ยามราตรีมาเยือน เหยียนชิงอาบน้ำแล้วกลับห้องนอนของเว่ยซูหานแต่กลับไม่เห็นผู้ใด ขณะที่กำลังคิดว่าเขาไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นของบางอย่างใต้หมอนที่สีแดงสด
เขาเดินเข้าไปแล้วหยิบออกมาดู นี่คือหนังสือทักษะในห้องหอที่แม่มอบให้แล้วเขาก็ทำหายหรอกหรือ คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะวางไว้ใต้หมอน…
ใบหน้าของเหยียนชิงร้อนรุ่มขณะที่คิดว่าจะเอาออกไปดีหรือไม่ เว่ยซูหานก็เดินเข้ามาพอดี คนที่ใกลัวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ได้แต่ซ่อนหนังสือเอาไว้แล้วทำท่าจะเดินออกไป ทว่าก็เจอกับเว่ยซูหานที่อยู่นอกฉากกั้นพอดี พอเห็นอีกฝ่ายถือขนมจานเล็กๆ อยู่ในมือ จึงเอ่ยปากถามก่อนเพื่อปกปิดพิรุธของตน
“เ้าจะไปไหน?”
“ข้าอาบน้ำเสร็จแล้วก็เลย…” เว่ยซูหานแสร้งทำเป็ไม่เห็นความกระวนกระวาย และตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา เขาวางขนมลงบนโต๊ะเล็กนอกฉากกั้นแล้วตอบกลับไป
“ข้าทำน้ำแกงหวานให้เ้าลองชิมดู”
เหยียนชิงเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะนั่งลง
“ที่จริงแล้วเ้าไม่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ข้าเองก็ไม่ได้มีนิสัยชอบกินมื้อดึก ตอนเย็นก็กินข้าวไปเยอะแล้วด้วย”
แต่ฝีมือของเว่ยซูหานนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ อย่างที่พูดไว้ ซูหานแข็งแกร่งกว่าเขามาก ไม่ว่าจะเป็ชาติก่อนหรือชาตินี้ เขาก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ต่อให้ภายหลังจะอยู่ในวัดก็จะมีคนคอยส่งอาหารให้เขาตรงตามเวลาครบสามมื้อ
เว่ยซูหานยิ้มพลางยื่นมือไปลูบปลายผมที่เปียกชื้นของเขา
“เ้ากินน้อยไป แค่น้ำแกงหวานชามเดียวจะถือว่าเยอะได้อย่างไร น้ำแกงนี่ย่อยง่าย กินเถอะ อย่างไรข้าก็เป็คนลงมือทำด้วยตัวเอง”
เหยียนชิงได้แต่พยักหน้า ก้มหน้าดื่มน้ำแกงคำหนึ่ง “รสชาติดีมาก”
เว่ยซูหานวางมือหนึ่งลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่เขา “ถ้าเ้าชอบ ข้าจะทำให้เ้าทานบ่อยๆ”
เหยียนชิงไม่พูดอะไร หลังจากมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก็ก้มหน้าดื่มต่อไป
เว่ยซูหานเห็นว่าเขากำลังกินอยู่จึงลุกขึ้นเดินไปทางห้องนอน ช้อนในมือเหยียนชิงชะงักไปโดยไม่รู้ตัว ลูบหนังสือในอ้อมกอดพลางรู้สึกกังวลขึ้นมา หวังว่าเว่ยซูหานจะยังไม่รู้ตัว
แม้ว่าของจะเป็ของเขา แต่... อย่างไรก็กระอักกระอ่วนอยู่ดี
จนกระทั่งเขาดื่มน้ำแกงหมดไปครึ่งชาม เว่ยซูหานก็ยังไม่ออกมา พอเดินเข้าไปก็เห็นเว่ยซูหานกำลังค้นตู้ค้นเตียงเพื่อหาอะไรบางอย่าง จึงแสร้งทำเป็ถาม
“เ้าหาอะไรหรือ?”
