ครั้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล ผมก็ลุกขึ้นก่อนจะหันไปมองด้านหลังจึงได้พบกับซ่งหาน เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 24 ปีเขาเป็น้องคนสนิทของผมที่เคยเล่นเกมด้วยกันก่อนหน้านี้ ฉายาในเกมของเขาคือ ‘เสี่ยวหลาง’ ตำแหน่งในเกมคืออาชีพแอสซาซินซึ่งเป็ผู้เล่นในกลุ่มที่เก่งที่สุดอีกด้วย
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เพราะสำหรับซ่งหานแล้วนับถือผมเป็ฮีโร่แต่ในวันนี้เขากลับมาเห็นผมในสภาพถูกไล่ออกจากที่พักจนต้องมานอนตากน้ำค้างด้านนอกความอับอายนี้จะปล่อยให้น้องชายคนสนิทรู้ได้อย่างไรกัน
ผมจึงกระซิบออกมาเบาๆ ว่า “่นี้ฉันกำลังฝึกวิทยายุทธ์ชั้นสูงน่ะต้องซึมซับกับธรรมชาติ ทั้งฝน ลม หิมะ เมื่อคืนฉันก็เลยออกมานอนด้านนอก ว่าแต่...นายมาทำอะไรที่นี่?”
ซ่งหานมองแปรงสีฟันและถ้วยมาม่าที่อยู่ข้างตัวผม มุมปากของเขากระตุก “ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่โดนไล่ออกมาจากห้องล่ะ... นี่พี่ไม่ได้จ่ายค่าเช่าห้องมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”
ผมส่ายหน้า “นี่เป็ภาพลวงตาเท่านั้นแหละพวกเราโตเป็หนุ่มแล้วนะ ต้องมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกอาจารย์จริยธรรมไม่เคยสอนเื่พวกนี้กับนายหรือไง?”
ซ่งหานยิ้ม “พี่เซียวเหยา... หยุดหลอกตัวเองเถอะยายป้าเ้าของหอนั่นทำให้พี่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ใช่ไหม?”
ผมส่ายหน้า “จะเป็แบบนั้นได้ยังไงนายคิดมากเกินไปแล้ว...”
……
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องที่อยู่ด้านขวามือก็ถูกเปิดออกยายป้าเ้าของหอพักโผล่หน้าออกมาดู ทว่าแกล้งทำเป็มองไม่เห็นพวกเขาก่อนจะด่าขึ้นมาลอยๆ ว่า “ชิ! เ้าหลี่เซียวเหยานั่นยังไม่กลับมาที่นี่แฮะ ไม่จ่ายค่าห้องฉันก็ยังเฉยๆแต่นี่แม้แต่ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่จ่ายให้สักแดงเดียว ยังมีหน้ามาขอให้ยืดเวลาออกไปอีกถุย! เด็กสมัยนี้เป็อะไรกันไปหมดไม่จริงจังกับการทำงานหาเงิน แม้แต่ค่าเช่าห้องยังไม่มีปัญญาจ่ายไร้อนาคตจริงเชียว คนแบบนี้ต้องอยู่เป็โสดไม่มีลูกมีเมียไปจนวันตายนั่นแหละ”
ได้ยินเช่นนั้นผมก็เงียบพูดอะไรไม่ออก... จะด่าว่าผมจนก็ด่ามาสิวะแต่มาแช่งให้ผมไม่มีเมียตลอดชีวิตอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ยแรงเกินไปแล้วนะยายป้ามหาภัย!
ซ่งหานยิ้มออกมา “ชิ ยายป้านี่น่ารำคาญจริงๆพี่เซียวเหยาทนอยู่ได้ยังไงเนี่ย นับถือพี่จริงๆ เลยให้ผมจัดการสับหัวยายป้านั่นทิ้งเลยดีไหม?”
ผม “ใจเย็นๆ วางมีดในมือลงก่อนเ้าหนู...”
ซ่งหาน “งั้นพี่รอผมครึ่งชั่วโมงนะ เดี๋ยวผมมา”
“นายจะทำอะไร?”
