หลินกู๋หยู่ถอนมือ และถามอย่างวิตกกังวลว่า "เจ็บไหม?"
"ไม่" ฉือหางตอบเสียงเบา
"ถ้าข้าแตะส่วนที่ทำให้เ้าเจ็บ เ้าก็พูดออกมาสักคำ"
หลังจากหลินกู๋หยู่พูดจบ นิ้วชี้ขาวเรียวก็ลูบเบาๆ ผ่านแผ่นหลังของชายหนุ่มจากบนลงล่าง
การเคลื่อนไหวของนางเบามาก ฉือหางไม่รู้สึกไม่สบายใดๆ หัวใจของเขารู้สึกคันเหมือนถูกขนนกกวาดไปทั่ว
เขาโลภความอ่อนโยนของนิ้วมือของนาง
หลังจากที่เขากลายเป็เช่นนี้ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเขาอีก ทุกคนปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็สัตว์ร้าย
ปลายนิ้วของหลินกู๋หยู่ัักับรอยช้ำ ฉือหางพลันพูดว่า "เจ็บ" จากนั้นก็เงียบไป
ในที่สุดหลินกู๋หยู่ก็เข้าใจสภาพร่างกายปัจจุบันของฉือหาง
เขาตกจากูเาและได้รับาเ็ที่กระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลังส่วนคอเกิดความเสียหายมักจะพบได้บ่อยที่สุด จากการสังเกตสภาพร่างกายของฉือหาง สถานการณ์ยังคงเป็ไปในทางที่ดี หากใช้วิธีรักษาแบบอนุรักษนิยมโดยการไม่ผ่าตัด หลินกู๋หยู่มั่นใจว่าร่างกายของฉือหางจะสามารถฟื้นตัวได้เหมือนเดิมถึงแปดส่วนในสิบส่วน
อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็ยุคสมัยโบราณ วิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ได้รับการพัฒนา ไม่น่าแปลกใจที่คนเ่าั้ล้วนบอกว่าเขาจะต้องอยู่นอนบนเตียงตลอดชีวิต
หลินกู๋หยู่ช่วยฉือหางพลิกตัวให้นอนราบอย่างระมัดระวัง
ฉือหางเห็นหลินกู๋หยู่มือเปล่าไร้การป้องกันใดๆ ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนทันที "เ้าอาจจะติดเชื้อจากข้าได้"
หลินกู๋หยู่เหลือบมองมือของตนเองปราดหนึ่ง นางไม่ตอบคําพูดของฉือหาง กลับเอ่ยถามว่า "แน่นหน้าอกหรือไม่?"
เขามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตกตะลึงและไม่ได้เอ่ยอะไร
"เป็ไข้หรือไม่?" ไม่ต้องรอให้เขาตอบ หลินกู๋หยู่ก็เหยียดมือวางทาบไว้บนหน้าผากของฉือหาง เมื่อแน่ใจแล้ว นางก็ถามคําถามอีกสองสามคำถาม
"อืม" ฉือหางมีคําถามบางอย่างในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถาม
"เ้าถูกแมลงกัดเช่นนี้ ประเด็นหลักเป็เพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวเ้ามัน…" หลินกู๋หยู่เหลือบมองไปรอบๆ พลางพิจารณาคําพูดของตน "มันไม่สะอาดเกินไปน่ะ"
หลังจากนั้นไม่นาน ฉือหางก็พูดขึ้นช้าๆ
"เ้าไม่จําเป็ต้องสนใจข้า"
หลินกู๋หยู่ที่กำลังช่วยฉือหางผูกเสื้อผ้าหยุดชะงัก นางมองเขาด้วยความสงสัย
"ร่างกายของข้า ข้ารู้ดี" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำเจือด้วยความเสียใจเล็กน้อย "ข้าเป็คนใช้การไม่ได้แล้ว ข้าจะคุยกับแม่ของข้าให้เ้าไปจากที่นี่"
มือของหลินกู๋หยู่ที่กำลังผูกสายคาดเอวหยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนไหวต่อไป
