สิ่งของหล่นออกมาจากอกเสื้อ เหยียนชิงอยากจะคว้ามันไว้แต่เว่ยซูหานกลับจับมือเขาไว้ มองสิ่งของที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้ม
“อย่าสนใจเลย ข้าจะสอนเ้าเอง”
"..." เหยียนชิงหน้าแดงราวกับจะลุกเป็ไฟ สองมือดันคนที่คิดกำลังดันตัวเองเข้ามา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าตั้งใจ” ถึงขั้นกล้าขุดหลุมพลางให้เขา คนผู้นี้ช่างเ้าเล่ห์เสียจริง
เว่ยซูหานยิ้มพลางโน้มตัวลงมาดมกลิ่นเบาๆ ที่คอของเขา “หากข้าไม่ใช้วิธีนี้ เ้าจะแกล้งโง่จนถึงเมื่อใด?”
เหยียนชิงออกแรงผลักเบาๆ แต่ก็ผลักไม่ออก เหงื่อซึมที่แผ่นหลัง สองมือสั่นรัวแตะไหล่เขาแล้วถามเสียงเบาว่า
“เ้าอยากอยู่ข้างบนใช่หรือไม่?”
ท่าทางของคนผู้นี้ที่กดทับเขาไม่ยอมปล่อยก็หมายความว่าอย่างนั้นกระมัง...
เว่ยซูหานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สองมือจับใบหน้าพลางหอบหายใจเบาๆ “ชิงเอ๋อร์ ให้ข้าอุ้มเ้าดีหรือไม่”
พวกเขาตัดสินใจตำแหน่งระหว่างพวกเขาั้แ่เริ่มแรก แต่เหยียนชิงไม่เข้าใจเท่านั้น ไม่ น่าจะเป็คนผู้นี้ที่ไม่เคยคิดเื่นี้มาก่อน
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ได้เล่า?” เหยียนชิงส่ายหัวด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “เ้าคือภรรยาที่ข้าแต่งเข้าบ้าน... ให้เ้าอยู่บนข้ามันใช่เื่หรือ? ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมที่ทำมา”
ทำแบบนี้เท่ากับรังแกเขาที่อายุน้อยกว่าหรือ? ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้พวกเขาสนิทกันขนาดนี้! คนที่เสียเปรียบตอนขยับมือขยับเท้าก็ยังเป็เขาที่แขนขาเรียวบาง
เว่ยซูหานเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขาก็หัวเราะเบาๆ
“เื่คนสองคนจะไปสนใจคนข้างนอกอีกทำไม เ้าชอบข้าก็พอแล้ว ใช่หรือไม่?”
เหยียนชิงเกาแก้มพลางถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าไม่เคยคิดจะให้เ้าอยู่ข้างบน...”
แม้ว่าจะเป็ภรรยาชาย แต่ก็เป็ภรรยาไม่ใช่หรือ? ถ้าพูดตามหลักแล้วจะรังแกผู้เป็สามีเช่นนี้ได้อย่างไร
“ถ้าเช่นนั้นเ้าก็ค่อยๆ คิดเถอะ...” เว่ยซูหานบรรจงจูบลงที่ริมฝีปากของเขา
“ตอนนี้ข้าทำอะไรเ้าไม่ได้จริงๆ ก่อนที่เ้าจะเข้าพิธีสวมหมวก พวกเราจะไม่ทำจนจบ แต่พรุ่งนี้เ้าต้องออกไปข้างนอก อย่างไรเสียเ้าก็ต้องปลอบใจข้าที่ต้องเฝ้าห้องอยู่คนเดียวใช่หรือไม่?”
เหยียนชิงจับมือที่ชั่วร้ายของเขาไว้ “ปลอบใจเ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ทั้งที่บอกจะไม่ทำอะไรแต่มือกลับไม่หยุดนิ่ง ปากพูดอย่างแต่การกระทำนั้นชัดเจนเกินไปกระมัง
เว่ยซูหานกำมือเขาไว้แล้วเลิกคิ้วขึ้น “ข้าจะสอนเ้า ข้าจะปรนนิบัติเ้า...”
“เ้า อื้อ....”
