เว่ยซูหานเริ่มเข้ามารับ่ต่อกิจธุระทั้งในและนอกจวน ภายใต้การผลักดันของเหยียนชิงและฮูหยินเหยียน ไม่นานก็ทำงานสมตำแหน่งฮูหยินน้อย ภรรยาเอกของคุณชายตระกูลเหยียนได้สำเร็จ ทำให้บรรดาผู้ที่รอดูเื่ตลกปิดปากเงียบสนิท
แม้ว่าไม่ใช่พ่อค้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเว่ยซูหานก็มีชีวิตมาสองชาติแล้ว ผ่านคลื่นลมการเปลี่ยนแปลงในสังคมมานับไม่ถ้วน บวกกับความฉลาด ดังนั้น แม้จะเจอปัญหาที่ยุ่งยากในตอนแรก ทว่าเขาก็สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากฮูหยินเหยียนและคนอื่นๆ
เพียงแค่เดือนเดียว เว่ยซูหานก็กุมเคล็ดลับสำคัญภายในจวนเอาไว้ การพูดคุยกับคนอื่นๆ ก็เป็ไปตามที่ควรจะเป็ หลายต่อหลายครั้งที่เขาและคนดูแลออกไปข้างนอก เขาจะค่อยๆ เริ่มสืบหาข้อมูลบางอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่สะดวกสืบหา
เพื่อนที่ดีบางคนที่คบหากันในชาติก่อน ชาตินี้เขาจึงฉวยโอกาสทำความรู้จักเพื่อผูกมิตรก่อน เขาได้ติดต่อทั้งพ่อค้าทางทะเลและกองคาราวานทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็การปูเส้นทาง วิธีนี้สามารถช่วยทั้งเขา และตระกูลเหยียนได้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฮูหยินเหยียนก็เบาใจลงไม่น้อย ทุกครั้งที่มีแขกมาเยี่ยมเยียน นางจะเอ่ยชื่นชมเว่ยซูหานยกใหญ่ และนั่นก็เท่ากับการให้ตำแหน่งนายหญิงน้อยแก่เว่ยซูหานอย่างเป็ทางการแล้ว
เหยียนิฮ่วนเคยมาขออภัยถึงจวน เว่ยซูหานและเหยียนชิงออกมาต้อนรับเขา ทั้งสองต่างอดทนต่ออารมณ์ที่อยากจะทุบตีเขาเอาไว้ แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าไม่ถือสาเื่ในอดีต แต่เหยียนิฮ่วนยังคงเห็นความเ็าที่เว่ยซูหานมีต่อเขา
แม้ว่าเหยียนิฮ่วนจะไม่รู้ว่าทำไมเว่ยซูหานถึงไม่ยอมรับเขา แต่เขาก็ไม่ได้เห็นเว่ยซูหานอยู่ในสายตาเช่นกัน เขาเป็เพียงภรรยาชายที่ฐานะต่ำต้อยเท่านั้น ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดทำให้เหยียนชิงสับสน
หลังจากการมาเยือนเพื่อขออภัยครั้งนี้แล้ว เขาก็รีบกล่าวอำลาโดยไวโดยไม่รอไปเยือนถึงที่เรือนใน
ทุกอย่างกําลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เหยียนชิง้า ทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก บางครั้งเขาจะสนทนากับเว่ยซูหานเื่ในจวน ให้คำแนะนำเล็กน้อยและบอกข้อเสียบางอย่างเกี่ยวกับธุรกิจการค้าของตระกูลเหยียนที่เขาเห็นในชาติที่แล้ว เตือนให้เว่ยซูหานระวังเอาไว้ นอกจากนี้ยังอาจมีวิกฤตที่เกิดขึ้นและหารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับวิกฤตนั้นในอนาคตด้วย
เหยียนชิงรู้สึกว่าเว่ยซูหานสามารถรับมือกับปัญหาได้ดีมาก เขาคิดในใจว่านี่คงเป็พร์โดยธรรมชาติ
ความสงสัยภายในใจของเว่ยซูหานยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชาติที่แล้วเขาก็ได้แต่ตรวจสอบเื่ที่ตระกูลเหยียนถูกใส่ร้าย ไม่คุ้นเคยกับกิจการของตระกูลเหยียนมากนัก ที่เหยียนชิงกล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็ปัญหาและช่องโหว่ในเส้นทางการค้าของตระกูลเหยียนในชาติก่อน