หลินกู๋หยู่จัดการสิ่งตรงหน้าเสร็จแล้วก็หันออกไป
ใบหน้าของนางไม่รู้ว่าถูกทาด้วยอะไร นางรู้สึกทรมานมาก หลินกู๋หยู่มองไปที่ถังน้ำขนาดใหญ่ที่ประตูบ้าน มันยังมีน้ำอยู่ นางจึงเอากระบวยตักน้ำลงในอ่างไม้แล้วล้างหน้า
หลังจากล้างหน้าก็รู้สึกถึงรูขุมขนบนใบหน้าที่เปิดกว้าง นางสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
ด้านหน้าเป็ทุ่งผักสีเขียวขจี ทางด้านซ้ายของห้องพวกเขาเป็กองฟืนหนึ่งกอง
หลังจากพบไม้ฟืนสองสามท่อนที่เหมาะสม หลินกู๋หยู่ก็หยิบไม้ฟืนบางส่วนเข้าไปในบ้าน หยิบเสื้อผ้าที่ฉีกขาดออกมาและผูกไว้กับไม้ฟืนเพื่อลดอาการาเ็ของฉือหาง
จากนั้นนำผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำมาบิดให้แห้งแล้ววางบนหน้าผากของฉือหางเพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง
หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉือหางก็หลับไปแล้ว
หลินกู๋หยู่เดินไปด้านข้างของเขา ไม่ได้เรียกเขาให้ตื่นแต่อย่างใด นางจัดท่าร่างกายส่วนบนของเขา
โชคดีที่นางเรียนแพทย์แผนจีนตอนเรียนมหาวิทยาลัย และรู้วิธีฝังเข็ม การฝังเข็มจะช่วยลดรอยเืคั่ง รอยฟกช้ำ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยนวด ยึดส่วนเอวไม่ให้เคลื่อนไหว กินอาหารที่มีวิตามินดี อาการเจ็บป่วยของคนไข้ก็จะดีขึ้น
สําหรับแผลสิวพุพองบนร่างกายของเขา ดูเหมือนจะเกิดจากสภาพแวดล้อมโดยรอบสกปรกเกินไป เป็เหตุให้แมลงเ่าั้ชอบที่จะกัดเขามากขึ้น
นางไม่รู้ว่าหมอวินิจฉัยอย่างไร เห็นได้ชัดว่ายังมีทางรอด แต่กลับพูดว่าไม่มีทางรอดแล้ว ช่างทำร้ายคนจริงๆ
หลินกู๋หยู่เห็นว่าฉือหางยังคงหลับสนิท แต่นางรู้ว่าเขารู้สึกไม่สบาย ดังนั้นนางจึงพลิกผ้าปูที่นอนและผ้าคลุมทั้งหมดอย่างเงียบๆ เพื่อนําออกไปซัก
มีโอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างสวนผัก หลินกู๋หยู่ยัดสิ่งของในมือลงในอ่างไม้ ในขณะที่นางกําลังจะเริ่มซักสิ่งเ่าั้ด้วยมือ นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากระยะไกล
โจวซื่อเดินเข้ามาใกล้ นางเห็นหลินกู๋หยู่กำลังซักผ้า
เมื่อหลินกู๋หยู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างลังเล
"กู๋หยู่ไม่ต้องรีบร้อนซักผ้า เ้ามากินข้าวก่อนเถอะ" โจวซื่อยกอาหารเข้าบ้าน วางไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง
หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลงพลางเดินตามโจวซื่อเข้าไปข้างในบ้าน
ดวงตาของโจวซื่อมองไปที่ร่างกายของฉือหางบนเตียง เมื่อเห็นสิ่งที่ผูกและห่อกับร่างกายของลูกชาย นางก็มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจอยู่หลายส่วน
อย่างไรก็ตามนางก็ไม่ได้พูดอะไร นั่งข้างโต๊ะกับหลินกู๋หยู่