คงไม่ได้บังเอิญไปหาของที่เขาซ่อนไว้หรอกกระมัง
เว่ยซูหานปิดตู้ลงมอง รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้คนมองไม่ออก
เหยียนชิงแสร้งทำเป็สงบนิ่ง “ทำไมเ้าถึงมองข้าเช่นนี้ ข้าถามเ้าว่าเ้ากำลังหาอะไรอยู่?”
เว่ยซูหานเดินเข้ามา
“ของบางอย่าง ข้าจำได้ว่าข้าวางไว้ใต้หมอน แต่ตอนนี้ข้าหามันไม่เจอแล้ว ชิงเอ๋อร์ตอนเ้าเข้ามาเมื่อครู่นี้เห็นบ้างหรือไม่? หรือข้าจำผิด...”
เหยียนหลบสายตา ก่อนเอ่ยปฏิเสธ “ไม่เห็น”
แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่าแปลกประหลาด เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าเว่ยซูหานดูเหมือนจะจงใจ
เว่ยซูหานเดินมายืนตรงหน้าเขา สองมือรวบปรอยผมไปไว้ข้างหลังของเขา
“ของนั่นเป็ของที่เ้าทำหล่นไว้ เดิมทีข้าคิดจะใช้โอกาสนี้คืนให้เ้า”
“...” เหยียนชิงไม่พูดไม่จา แต่ใบหูกลับร้อนผ่าว ในตอนที่เขาถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว เว่ยซูหานก็กางมือคว้าเขาเข้าไปในอ้อมกอด ความสูงของเขาในตอนนี้อยู่ที่หน้าอกของเว่ยซูหานพอดี ถูกเขาจับไว้เช่นนี้ ทำให้ขยับไม่ได้เลยสักนิด
เว่ยซูหานเกยคางแนบชิดกับหน้าผากของเขา “ชิงเอ๋อร์จะเอาของสิ่งนั้นกลับไปไม่ใช่หรือ หืม?”
“ข้าเปล่า... เ้าปล่อยข้า ข้ารู้สึกอึดอัด”
คนผู้นี้กำลังวางกับดักเขาอยู่
เว่ยซูหานคลายแรงลงเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงมองและ เห็นว่าคนในอ้อมกอดเริ่มหน้าแดง กัดริมฝีปากไม่พูดไม่จา เว่ยซูหานยกยิ้ม จากนั้นก้มหน้าเป่าลมที่หูของเขา
“เ้าเอากลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรข้าก็ดูจนหมดแล้ว ขอบคุณความหวังดีของชิงเอ๋อร์ ข้าได้เรียนรู้หลายอย่างเลย ชิงเอ๋อร์เ้าอยากตรวจดูผลลัพธ์ที่ข้าเรียนมาหรือไม่?”
น้ำเสียงหยอกล้อทำให้เหยียนชิงผลักเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว “เ้าพูดไร้สาระอะไร ไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด...”
เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากเว่ยซูหาน หนังสือเล่มนี้เป็ท่านแม่ที่ยัดเยียดให้ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจทำของสิ่งนั้นหายจนอีกฝ่ายเก็บได้
“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระนะ”
เว่ยซูหานควบคุมคนผู้นี้ไว้ไม่ยอมปล่อย เหยียนชิงในเวลานี้แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เพราะในเวลาปกติแค่หลบหน้าเขาก็ถือว่าเื่จบแล้ว
เหยียนชิงดิ้นรนอีกครั้ง พอเห็นการขัดขืนจริงจัง เว่ยซูหานจึงทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหยียนชิงจึงเงยหน้ามองเขาและอธิบายอย่างจริงจัง
“นั่นเป็เพราะท่านแม่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์... ข้าลืมเอาไปทำลาย ไม่ได้ตั้งใจให้เ้าเก็บมันไปได้... ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบเ้า ของแบบนั้น เดิมทีข้าคิดจะทำลายมัน”
เขาไม่ได้เ้าเล่ห์ขนาดนั้น
เว่ยซูหานคิดมาตลอดว่าเหยียนชิงเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา เหยียนชิงพยายามหลีกเลี่ยงการเอาเปรียบเขามาโดยตลอด แต่เหยียนชิงไม่รู้ว่าเขาอยากเอาเปรียบเหยียนชิงให้มากกว่านี้ อย่างเช่นตอนนี้ พอเห็นเขาหน้าแดงหูแดง และกำลังอธิบายอย่างสุดกำลัง เขาก็อยากจะจูบอีกฝ่ายจนล้มลงไปเสียให้ได้
เว่ยซูหานใช้มือหนึ่งลูบไล้ด้านข้างของใบหน้าเขา อีกมือหนึ่งจับเอวเขาแล้วมองตรงไปที่ดวงตาก่อนจะเอ่ยถามทีละคำ “ชิงเอ๋อร์ไม่ชอบข้าเลยหรือ?”
