หลังจากหลิ่วเทียนฉีเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้าและของอร่อยให้เฉียวรุ่ยเรียบร้อยแล้ว ก็พาเขาไปขายผลึกอสูร หนังงูและกระดูกงูของอสรพิษหางขาวตัวนั้น
เฉียวรุ่ยขายอสรพิษหางขาวได้ศิลาทิพย์มาหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดก้อน ทำให้เขาอารมณ์ดียิ่ง เขาพาหลิ่วเทียนฉีไปที่ตลาดขายของเก่าด้วยกัน
ตลาดขายของเก่าแห่งนี้ เป็ตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองฝูเฉิง สองข้างทางมีร้านรวจัดเรียงชิดติดกันอย่างเป็ระเบียบ ทั้งร้านขายหนังสือเก่า ร้านขายโต๊ะเก้าอี้สภาพผุพังแล้ว ร้านขายเครื่องเคลือบ ไหนจะคนขายก้อนหินประหลาดหายาก คนที่นำสมุนไพรทิพย์เหี่ยวเฉา ใกล้หมดฤทธิ์มาขาย หรือแม้กระทั่งคนขายสารพัดอุปกรณ์อาคมที่ผุพังก็ยังมีอีกด้วย
แม้หลิ่วเทียนฉีจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเฉียวรุ่ยมีตาทิพย์หยั่งรู้ มองสมบัติในใต้หล้าออก อย่างไรที่มาที่แห่งนี้ก็เพื่อหาสมบัติเป็แน่ แต่เพราะเฉียวรุ่ยไม่เคยบอกเื่นี้ให้ตนรู้ เขาย่อมไม่มีทางพูดออกไปแน่
“จะซื้ออะไรหรือ? หากมีของที่เ้าชอบ ข้าจะซื้อให้!”
ได้ยินอย่างนั้น เฉียวรุ่ยก็ส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าจะซื้อให้เ้า เ้าซื้อของให้ข้ามากมายแล้ว ข้าก็อยากซื้อของขวัญสักชิ้นสองชิ้นให้เ้าเช่นกัน”
“โอ้? ถ้าอย่างนั้นเ้าจะซื้ออะไรให้ข้าล่ะ?” ได้ยินเ้าตัวเล็กบอกว่าจะซื้อของขวัญให้ตน หลิ่วเทียนฉีพลันดีใจอย่างยิ่ง
“ข้าว่า ข้าจะซื้อของประหลาดหายากบางอย่างให้เ้า เ้าจะชอบไหม?” เฉียวรุ่ยกะพริบตา เอ่ยถามอย่างกังวล
ของบางอย่างเขามองออกว่าเป็สมบัติ แต่คนอื่นกลับมองไม่ออก หากตนซื้อของเช่นนี้มอบให้เทียนฉี เทียนฉีจะชอบหรือเปล่านะ?
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเล่า? เ้าซื้อให้ข้า ข้าย่อมชอบทั้งสิ้น” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็บีบนิ้วมือเฉียวรุ่ย
“อย่า อย่าแกล้งข้าสิ” เฉียวรุ่ยหน้าแดง จงใจก้าวเดินไวๆ สองก้าว เพิ่มระยะห่างที่คล้ายมีอะไรในกอไผ่ระหว่างทั้งสองคน
“ฮ่าๆๆ...” หลิ่วเทียนอีส่ายศีรษะพลางหัวเราะอย่างแ่เบา ก้าวเดินไวๆ สองก้าวไล่ตามเ้าตัวเล็กไป
เฉียวรุ่ยมองผ่านร้านแล้วร้านเล่าจนไปหยุดอยู่หน้าร้านขายก้อนหินร้านหนึ่ง
“โอ๊ะ น้องเฉียว มาซื้อก้อนหินหรือ มีหินฟ้ากระจ่าง หินลายพิรุณและหินลายเหล็กชุบเข้ามาพอดี หินเหล่านี้ล้วนเป็สินค้าใหม่ที่เพิ่งได้มา เ้าลองดูสิ สวยเชียวล่ะ!” มองเห็นเฉียวรุ่ยเดินเข้ามา เ้าหนุ่มที่วางแผงแบกะดินอยู่ก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น
“เ้านี่ขายอย่างไร?” ท่ามกลางก้อนหินสีสันละลานตา เฉียวรุ่ยเลือกหยิบก้อนหินสีอิฐธรรมดาก้อนหนึ่งขึ้นมา
หลิ่วเทียนฉีเห็นก้อนหินในมือนั่นก็เลิกคิ้ว ในนิยายต้นฉบับไม่เคยเล่าว่าเฉียวรุ่ยซื้อก้อนหินหน้าตาเช่นนี้ให้พระเอกนี่? หรือว่าของที่เฉียวรุ่ยซื้อจะต่างกันไปในแต่ละคน?