"ข้าเป็แม่ของหางเอ๋อ เ้าก็รู้" ดวงตาของโจวซื่อแดงก่ำ อาจเป็เพราะกลัวว่าจะรบกวนฉือหางทำให้เขาตื่น นางจึงลดเสียงว่า "เ้าอย่าเกรงใจเลย กินเถอะ"
"ขอบคุณท่านแม่" หลินกู๋หยู่เอ่ยด้วยเสียงเบา จากนั้นก็หยิบชามและกินอย่างเงียบๆ
ตอนนี้นางไม่รู้ว่าคนในครอบครัวนี้ใครมีนิสัยอย่างไรกันบ้าง ดังนั้นนางจึงนิ่งไว้ก่อน
ในระหว่างกินบะหมี่ในชามอย่างเงียบๆ นางคิดอะไรบางอย่าง เมื่ออยู่ในบ้านสกุลหลิน นางได้ดื่มน้ำต้มข้าวทุกวัน บางครั้งก็เพิ่มข้าวอีกสองสามเม็ดลงในน้ำแกง ชามที่มีข้าวจำนวนมากส่วนใหญ่จะเป็ของหลินเสี่ยวหาน
สายตาของโจวซื่อมองสำรวจหลินกู๋หยู่ หว่างคิ้วของนางขมวด ความไม่พอใจในดวงตาของนางปรากฏอย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับหลินลี่เซี่ย หลินกู๋หยู่ดูแย่กว่ามาก
หลินกู๋หยู่นอกจากหน้าตาไม่ดีเท่าหลินลี่เซี่ยแล้ว ร่างกายของนางยังผอมแห้ง หุ่นเช่นนี้จะมีลูกมากได้หรือ?
โจวซื่อรีบลบความคิดนี้ออกไป ในใจคิดว่าตอนนี้ลูกชายของนางเป็เช่นนี้ เขาไม่สามารถทำเื่บนเตียงเช่นสามีภรรยาได้
หลินกู๋หยู่เคี้ยวช้าๆ หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว นางยังคงนั่งในที่เดิม ลดศีรษะและพูดอย่างสุภาพว่า "ขอบคุณท่านแม่"
โจวซื่อลุกขึ้นจะหยิบชามออกไป สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างด้านข้าง นางหมุนตัวหันกลับไปหาหลินกู๋หยู่ "ตามข้ามา”
หลินกู๋หยู่เดินตามหลังโจวซื่อ
หลังจากวางของกระจุกกระจิก โจวซื่อก็เปิดตู้เล็กๆ และชี้ไปที่ขวดยา จานชามและตะเกียบข้างใน พร้อมพูดว่า "นี่เป็ของๆ หางเอ๋อ เวลาทานข้าว เ้าต้องป้อนข้าวให้เขากิน”
"ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะ" ตอนนี้หลินกู๋หยู่เข้าใจแล้วว่าโจวซื่อกำลังจะมอบงานดูแลฉือหางทั้งหมดให้กับนาง
โจวซื่อมองไปที่กล่องไม้ในบ้าน "สิ่งของที่อยู่ในกล่องนั้นเ้าเอามาจากบ้านสกุลหลิน พวกเราไม่ได้แตะต้องของด้านในแต่อย่างใด”
"เ้าค่ะ" หลินกู๋หยู่ตอบเบาๆ
โจวซื่อชี้นิ้วไปที่กล่องเก็บของที่ยังไม่ได้เปิด "ด้านในเป็เสื้อผ้าของหางเอ๋อทั้งหมด รวมถึงผ้าปูที่พวกเ้าต้องใช้ ฤดูหนาวอากาศจะหนาวมาก พวกเ้าไม่ต้องกังวลว่าจะหนาวจนแข็ง”
"เ้าค่ะ" หลินกู๋หยู่ดูเหมือนจะติดตามโจวซื่ออย่างเชื่อฟัง นางไม่มีการโต้แย้งใดๆ เลย
ด้านหลังประตูบ้านทางทิศตะวันตกมีม่านอยู่ เมื่อโจวซื่อเปิดม่าน หลินกู๋หยู่จึงเห็นว่ามีเตา หม้อ และมีดสำหรับทำครัวด้วย
"ในวันข้างหน้า ถ้าเ้าสามคนจะกินข้าว พวกเ้าก็ทํากันเอง พวกเราจะไม่นําอาหารมาให้แล้ว" โจวซื่อพูดช้าๆ
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่ออย่างเงียบๆ
โจวซื่อสบตากับเด็กสาว จากนั้นก็หลบสายตามองไปทางอื่น "ตามข้ามา ข้ามีบางสิ่งบางอย่างจะต้องอธิบายให้ชัดเจน”