“…”
เหยียนชิงใจนก้มหน้าลง สมองสับสน หัวใจเต้นแรง เขาไม่ชอบเว่ยซูหานสักนิดเลยหรือ? เป็ไปไม่ได้ เขารู้ตัวว่าเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดต่ออีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ...
พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดั้แ่แต่งงาน เขารู้ดีว่าเว่ยซูหานดีกับเขา ยิ่งทำให้เขานึกถึงการช่วยเหลือ และดูแลของเว่ยซูหานในชาติที่แล้ว เพราะฉะนั้นเป็ไปไม่ได้ที่จะไม่ชอบเขาเลย เขาแค่ไม่รู้ว่าจะยอมรับความรู้สึกนี้อย่างไร
เว่ยซูหานถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำไปที่คอของอีกฝ่าย
“ข้าบอกว่าข้าชอบเ้า เ้าก็มักจงใจหลีกเลี่ยง พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่อยากเอาเปรียบข้า เพราะเ้าเคารพข้า ้าจะช่วยข้า แต่เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคิดอยากจะเ้าตลอดเวลา ข้าชอบเ้า เหยียนชิง ในใจข้ามีแต่เ้า ทำไมเ้าถึงไม่ยอมเชื่อข้าเสียที?”
เขาตกหลุมรักอีกฝ่ายมาั้แ่ชาติที่แล้ว เขาคิดถึงอีกฝ่ายมาครึ่งชีวิต และเฝ้าหลุมศพอันโดดเดี่ยวของเขาตลอดชีวิตที่เหลือ
“ข้า...ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบเ้าเลยสักนิด เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า...”
เหยียนชิงปิดปากเงียบ เขาเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“เฮ้อ...” เว่ยซูหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และถามออกไป “เ้ากลับว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากเ้า จากตระกูลเหยียนใช่หรือไม่?”
เหยียนชิงไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง เขากังวลเื่นี้ แต่เขาเองก็อยากจะช่วยเว่ยซูหานจริงๆ สิ่งที่เขาเจอในชาติที่แล้วฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำ เขาไม่มีทางเผชิญหน้ากับความรู้สึกระหว่างพวกเขาแบบเปิดเผยได้ จริงๆ แล้วความรู้สึกส่วนตัวของเขาจะเบาบางลงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ของทั้งตระกูล
เหยียนชิงเงียบไป เว่ยซูหานเองก็เข้าใจ ชายหนุ่มก้มหน้าลงหอมเส้นผมของเขา “ให้โอกาสข้าหน่อยได้หรือไม่?”
ตอนนี้จะพูดมากไปก็คงจะไร้ประโยชน์ ต่อไปเขาจะพิสูจน์เองให้เห็นเอง
เหยียนชิงหลับตาลง กัดฟันพูด “ซูหาน ข้าจะเดินไปพร้อมกับเ้า แต่เ้าอย่าเข้าไปพัวพันกับเื่อำนาจครอบครัวข้าเลย ได้หรือไม่?”
“ข้าจะปกป้องเ้า และตระกูลเหยียน พวกเราจะพยายามไปด้วยกัน เชื่อข้าเถิดนะ”
เว่ยซูหานเอ่ยตอบ โน้มตัวลงแล้วอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา แม้ในตอนนี้เขาจะหน้าแดงแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแล้ว และปล่อยให้ตนถูกอุ้มขึ้นเตียงไปทั้งอย่างนั้น