู่ครู่หนึ่ง นับว่าชาตินี้เกิดมาไม่เสียเปล่าแล้ว...
เมื่อมองไปที่ประตูก็เห็นป้ายระบุไว้ว่าคือห้องเปลี่ยนชุด B ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ผมดันเห็นเป็ห้องเบอร์ 13 ไปได้ มันใช่โกดังเก็บของเบอร์ 13 ซะเมื่อไรเล่าป้ายอะไรวะเนี่ย ไม่ชัดเจนเลย ดันออกแบบตัว B แยกออกจากกันซะขนาดนั้น!
……
หลังจากผ่านไปได้สิบนาที ผมก็อุ้มบันไดกลับมาที่แผนกถ่ายภาพอย่างระมัดระวัง
ณบนเวทีแสงไฟสว่างจ้ากำลังสาดส่องไปยังร่างของคนผู้หนึ่งซึ่งก็คือสาวงามในชุดสีม่วงที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยในมือกำลังถือผลิตภัณฑ์ของบริษัทพวกผมอยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มงามพริ้มจนทำให้หัวใจคนมองแทบจะหลุดออกมา เธอนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยมราวกับสาวพรหมจารีอารมณ์ที่สื่อออกมาทำให้ตากล้องของพวกผมต่างพากันตกตะลึง ทว่าผมกลับรู้สึกหวั่นๆในใจ เพราะเธอคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็แม่สาวคัพ D34นั่นเอง เวรแล้วไง ผมเจอปัญหาเข้าแล้วสิ!
“คัต!”
หลังจากวางบันไดลงผมก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า “ซูเปอร์ไวเซอร์ครับผมเอาบันไดมาให้แล้ว ยังมีอะไรให้ผมทำอีกไหมครับ?”
ซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกถ่ายภาพที่กำลังมองขาขาวๆ ของสาวงามเช็ดน้ำลายตัวเองก่อนพูดกับผมว่า “ไม่มีอะไรแล้วนายกลับไปเถอะ!”
“ครับ...”
ความเครียดของผมคลายลง ขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั้นสาวงามที่ถูกสาดส่องด้วยสปอตไลต์ก็ลุกขึ้นก่อนจะมองมาที่ผม “คนที่สวมชุดยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นน่ะ รอก่อน...”
ซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกถ่ายภาพเกิดอาการแปลกใจ “คุณหลินมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
แม่สาวคัพ D34 มองมาที่ผมภายในดวงตาอันงดงามเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมรอยยิ้มที่ระบายออกมาซ่อนความหมายไว้ภายในก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “บอดี้การ์ดของฉันมีธุระเพิ่งจะขอตัวกลับไป ฉันต้องกลับคนเดียว ก็เลยอยากให้ยามคนนี้ช่วยเป็บอดี้การ์ดให้ฉันสักหนึ่งชั่วโมงน่ะค่ะ!”
“อ้อ ได้ครับ!”
ซูเปอร์ไวเซอร์ตบบ่าของผมก่อนจะยิ้มและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไอ้หนูโชคดีจริงๆ เลยนะเนี่ยที่เธอสนใจนายด้วย!”
มุมปากของผมกระตุกก่อนจะเงยหน้ามองเขาพร้อมกับแอบพูดในใจว่า “สนใจกับผีสิวะ! ดูก็รู้ว่าเธอกำลังหาวิธีฆ่าผมอยู่เนี่ย...”
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง การถ่ายแบบก็เสร็จสิ้นลง แม่สาวคัพ D34 เดินเข้ามาหาพวกผมพร้อมกับกลิ่นหอมรัญจวนใจ เธอยิ้มให้ผมเล็กน้อย “นายรอฉันที่นี่นะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ”
ผมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ตอนนี้ฝ่ามือของผมชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดเื่ใหญ่เข้าแล้ว...