“เอาน่า เดี๋ยวก็รู้เองแหละ!”
ผมจัดการรวบรวมข้าวของมัดไว้ด้วยกัน ถ้าทำแบบนี้จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกขึ้นหลังจากรออยู่พักหนึ่ง ซ่งหานก็กลับมาพร้อมกับถังใบใหญ่ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งภายในนั้นเต็มไปด้วยอึสีเหลืองทองอร่าม ผมเห็นเช่นนั้นก็อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้ “เสี่ยวหลาง นายจะเอาไปทำอะไรเนี่ย?”
ซ่งหานยิ้มพลางหยิบถุงออกมาจากกระเป๋า ซึ่งภายในนั้นมีตั๊กแตนและหนอนตัวเล็กๆสีเขียวขยับยั้วเยี้ยไปมา เขายิ้มพร้อมกับพูดออกมาว่า “ผมไปที่สวนของบ้านลูกพี่หลิวเพื่อไปเอาหนอนพวกนี้มาสดๆร้อนๆ เลย แล้วก็ไปจับตั๊กแตนจากสวนของป้าหวางมาด้วย หึๆยายป้าเ้าของหอนั่นไร้ยางอายขนาดนั้น ผมคงต้องให้รางวัลจนลืมไม่ลงสักหน่อยเอาไปเลยตั๊กแตนสายพันธุ์ขี้!”
ผมถึงกับตัวสั่นหลังจากที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรต่อจากนี้
“พี่เซียวเหยา ไปซ่อนไกลๆ เลย”
“โอเค”
ผมเก็บสัมภาระของตัวเองก่อนจะวิ่งห่างออกไปหลายสิบเมตร ระหว่างที่ซ่งหานนำถังอึวางไว้ข้างๆกำแพงบ้านของยายป้าเ้าของหอพัก หลังจากนั้นเขาก็เปิดถุงแล้วเทแมลงลงไปเ้าพวกแมลงสีเขียวที่กลายเป็สีเหลืองทองอร่ามปีนขึ้นจากถังอึที่อยู่บนกำแพงแล้วะโบินเข้าไปในบ้านหลังนั้นและก่อนจะหนีออกมาเขายังทิ้งร่องรอยไว้อีกด้วยซึ่งดูเหมือนไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะทำความสะอาดอุจจาระพวกนั้น
หลังจากสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ผมก็ตบไหล่ซ่งหานก่อนพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหลาง นายนี่มันพี่น้องที่พลัดพรากจากกันั้แ่เด็กของฉันจริงๆ เลย!”
ซ่งหานยิ้ม “รีบไปเหอะพี่ก่อนที่นรกจะมาเยือน”
“เออๆ ไปๆ”
ด้านหลังพวกเขาตามมาด้วยเสียงก่นด่าของยายป้าเ้าของหอที่ดังมาจากในห้องช่างเถอะ จะเป็อย่างไรก็ช่าง ยังไงทั้งชาตินี้ก็ไม่คิดจะมาเจอกับยายป้านี่แล้วละ
……
ระหว่างทางที่พวกผมกำลังเดินอยู่
บนหลังของผมตอนนี้แบกข้าวของที่ขนออกมาจากหอพักโดยมีซ่งหานช่วยถือพวกจานชามให้
“นี่พี่เซียวเหยา ที่ผมมาหาพี่ที่นี่ก็เพราะว่ามีเื่อยากจะคุยด้วย” เขาบอกขณะที่โบกจานพอร์ซเลนในมือ
ผมพยักหน้า “ฉันรู้ ว่ามาสิ มีเื่อะไร?”
ซ่งหานหยุดเดินก่อนจะกำหมัดแน่น พร้อมกับสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่น “ผมมาหาพี่ก็เพราะว่าเหล่าเคกับหูหลีพวกนั้นอยากจะกลับมาสร้างกิลด์จ่านหลงอีกครั้งพวกเรามาสร้างความยิ่งใหญ่ในฐานะฮีโร่ในเกม Destiny กันดีไหม?”