เมื่อหลินกู๋หยู่เดินตามโจวซื่อออกจากบ้าน ชายหนุ่มบนเตียงก็ลืมตาขึ้นด้วยความเ็ป
"ท่านแม่" หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะยืนอยู่ตรงหน้าโจวซื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเ็า
"ข้าได้ปรึกษาหารือกับคนในตระกูลแล้วว่าให้ครอบครัวของพวกเ้าแยกออกไป" โจวซื่อพูดตรงๆ "เ้าแค่ดูแลหางเอ๋อและลูกก็เพียงพอแล้ว”
หว่างคิ้วของหลินกู๋หยู่ขมวดแน่นขึ้น
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามารดาของฉือหางจะพูดแบบนี้
แม่แบบนี้… หลินกู๋หยู่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
ในขณะที่ฉือหางป่วยหนัก คนเป็แม่อย่างโจวซื่อกลับพูดกับนางเกี่ยวกับการแยกครอบครัว
"เื่นี้…" หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่ออย่างลังเล ดวงตาหรี่เล็กน้อยแสร้งทําเป็กังวล "ท่านจะไม่พูดคุยกับท่านพี่หางหน่อยเหรอเ้าคะ?”
"พูดกับเ้าก็เหมือนๆ กัน!" โจวซื่อพูดด้วยสีหน้าเ็า "อีกสักพักข้าจะส่งลูกของหางเอ๋อให้เ้า เงินสิบตำลึง ข้าวสองร้อยจิน[1] บะหมี่หนึ่งร้อยจิน ไข่ห้าสิบฟอง และผักที่อยู่ในลานนี้ทั้งหมดเป็ของพวกเ้าแล้ว”
"ที่ดินของครอบครัวของพวกเรามีทั้งหมดจำนวนสิบเหมียว[2] จะแบ่งที่ดินให้พวกเ้าหนึ่งเหมียว พวกเ้าจำนวนคนน้อย ย่อมไม่สามารถทํางานมากเกินไปได้หรอก"
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่เดิม สมองของนางประมวลผลอย่างรวดเร็ว
เงินสิบตำลึง ถ้าเป็คนปกติปราศจากโรคภัยย่อมสามารถใช้ได้เป็เวลานาน แต่สภาพของฉือหางในตอนนี้จำเป็ต้องใช้เงินจํานวนมากเพื่อซื้อยา
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หว่างคิ้วของหลินกู๋หยู่ก็ขมวดเข้าหากัน
"หม้อและกระทะ ข้าวของทำครัว สิ่งเหล่านี้เตรียมไว้สําหรับพวกเ้าแล้ว" โจวซื่อพูดด้วยใบหน้าเ็า "ใน่สองปีนี้ แม้ว่าเ้าจะไม่ได้ทําอะไรเลย เ้าก็ยังมีอาหารกิน”
หลินกู๋หยู่กัดริมฝีปากล่าง มุมปากของนางยกขึ้นโค้งอย่างไม่แยแส
"ท่านแม่!" ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำและแหบแห้งลอดดังมาจากทางประตูห้อง
โจวซื่อรีบเดินไป้าช่วยพยุงเขา แต่กระนั้นก็ต้องหยุดเล็กน้อย ถอนมือกลับ สุดท้ายเพียงแค่ยืนอยู่ด้านข้าง
ฉือหางก้มศีรษะลง ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใด หว่างคิ้วย่นเล็กน้อย ใบหน้าด้านข้างของเขาดูสวยงามผิดปกติทว่าดูโดดเดี่ยวและน่าสงสารเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่เดินมายังด้านหน้าฉือหาง ยื่นมือเพื่อพยุงเขา
"เื่การแยกครอบครัว" ริมฝีปากของฉือหางขาวซีด ทั้งยังแตกเป็ขุยและมีเืออก ทันทีที่เปิดปาก รสหวานคาวพลันกระจายทั่วในปาก "ท่านแม่ควรจะบอกข้า”
โจวซื่อหยิบหนังสือแยกครอบครัวในมือยื่นให้ฉือหาง นางเอ่ยเสียงเบา "คิดอยากจะแยกครอบครัวมานานแล้ว ให้ข้าวของกับภรรยาของเ้าตั้งมากมาย ภรรยาของเ้าจะต้องดูแลเ้าได้ดีอย่างแน่นอน”