เมื่อม่านถูกปล่อยลง สภาพแวดล้อมโดยรอบก็มืดลงมาก อารมณ์ที่ตึงเครียดของเหยียนชิงเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขามองไปยังคนที่แววตาลุกโชน ก่อนจะหันหน้าไปด้านข้างปล่อยให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่เขา้าจะทำ ช่างเถอะ ในเมื่อเขาชอบ ก็ปล่อยให้เขาเอาเปรียบตนเถอะ
“ชิงเอ๋อร์...”
หลังจากนั้นไม่นาน เว่ยซูหานก็ปล่อยมือที่กดอีกฝ่ายไว้ก่อนจะคว้าเข้ามากอด ในใจของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี
“อื้อ...”
เหยียนชิงปิดตาลงเล็กน้อยไม่ได้ตอบสนองอะไรมากนัก ร่างกายของเขาแข็งค้างเล็กน้อย สองมือค่อยๆ แตะไหล่ของเขา แม้แต่การหายใจก็เบาบาง เขามีชีวิตมาสองชาติแต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาสนิทสนมกับผู้อื่นด้วยความตื่นเต้นและคลุมเครือเช่นนี้
เทียบกับความกังวลใจของเขาแล้ว เว่ยซูหานดูสงบนิ่งกว่ามาก อ้อมกอดที่ร้อนระอุกอดเขาเอาไว้แน่น และจูบแก้มเขาอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจ
“ชิงเอ๋อร์ ลืมตามองข้า อย่ากังวลไปเลย พวกเราแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว เป็เื่ปกติที่พวกเราจะสนิทสนมกันเช่นนี้...”
เหยียนชิงกลืนน้ำลายลงคออย่างแรงก่อนจะลืมตาขึ้น ในขณะนั้นสายตาทั้งสองคู่ก็สบตากัน ความรู้สึกและอาการสั่นเทิ้มที่เดิมทีสะกดข่มไว้ก็แผ่ขยายออกมาอย่างบ้าคลั่ง
นอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดครึ้ม ภายในมุ้งมีแต่เื่งดงามไร้ที่ติ คำบอกรักที่กระซิบแ่เบาััได้ในพื้นที่เล็กๆ
เขาตกอยู่ในความเอ็นดูของเว่ยซูหาน นี่เป็ครั้งแรกที่เหยียนชิงรู้สึกตกหลุมรักใครสักคน
แอ๊ดดดด
ตอนที่เว่ยซูหานเปิดประตูออกมา หลินชวนที่เฝ้ายามกลางคืนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นายหญิงน้อย”
เว่ยซูหานจัดเสื้อคลุมตัวนอกที่สวมอยู่ให้เรียบร้อน “เตรียมน้ำร้อนไว้”
หลินชวน “เตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
เว่ยซูหานพยักหน้า “อืม ออกไปเถอะ”
หลินชวน “ขอรับ”
“ชิงเอ๋อร์ ข้าจะพาเ้าไปทำความสะอาด”
เว่ยซูหานกลับเข้าห้องไปห่อตัวคนด้วยผ้าปูแล้วเดินออกจากประตูไป
เหยียนชิงไม่พูดไม่จา เพียงหลุบตาลงกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ในหัวยังคงเหม่อลอย แม้จะไม่ได้ดำเนินไปจนจบ แต่เว่ยซูหานกลับใช้วิธีปฏิบัติจริงเอาเปรียบเขา
วัดถัดมา
“ชิงเอ๋อร์ เ้าต้องระวังให้มาก ั้แ่เล็กจนโตเ้าไม่เคยเดินทางไกลคนเดียว...”