“ชิ้นนี้หรือ สามก้อนศิลาทิพย์”
“สามก้อน เ้าเห็นข้าเป็คนรวยหน้าโง่หรือไง? ก้อนหินกิ๊กก๊อกนี่ของเ้า กระทั่งลวดลายยังไม่มี จะคุณหนูตระกูลใหญ่หรือคุณชายผู้ร่ำรวยล้วนไม่เห็นค่าของมันเช่นข้านะ”
“น้องเฉียว ข้าว่าคราวนี้เ้าแต่งตัวงดงาม ข้ามองก็รู้ว่าร่ำรวย ยังต้องใส่ใจศิลาทิพย์สามก้อนนี่อีกหรือ?” เ้าหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มหยอกล้อ
“ศิลาทิพย์สามก้อนก็ได้ เช่นนั้นเ้าต้องเอาก้อนหินสีฟ้านั่นให้ข้าด้วย!” กวาดสายตาทีหนึ่ง เฉียวรุ่ยก็คว้าก้อนหินน้อยสีฟ้าเข้มขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนหนึ่งขึ้นมาอีก
“ไม่ได้ๆ ศิลาทิพย์สามก้อนของเ้าริจะซื้อก้อนหินสองก้อนของข้า ข้าก็ขาดทุนใหญ่แล้ว!”
“เ้านี่ขี้งกจริง ข้าเพิ่มให้เ้าอีกหนึ่งก้อน เป็สี่ก้อนคงได้แล้วกระมัง?”
“หกก้อน ศิลาทิพย์หกก้อนเถอะ? เ้าเป็ลูกค้าประจำ ข้าให้ราคาต่ำสุดแล้ว”
“ไม่ได้ แพงเกินไป มากสุดห้าก้อน!”
เ้าหนุ่มได้ยินก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ “ได้ ข้ากลัวเ้าแล้ว ห้าก้อนก็ห้าก้อน!”
“ขอบใจ!” เฉียวรุ่ยนำศิลาทิพย์ห้าก้อนออกมาจ่ายให้อีกฝ่าย เก็บก้อนหินสองก้อนมาอย่างดีอกดีใจ
เฉียวรุ่ยออกจากแผงขายก้อนหินแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ เขามองข้าวของในร้านอื่นๆ แต่มองอยู่นานก็ไม่เจอของที่ถูกใจ ท้ายที่สุดจึงได้มานั่งหน้าแผงสมุนไพรทิพย์ของแม่เฒ่าตาบอด
เฉียวรุ่ยเมียงมองสมุนไพรทิพย์เหี่ยวๆ พวกนั้นบนพื้นแล้วเลือกสมุนไพรทิยพ์สามต้นออกมา จากนั้นวางศิลาทิพย์ก้อนหนึ่งในมือแม่เฒ่าตาบอดอย่างคุ้นเคย
“ขอบคุณ!” แม่เฒ่าตาบอดคลำศิลาทิพย์ในมือแล้วรีบร้อนเอ่ยขอบคุณ
“ใบของสมุนไพรทิพย์เหล่านี้เหลืองหมดแล้ว ยังใช้ได้อีกหรือ?” หลิ่วเทียนฉีมองเฉียวรุ่ย เอ่ยถามอย่างสงสัย
“วางใจเถอะ ใบยังมีฤทธิ์ยาอยู่ ไม่ได้หายไปหมดหรอก!”
“อ้อ!” ฟังเฉียวรุ่ยเอ่ยเช่นนี้ หลิ่วเทียนฉีถึงพยักหน้า
“ไปเถอะ!”
“ได้!” เฉียวรุ่ยบอกจะไป เขาย่อมไม่คัดค้าน
ทั้งสองออกจากตลาดของเก่า ตรงไปยังจวนตระกูลหลิ่วทันที