มือทั้งสองของฉือหางจับกรอบประตูแน่น หลินกู๋หยู่รับหนังสือแยกครอบครัวมา
แววตาของชายหนุ่มสั่นเครือ สายตาทอดมองไปบนหนังสือในมือของหลินกู๋หยู่ เบ้าตาของเขาแดงก่ำด้วยความทรมานใจ
โจวซื่อไม่อาจทนเห็นฉือหางที่เป็แบบนี้ นางชี้นิ้วมือไปที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือ "พรุ่งนี้พี่ใหญ่ของเ้าจะมาช่วยเ้าเปิดประตูไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและปิดมัน... วันข้างหน้าจะไม่เปิดมันแล้ว"
โจวซื่ออึกอัก ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย ดวงตาคลอด้วยหยาดน้ำใส นางหันไปพูดกับหลินกู๋หยู่ที่อยู่ด้านข้างว่า "กู๋หยู่ ทางที่ดีเ้าอย่าได้คิดไม่ซื่อ เ้าต้องคิดให้ได้ว่าเ้ายังมีแม่และน้องชายวัยสิบขวบ!”
โจวซื่อพูดจบจึงหันหลังกลับและเดินจากไปอย่างเฉยเมย ไม่มองลูกชายและลูกสะใภ้เลยแม้แต่น้อย
โจวซื่อกําลังข่มขู่นางหรือ? หลินกู๋หยู่จ้องมองด้านหลังของโจวซื่อด้วยความไม่พอใจ
รู้สึกได้ว่าคนด้านข้างกำลังตัวสั่นเทิ้ม นางเงยหน้าขึ้นมอง เบ้าตาของเขาเป็สีแดง ในดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
"เข้าไปนอนเถอะ ข้าจะไปซักผ้านวม" หลินกู๋หยู่ครุ่นคิดสักพักก่อนจะบอกเขา
"เฮอะ" ฉือหางมองหลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เสียงของเขาเจือความเศร้าโศก "เป็เช่นนี้ก็ดี ตอนนี้ข้าสามารถให้อิสระแก่เ้าได้แล้ว”
ดวงตาของหลินกู๋หยู่ก็สว่างวาบ นางเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพียงแค่มองดวงตาของเขา นางก็พลอยรู้สึกเศร้าโศกไปกับเขา ความเ็ปถึงขั้นหายใจไม่ออก ความเ็ปจากการถูกญาติทอดทิ้ง นาง… รู้สึกเห็นอกเห็นใจ
เขายังป่วยอยู่ และหมอก็ได้ยืนยันแล้วว่าเขาจะเสียชีวิตในอีกไม่นาน
คำพูดของแม่สามีเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็การไล่ฉือหางซึ่งเป็ภาระออกจากตระกูลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในที่สุดหลินกู๋หยู่ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม้พี่สาวของนางจะหนีงานแต่ง แต่กระนั้นโจวซื่อก็ยังร้องไห้และโวยวาย้าให้นางแต่งงานเข้าบ้านให้ได้
เพราะว่าคนในครอบครัวของพวกเขาได้ตัดสินใจั้แ่ก่อนหน้าแล้วว่าจะตัดฉือหางออกจากตระกูล
หากเื่นี้เกิดขึ้นกับนาง หลินกู๋หยู่รู้สึกว่านางไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ
นางไม่เคยลิ้มรสชาติของการถูกทอดทิ้งโดยญาติมาก่อน และนางก็ไม่อยากจะลิ้มรสชาตินี้ตลอดไปด้วย
……………………………………………….
[1] จิน มีค่าเท่ากันครึ่งกิโลกรัม
[2] เหมียว หนึ่งเหมียวมีค่าเท่ากับสองไร่ครึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้