เขาไม่รู้เลยว่าเหยียนชิงคิดเื่พวกนี้ถึงขั้นนี้ได้อย่างไร? เขาจำได้ว่าเหยียนชิงก่อนหน้านี้ไม่เคยดูแลเื่ภายในจวนมาก่อนด้วยซ้ำ แน่นอนว่ามันเป็สิ่งที่ดี สามีภรรยามีน้ำใจเป็อันหนึ่งอันเดียวกัน ย่อมไม่มีอะไรที่จัดการไม่ได้แน่นอน
พริบตาเดียวก็ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เวลาผ่านไปเร็วไม่น้อย เหยียนชิงก็เริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศการใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาที่ลึกซึ้งกับเว่ยซูหานแล้ว
เทศกาลไหว้พระจันทร์กำลังใกล้เข้ามา ตระกูลเหยียนได้เตรียมการอย่างดี มีเครื่องบรรณาการจำนวนหนึ่งที่ต้องนำเข้าวังเพื่อถวาย เดิมทีปีนี้ต้องเป็พี่ใหญ่ของเหยียนชิงอย่างเหยียนลั่วเป็คนนำไปถวายด้วยตนเอง แต่ปีนี้เหยียนชิงต้องเป็คนไปเอง
ฮูหยินถังฉวยโอกาสนี้บอกว่าจะให้เหยียนิฮ่วนไปแทน ฮูหยินเหยียนอาจจะเห็นด้วย นางคิดว่าน่าจะทำได้ แต่เหยียนชิงรีบปฏิเสธและยืนยันที่จะนำไปถวายด้วยตัวเอง
ฮูหยินถังพยายามพูดเตือนเกลี้ยกล่อมใช้เล่ห์เพทุบายไปเรื่อย แต่เหยียนชิงได้ตัดสินใจแล้วเลยไม่เปลี่ยนใจ ท้ายที่สุดฮูหยินถังก็เดินสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกไปอย่างไม่พอใจ ชาหนึ่งถ้วยยังดื่มไม่ทันจะหมด หลายครั้งที่ครอบครัวของพวกเขาถูกต่อว่าเหน็บแนม หลานชายที่สุภาพอ่อนโยนคนนี้มีความสามารถเสียจริง
ฮูหยินเหยียนไม่ได้กล่าวอะไร นางเองก็มองออกว่าเหยียนชิงเริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่ในจวนอาจเป็เพราะเว่ยซูหาน ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางก็วางมือปล่อยให้พวกเขาจัดการเองดีกว่า
“ท่านแม่โปรดวางใจ ลูกจะจัดการเื่นี้เอง”
เหยียนชิงปลอบใจฮูหยินเหยียน ชาติที่แล้วเพราะว่าปล่อยให้เหยียนิฮ่วนเข้าเมืองหลวงบ่อยๆ ทำให้เขามีโอกาสที่จะหาผลประโยชน์ส่วนตัวและผูกมิตรกับขุนนางชั้นสูงเพื่อฝังรากเหง้าของหายนะ กัดกร่อนตระกูลเหยียนทีละก้าวจนถึงขอบหน้าผา ในที่สุดเื่ทุกอย่างก็พังทลาย สุดท้ายพวกเขาก็ถูกเหล่าขุนนางชั้นสูงบุกถึงจวนและมีจุดจบที่เลวร้าย
ในเมืองหลวงนี้เขาสามารถขอเข้าไปได้ แต่เว่ยซูหานกลับไปไม่ได้ ขุนนางผู้กระทำความผิดที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว ไม่อาจกลับเข้าเมืองหลวงได้ โดยเฉพาะเว่ยซูหาน การไม่ขับไล่เขาออกไปนอกเมืองก็ถือว่าเห็นแก่หน้าตาของตระกูลเหยียนมากแล้ว
วันก่อนออกเดินทาง ท่านแม่ไปอารามเพื่อสวดมนต์ขอพรให้คนที่จะเดินทางไปปลอดภัย ตอนเย็นเหยียนชิงสองสามีภรรยาก็ไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่หอชิงเฟิง เว่ยซูหานดื่มสุราไปสามรอบ สุดท้ายก็เล่าความคิดของตนออกมา
“ชิงเอ๋อร์ ข้าปลอมตัวเป็ผู้ติดตาม ติดตามเ้าเข้าเมืองไปด้วย ข้าไม่เข้าวังกับเ้าแต่จะไปรอเ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยม เ้าว่าดีหรือไม่? ”
เขาไม่วางใจให้เหยียนชิงไปเมืองหลวงเพียงลำพัง แม้ว่าเมืองฝูซังจะเป็เมืองที่อยู่ติดกับเมืองหลวง ที่อยู่ของพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากจุดผ่านของทั้งสองเมือง การเดินทางไปกลับเมืองหลวงใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว หากราบรื่นก็อาจจะเร็วกว่านี้ แต่เขาก็ยังคงไม่วางใจ