ผ่านไปประมาณสิบนาที แม่สาวคัพ D34ก็เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดในสภาพเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นสีขาวเห็นแล้วรู้สึกสดชื่นเกินกว่าจะหาคำมาบรรยายขาคู่เรียวยาวสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่สายตาคนมอง ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามชวนให้คนหลงใหลแต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมกับความงามเ่าั้เลยเนื่องจากััได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น ผู้หญิงประเภทนี้เมื่อเทียบกับผู้หญิงโหดๆแล้ว หล่อนดูอันตรายกว่าเยอะ
“ไปกันเถอะ?” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับมองมาที่ผม
ผมได้แต่พยักหน้าเงียบๆ
เมื่อเดินตามเธอออกจากบริษัทก็พบว่าด้านนอกมีเมฆดำครึ้มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าดูเหมือนว่าฝนใกล้จะตก
ภายในลานจอดรถ ไฟหน้าของรถออดี้ทีทีสีขาวกะพริบขึ้น ผมกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกประหม่า ไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังรอต้อนรับผมอยู่
“ขึ้นรถ!”
แม่สาวคัพ D34 พูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
ผมยอมขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับแต่โดยดีส่วนเธอเข้าไปประจำที่คนขับด้วยท่าทางคล่องแคล่วหลังจากเอามือจับไปที่เกียร์หญิงสาวก็หันมามองหน้าผมด้วยดวงตาคู่งามซึ่งแฝงความหมายบางอย่างที่ผมก็ไม่เข้าใจก่อนที่เธอจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราจะออกไปเที่ยวเล่นกัน...”
“ออกไปเที่ยวเล่น...” ผมอ้าปากกว้างพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเธอจะขับรถเล่น หรือเธอจะเล่นผมกันแน่?
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมกับรถออดี้ทีทีที่เคลื่อนออกจากลานจอดรถรถที่ขับออกมาไม่ได้อยู่ในพื้นที่ขอบเขตเมืองเธอขับขึ้นไปบนเส้นทางหลวงอันคดเคี้ยวของเทียนผิงซานที่อยู่ขอบชานเมืองในเวลาเดียวกันเสียงฟ้าร้องก็ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเม็ดฝนกระทบกับกระจกหน้ารถ ทว่าความเร็วของยานพาหนะกลับไม่ลดลงเลยความเร็วตรงหน้าทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้นถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะขับรถเป็และดูเชี่ยวชาญแต่การขับรถแบบนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว!
……
ทันใดนั้นรถก็เบรกกะทันหันแล้วจอดนิ่งสนิทตรงเชิงเขาหญิงสาวเอนหลังพิงพนักเบาะเงียบๆ ก่อนจะยิ้มให้ผม “รอแป๊บนึงนะ...”
ผม “…”
เธอกดโทรศัพท์ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันถึงแล้วพวกเธอจะมาถึงตอนไหน? อะไรนะ? ฝนตกก็เลยจะไม่แข่งแล้ว? ชิ! พวกเธอนี่มันอะไรกัน รีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หญิงสาวเงียบไม่พูดอะไรสักคำ ทว่ากลับทำให้ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นของลางที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้านล่างของเชิงเขาก็มีรถขับขึ้นมาสองคันคันหนึ่งเป็รถเฟอร์รารี่ส่วนอีกคันเป็รถคามาโร ทั้งสองเป็รถยนต์สมรรถนะสูงซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็เกมแข่งรถของพวกลูกคนรวย ให้ตายเหอะ! ทีทีถึงแม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่เลวแต่ถ้าต้องสู้กับเฟอร์รารี่ก็ดูท่าจะไม่ไหวหรือเปล่า?
ผมหันไปมองหญิงสาวขณะที่เธอก็มองผมกลับเช่นกันมุมปากของเธอกระตุกพร้อมกับรอยยิ้มอันงดงามที่ทำให้หัวใจผมสั่นไหว
“คุณ...” ผมยังคงอยู่ในอาการสงบพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณจะให้ผมตายไปพร้อมกับคุณเหรอ?”
สาวคัพ D34 หัวเราะเบาๆ “ทำไม? กลัวเหรอ?”
ผมยืดอก “กลัวอะไรกัน...”
“ก็จริง เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนชุดนายยังจ้องฉันไม่วางตาเลยฉันว่ามันก็คุ้มค่าแล้วละ” เธอพูด
ผม “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมก็แค่จะไปเอาบันไดเท่านั้นเอง...”
หญิงสาวคัพ D34ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็ไรหรอกไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ”
เสียงภายในใจผมคำรามขึ้น “ใกล้ตายอยู่แล้ว จะไม่ให้เก็บมาใส่ใจได้ไงฟะ!!!”