ผมมองไปที่อีกฝ่าย “นายมีเงินซื้อหมวกเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่มี”
“งั้นก็คงต้องรอไปก่อนแล้วละ หาเงินกันก่อนก็แล้วกัน”
“พี่เซียวเหยา... ตอนนี้พี่ก็ถูกไล่ออกจากหอแล้ว พี่จะเอายังไงต่อ? พักข้างนอกนี่ถือเป็ปัญหาหนึ่งเลยนะพี่” ซ่งหานมองผมด้วยความเป็ห่วง
ผมยิ้มออกมา “ชิ! เื่แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกเดี๋ยวฉันจะไปบริษัทแล้วขอทำงานกะดึกหลังจากนี้ก็สามารถปูผ้าห่มนอนอยู่ที่นั่นได้แล้วอีกอย่างที่นั่นมีเครื่องต้มน้ำร้อน แถมยังมีห้องน้ำอีก นายไม่ต้องเป็ห่วงฉันหรอก”
ซ่งหานพยักหน้า “ก็ได้ งั้นคงต้องตามนี้ไปก่อนรอให้ผมมีเงินพอที่จะสร้างกิลด์ขึ้นอีกครั้ง ผมจะกลับมาหาพี่นะ”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา ว่าแต่ตอนนี้นายทำอะไรอยู่เหรอ?”
“อ๋อตอนนี้ผมทำหน้าที่เป็บาทหลวงที่ช่วยกล่าวคำปฏิญาณตนให้กับคู่บ่าวสาวอยู่ครับ”
“ดีเลย เป็งานที่ดูมีอนาคตนะ...” ผมพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ “ยังไงช่วยพาฉันไปสอบใบอนุญาตเป็บาทหลวงด้วยล่ะเราจะได้ทำงานเป็ผู้ดำเนินพิธีงานแต่งด้วยกัน!”
“ได้ครับ!!!”
……
ณ บริษัท
หัวหน้าแผนกยามทุบโต๊ะและเก้าอี้ปังก่อนจะชี้หน้าผม “ไม่มีที่ว่างแล้วเว้ย! กะดึกไม่ใช่ตำแหน่งที่มาขอทำกันได้ง่ายๆแผนกเรามียามตั้งเยอะแยะ ใครๆ ก็อยากจะทำกะดึกกันทั้งนั้นถึงแกจะอยากทำก็ไม่มีที่ว่างให้แกหรอก แล้วนี่แกเอาผ้าห่มกับเสื่อมาทำอะไรวะ? จะมาประท้วงหน้าบริษัทหรือไง?”
ผมเผยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น “หัวหน้าครับผมจะไปกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง”
“เออ ถ้ารู้แล้วก็เข้ากะบ่ายต่อไป เอาของพวกนี้ของแกออกไปด้วย!”
“ครับ หัวหน้า”
ผมแบกสัมภาระเดินออกจากประตูใหญ่ของบริษัท... เฮ้อ... ถูกปฏิเสธอีกแล้วนอนในบริษัทไม่ได้แล้วสินะ แต่โลกก็ปฏิเสธผมมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว การรอคอยนี่มันก็เหมือนกับการรอรักแรกนั่นแหละต้องมีจิตใจที่ดี เพราะทัศนคติที่ดีจะเป็ตัวตัดสินทุกอย่าง เอาละ หาวิธีใหม่ก็แล้วกัน
ทันทีที่ผมเดินออกมาก็มีรถตำรวจขับมาจอดริมถนนก่อนจะหยุดผมเอาไว้ประตูรถถูกผลักออกพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างที่คุ้นเคยเขาคือหวางซิ่นหัวหน้าหน่วยสวาท และเคยเป็หัวหน้าเก่าของผมด้วย!