นอกประตูจวนตระกูลเหยียน ฮูหยินเหยียนจับมือของเหยียนชิงและกำชับหลายครั้ง นางกังวลเล็กน้อย
เหยียนชิงตบมือนางเบาๆ พลางปลอบใจ “ท่านแม่วางใจเถอะ เดี๋ยวลูกก็กลับมา”
เื่เช่นนี้ในปัจจุบันมันกลายเป็เื่เล็กน้อยสำหรับเขาไปแล้ว
ฮูหยินเหยียนยิ้มและมองไปที่เว่ยซูหานซึ่งยืนอยู่ที่ไกลๆ
“เอาล่ะ แม่เชื่อ แต่ซูหานคงยังเป็ห่วงเ้า บอกว่าจะไปส่งเ้าที่ประตูเมืองเทียนซู เ้าไปเถอะ”
เหยียนชิงพยักหน้า “เช่นนั้นลูกขอตัวออกเดินทางแล้ว เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ท่านแม่ต้องดูแลสุขภาพให้มาก หากมีเื่อะไรก็ปรึกษากับซูหานได้”
พูดจบก็เดินไปทางเว่ยซูหาน แล้วขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเว่ยซูหาน เมื่อวานหลังจากถูกทรมาน เว่ยซูหานก็บอกว่าจะไปส่งเขา ไม่รู้ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงกังวลกว่ามารดา
ขบวนรถม้าค่อยๆ ออกเดินทาง เหยียนชิงปล่อยม่านลง แล้วสบเข้ากับสีหน้ายิ้มแย้มของเว่ยซูหาน เขาจึงจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างอารมณ์เสีย แต่ตนก็อดหัวเราะไม่ได้
“หน้าไม่อาย....”
เว่ยซูหานกลับเข้ามาโอบเขาไว้อย่างหน้าด้านตามที่เขาปรารถนา “โกรธจริงหรือ?”
เมื่อวานหลังจากเหตุการณ์นั้น จนถึงตอนนี้เหยียนชิงก็ยังเ็ากับเขามาก เขาทำเกินไปหรือเปล่า?
เขาแค่เอาเปรียบเล็กน้อย ทั้งยังอดทนไม่ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น เหตุใดถึงหน้าไม่อาย อีกอย่าง เื่ในห้องหอมีอะไรต้องหน้าไม่อาย?
“ปกติเ้าก็ดูจริงจังมาก”
ทำไมตอนที่รังแกเขาถึงได้ทำตัวแย่ขนาดนั้น ช่างเป็พวกอันธพาลจริงๆ
เว่ยซูหานยิ้ม “เวลาจริงจังข้าไม่มีทางทำพลาด”
เหยียนชิงกลอกตาใส่เขา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็จริงจัง
“เ้าไปส่งข้าออกจากเมืองก็พอแล้ว ถ้าส่งข้าไปที่ประตูเมืองเทียนซูคงต้องใช้เวลาหลายวัน แล้วเื่ในบ้านที่ต้องจัดการจะทำอย่างไร?”
เว่ยซูหานยิ้มปลอบใจเขา
“หลายวันมานี้ ข้าจัดการเื่ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านแม่เหนื่อยและจะไม่พลาด ข้าจะไปส่งเ้าที่ประตูเมืองเทียนซู เ้าก็จัดการธุระของเ้า ส่วนข้าจะรีบกลับ เวลาก็คงพอดี”
ด้วยความเร็วของเขา เขาขี่ม้าและวิ่งทางลัดไม่นานก็ถึงเมืองฝูซางแล้ว
เหยียนชิงขมวดคิ้ว “เ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไง”
เว่ยซูหานส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย ตอนที่เ้าจะกลับก็ส่งจดหมายบอกข้าล่วงหน้า ข้าจะไปรับเ้าเอง”
เหยียนชิงเงียบไป จะก่อเื่ยุ่งยากขนาดนั้นได้อย่างไร? เขาไม่ใช่เด็กสาวที่เอาแต่ใจขนาดนั้น
เว่ยซูหานรู้ความคิดของเขา จึงไม่พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรก็กำชับให้อิ้งหลีที่ติดตามมาอยู่แล้ว
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปพูดเื่สำคัญ เว่ยซูหานเป็ฝ่ายบอกเื่งานในจวนที่เขาจัดการมาไม่น้อยเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชิงฟังไปก็ให้คำแนะนำที่เป็ประโยชน์แก่เขาอีกหลายอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งก็นึกถึงเื่ๆ หนึ่งขึ้นมาได้
“เหยียนิฮ่วนมาวุ่นวายกับเ้าหรือไม่?”