เหยียนชิงมองเขาและยิ้ม
“ไม่เป็ไร เ้าวางใจได้ ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว หากเ้าไปด้วยและมีคนจำได้จะมีปัญหาขึ้นมา ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วงานในจวนจะต้องยุ่งมากแน่นอน เ้าช่วยท่านแม่อยู่ที่จวนเถอะ เ้าอยู่ที่จวนแล้วข้าถึงจะออกจากจวนได้อย่างสบายใจ”
จิงโม่ยังหาพี่ใหญ่ไม่เจอ เขาไม่รู้ว่าเ้าหมอนั่นหายไปไหน แต่เื่อื่นก็จัดการได้เกือบหมดแล้ว
เขาให้จิงโม่หากลุ่มผู้พิทักษ์เงามากลุ่มหนึ่ง มีทั้งหมดเจ็ดคน ทุกคนต่างก็เซ็นสัญญามอบความเป็ความตายให้ ครั้งนี้ให้พวกเขาทั้งห้าคนแอบติดตามไป ส่วนอีกสองคนก็ให้เฝ้าอยู่ที่จวน รอให้เขากลับมาจากเมืองหลวงก่อนค่อยบอกเว่ยซูหานและท่านแม่ของพวกเขา
เขาถอนหายใจแล้วมองเขาด้วยสายตาที่ลุกโชน “แต่ข้าก็ยังเป็ห่วงเ้านะ”
เหยียนชิงไม่เหมือนเหยียนลั่วที่มีวิทยายุทธ์ อีกทั้งอายุยังน้อย เข้าวังก็ต้องมีหน้ามีตา ชาติก่อนตี้จวินชื่นชอบเหยียนชิง แม้ว่าตอนนี้เขาจะแต่งงานกับเหยียนชิงแล้ว ทว่าในใจก็ยังกังวลอยู่ดี
ใบหน้าของเหยียนชิงร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเบนสายตาไปก้มหน้าคีบอาหารให้เขา
“ข้าเป็คนจัดการเอง ไม่ว่าผู้ใดในแคว้นเทียนซูต่างรู้จักขบวนสินค้าของตระกูลเหยียน ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก เ้าสบายใจได้”
เหยียนชิงเป็คนอ่อนโยน และสง่างาม แต่กลับมีนิสัยดื้อรั้นพอสมควร ถ้าเขาได้ตัดสินใจอะไรแล้วจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หลังจากเว่ยซูหานพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกไม่กี่คำก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยินยอม เขาจึงเปลี่ยนเป็กำชับเหยียนชิงไปแทน ซึ่งเขาก็ยิ้มและพยักหน้ารับคำกำชับนั้นแต่โดยดี
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ดื่มชาด้วยกัน เมื่อพูดคุยทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว อีกทั้งพรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้า คืนนี้จึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลังจากฝึกฝนตามเคล็ดวิชาที่จิงโม่มอบให้ พลังปราณลึกลับของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บวกกับเฉินเซียง และอิ้งหลีที่คอยชี้แนะ เขาจึงถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว หลังจากการเตรียมการเบื้องต้น และค่อยๆ พัฒนาตัวเองแล้ว ตอนนี้เขาจะทำอะไรก็ถือว่ามีความมั่นใจอยู่หลายส่วน
“ชิงเอ๋อร์ คืนนี้เ้าพักที่นี่ดีหรือไม่? ั้แ่ข้าย้ายเรือนเ้าก็ไม่ได้พักกับข้าเลย และข้าก็มีบางอย่างที่อยากจะบอกเ้า”
แยกกันประมาณครึ่งเดือน เขาต้องรักษาผลประโยชน์บางอย่างจึงต้องใช้ความคิดและสมาธิสูง แม้มีบางเื่ที่แกล้งโง่มาตั้งนานแต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี
“แค่ก...ได้”
เหยียนชิงก้มหน้าจิบชาเพื่อปกปิดความอึดอัดของตนเอง และไม่ได้เป็ฝ่ายเริ่มถามเขาว่ามีอะไรจะพูด