“ขึ้นมาสิ!” หวางซิ่นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ผมพยักหน้าก่อนจะโยนสัมภาระเข้าไปในรถแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม “หัวหน้าหวางคงไม่ใช่ว่าจะมาชวนผมไปดื่มชาเฉยๆ ใช่ไหมครับ? ผมออกจากหน่วยมาเกือบสองปีแล้วคงไม่ใช่ว่ามีอะไรที่ยังสะสางไม่เรียบร้อยหรอกใช่ไหมครับ?”
หวางซิ่นยิ้ม “เ้าเด็กนี่! จากสายลับมาเป็หน่วยสวาท จากหน่วยสวาทกลายเป็ตำรวจจราจรจากตำรวจจราจรกลายเป็ผู้ช่วยตำรวจ จากผู้ช่วยตำรวจกลายเป็ยาม... คนอื่นเขามีแต่ไต่ขึ้นแต่นายดันไต่ตำแหน่งลงมาเรื่อยๆ เนี่ยนะ?”
ผมยิ้มเจื่อนๆ ด้วยความอับอาย “ก็ไม่เห็นจะเป็อะไรเลย...”
หวางซิ่นมองผมก่อนพูดต่อว่า “ตอนที่นายถูกปลดออกจากหน่วยสวาทฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของนาย แต่นายก็เถรตรงเกินไปไม่มีใครกล้าตรวจสอบอะไรด้วย ถึงแม้นายจะสามารถหาคนกระทำผิดจนเจอแต่สุดท้ายนายเองก็เห็นแล้วว่า พวกเขามีวิธีจัดการกับเ้าหน้าที่ระดับล่างอย่างนายอยู่ดี...ตอนนั้นฉันเองก็อยากจะช่วย แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันไม่มีอำนาจพอจะช่วยนายได้นายคงจะไม่ถือโทษโกรธฉันหรอกใช่ไหม?”
ผมส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “เื่ในอดีตไม่ต้องพูดถึงหรอกครับผมลืมมันไปหมดแล้ว...”
“หึ!”
หวางซิ่นกอดอกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ครั้งนี้ที่ฉันมาหานายก็เพราะมีงานให้ทำเป็งานที่สำคัญและเข้มงวดมาก ฉันหวังว่านายจะลองพิจารณาดู”
“งานอะไรครับ?” ผมถาม
หวางซิ่นพูด “นายเคยได้ยินชื่อ เทียนซินกรุ๊ปไหม? ปัจจุบันเป็ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจีนตะวันออกเฉียงใต้เลยนะ”
ผมพยักหน้า “รู้จักครับ... แล้วมันเกี่ยวอะไรกันเหรอครับ?”
หวางซิ่นยิ้ม “ความแข็งแกร่งของเทียนซินกรุ๊ปกลายเป็ที่สนใจของคนจำนวนมากอีกอย่างมีการแทรกแซงอำนาจจากต่างประเทศ ซึ่ง CEO ของเทียนซินกรุ๊ปมีวิสัยทัศน์ที่เติบโตมาจากสายทหารอยู่แล้วเขาจึงไม่กลัวเื่นี้ แต่จุดอ่อนของเขาอยู่ที่ลูกสาว เขาเคยจ้างบอดี้การ์ดมาแล้วหลายคนแต่ล้วนไม่เอาไหน ดังนั้นฉันก็เลยนึกถึงนายขึ้นมา...”
ผมหัวเราะเสียงเย็น “หยุดเลยครับ ผมไม่อยากรับภารกิจพวกนี้แล้วผมไม่อยากถูกหักหลังอีก ผมเข็ดแล้วจริงๆ!”
“อย่าพูดแบบนี้สิ ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ นะ นายก็แค่ดูแลและคุ้มกันลูกสาวของเขาไม่ให้เกิดอันตรายแค่นั้นเองอีกอย่างเงินค่าจ้างสูงมากเลยนะ”
ตาของผมเป็ประกายทันที “เท่าไรครับ?”
“8,000 หยวนต่อเดือน”
“หืม?...”
ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ดีกว่าครับผมขอไม่รับงานนี้ ผมไม่อยากทำงานที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกผมว่าเป็ยามก็ดีอยู่แล้วนะครับ ผมอยู่ที่นี่มา 2 เดือน เื่อันตรายที่สุดก็แค่กาต้มน้ำร้อนคว่ำตกลงมาก็แค่นั้น...”
หวางซิ่น “…”
หลังจากผ่านไปสักพัก หวางซิ่นก็มองมาที่ผม “โอเคถ้างั้นฉันจะออกเงินส่วนตัวเพิ่มให้ เท่ากับว่าทุกเดือนนายจะได้รับเงิน 1หมื่นหยวน นายโอเคไหม? นอกจากงานสังหารแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะทำเงินได้ดีไปกว่านี้แล้วละ...”
โอ้โฮ เงินโคตรล่อตาล่อใจเลยเว้ย!
ผมแทบจะหายใจไม่ออกพร้อมกับเกิดการต่อสู้ขึ้นภายในจิตใจ “ถ้าให้ผม 1 หมื่น... อืม... ยังไงผมขอพิจารณาดูอีกทีแล้วกันนะครับเพราะผมไม่อยากจะเซ็นสัญญาที่ทำให้ผมต้องตกเป็ทาสอีก...”
หัวหน้าหวางกวาดตามองไปที่สัมภาระของผม “ถ้างั้น...นอกจากเงินเดือน 1 หมื่นหยวนฉันจะมอบผ้าห่มติดแอร์ที่เบาเหมือนขนนกให้นายอีกผืนเป็ไง”
“ว่าไงนะครับ?!”
ร่างกายของผมเกิดอาการสั่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับกำหมัดแน่น “ผ้าห่มติดแอร์ที่เบาเหมือนกับขนนก... ไม่มีใครในโลกที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้หรอก...ผม... โอเค... ตกลง ผมรับงานนี้!”
หวางซิ่นยิ้ม “เยี่ยม!”
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “แต่... คุณต้องคืนคู่หูผมมาด้วยเพราะผมไม่อยากจะปกป้องคุณหนูพันล้านด้วยหมัดของผมเองหรอกนะ...”
หวางซิ่นพยักหน้า “อื้อ... คู่หูของนายอยู่ท้ายรถแล้วนายไปเอาเองก็แล้วกัน หยิบเสร็จฉันจะพานายไปพบกับผู้ว่าจ้าง ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถเซ็นสัญญากันได้เลย”
“ครับ!”
……
เมื่อผมลงมาเปิดประตูท้ายรถ ก็เห็นกล่องยาวสีดำที่วางอยู่ในนั้นภายนอกกล่องถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ข้างในมีดาบยาวโบราณวางอยู่ผมยื่นมือไปจับพร้อมกับความหลังเก่าๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เสี่ยวเฮย ไม่เจอกันนานสองปีแล้วนะ!”
หวางซิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็พูดขึ้นว่า “ฉันแทบต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อเอาเ้านี่ออกมาจากคลังเลยนะหลี่เซียวเหยา นายนี่แปลกคนจริงๆ ใช้ดาบเล่มนี้ตัดมือทั้งสองข้างของลูกชาย ส.ส.ได้เหอะ ไม่มีอะไรที่นายไม่กล้าทำจริงๆ”
ผมพูดด้วยเสียงเรียบๆ “ถ้าไม่มีใครอยากทำผมก็จะเป็คนทำมันเอง”
“เอาละ ไปกันเถอะ ไปพบผู้ว่าจ้างกัน”
“ครับ”
……
หลังจากผ่านไปได้สิบกว่านาที รถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปจอดที่ด้านข้างของโรงยิมขนาดใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งผมใช้ผ้าสีดำคลุมเสี่ยวเฮยไว้ แล้วอุ้มมันพร้อมกับเดินตามหวางซิ่นเข้าไปด้านในระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงดาบกระทบกัน... ว้าว... ดูเหมือนว่าฝีมือจะใช้ได้เลยนะเนี่ย!