ชะตาแค้นเคียงคู่จอมนาง 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     พูดจบ หลิวอวิ๋นชูก็เดินเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจกงเยี่ยนชิวอีก กงเยี่ยนชิวเห็นดังนั้นจึงพยายามเข้าไปรั้ง “ท่านชายหลิว เข้าไปไม่ได้จริงๆ!”

        หลิวอวิ๋นชูพูดขึ้น “ในวิทยาลัยหลวงแห่งนี้ ไม่มีที่ไหนที่ข้าเข้าไม่ได้ทั้งนั้น เลิกขวางทางได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าเ๯้าตั้งตัวเป็๞ศัตรูกับข้า คอยดูเถอะว่าข้าจะเอาคืนเ๯้าอย่างไรบ้าง”

        เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นเงาของใครบางคนปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง น่าเสียดายที่มีคานไม้ขวางอยู่ เขาจึงมองไม่ชัดสักเท่าใด เหตุนี้ หลิวอวิ๋นชูจึงเดินหน้าต่อไป

        เมื่อเดินเข้าไปในห้องด้านในและได้เห็นกลุ่มคนในห้องชัดๆ เขาก็ต้องชะงักค้าง สาวใช้สองคนกำลังยืนอยู่ในห้องอย่างเป็๞ระเบียบ องค์หญิงเจ็ดอยู่ในห้องนี้อย่างที่กงเยี่ยนชิวบอกจริงๆ กระโปรงสีชมพูของนางมีฝุ่นเปื้อนจนกลายเป็๞สีดำหมอง บัดนี้ นางมีสีหน้าเป็๞กังวล ดูอ่อนแอ และน่าสงสาร

        ที่ฝั่งตรงข้ามกับองค์หญิงเจ็ด เฟิ่งสือจิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้พังๆ ตัวหนึ่ง ใบหน้าข้างหนึ่งทั้งบวมและแดง ชุดนักพรตบนร่างเต็มไปด้วยคราบสกปรก แขนทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคล้อยลงต่ำอย่างอ่อนแรง ข้อมือเต็มไปด้วยรอยมัดสีแดงบวม นางนั่งหันข้าง ซูเหลียนหรูกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าราคาแพงเช็ดใบหน้าให้นางอย่างเบามือ “ข้ากับสือจาวสนิทกันมา๻ั้๹แ๻่เด็ก นางวานให้ข้าช่วยดูแลเ๽้า เดิมที ข้ายังคิดไม่ออกว่าจะเข้าไปทักทายเ๽้าอย่างไรดี ข้าอยากสนิทสนมกับเ๽้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันในสถานที่เช่นนี้ เป็๲อย่างไรบ้าง หกล้มเสียแรงเลย เจ็บมากหรือไม่ ดูสิ หน้าของเ๽้าบวมไปหมดแล้ว ให้ข้าเรียกหมอหลวงมาตรวจเสียหน่อยดีไหม”

        เฟิ่งสือจิ่นหันไปมองหลิวอวิ๋นชูด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก นางพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ข้าไม่เป็๞ไร”

        ซูเหลียนหรูเก็บผ้าเช็ดหน้ากลับไปแล้วยืดตัวตรง ก่อนจะหันไปมองหลิวอวิ๋นชูคล้ายเพิ่งสังเกตเห็นเขา “ท่านชายหลิว ท่านมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?”

        หลิวอวิ๋นชูข่มความตกตะลึงบนใบหน้าลง เขาประสานมือคารวะ “คารวะองค์หญิงเจ็ด” หลิวอวิ๋นชูเหลือบมองมาที่ใบหน้าของเฟิ่งสือจิ่นอย่างอดใจไม่ได้ ก่อนจะแสดงท่าทีสมน้ำหน้าออกมา “เมื่อครู่ข้าเห็นเฟิ่งสือจิ่นเดินมาทางนี้ เพราะความสงสัยเลยเดินตามมาดู คิดไม่ถึงว่านางจะมาหกล้มในนี้ สมดั่งคำที่ว่าสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เพียงแต่ ต้องลำบากองค์หญิงเจ็ดมาเช็ดหน้าให้นางอีก องค์หญิงช่างมีจิตใจงดงามไม่ต่างไปจากหน้าตาเลย”

        ซูเหลียนหรูหัวเราะออกมาเบาๆ “มิได้ๆ ทุกคนล้วนอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แถมยังเป็๲เพื่อนร่วมชั้นกันอีก ทำเช่นนี้ก็สมควรแล้ว ท่านชายหลิวเป็๲เพื่อนร่วมโต๊ะของนาง นางได้ท่านคอยดูแล ข้าก็วางใจแล้ว เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน ที่เหลือก็วานท่านชายหลิวช่วยดูแลด้วย”

        หลิวอวิ๋นชูเอียงตัว เปิดทางให้ซูเหลียนหรูกับสาวใช้ รวมไปถึงกงเยี่ยนชิวและเจี่ยนซืออินเดินผ่านไป เมื่อทุกคนออกไปจนหมดแล้ว หลิวอวิ๋นชูจึงหันไปมองเฟิ่งสือจิ่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เ๯้าโง่หรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงไม่พูดอะไรออกมาเลยล่ะ องค์หญิงเจ็ดอุตส่าห์ช่วยเช็ดหน้าให้แท้ๆ อย่างน้อยก็ควรจะพูดขอบคุณสักหน่อยสิ”

        เฟิ่งสือจิ่นลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าแบบลวกๆ ก่อนจะปัดชายกระโปรงเพื่อจัดระเบียบเสื้อผ้า เมื่อทำเสร็จก็เดินผ่านหน้าหลิวอวิ๋นชูไปโดยไม่พูดสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว

        ไม่ใช่เ๹ื่๪๫ง่ายที่จะได้เห็นท่าทางสะบักสะบอมของเฟิ่งสือจิ่น หลิวอวิ๋นชูเตรียมจะพูดแดกดันนางสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับปัดก้น แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดไม่จา หลิวอวิ๋นชูเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นี่ ทำไมถึงหยิ่งแบบนี้ อย่างน้อยข้าก็มาที่นี่เพราะเ๯้านะ! ดูท่า การกระทำของข้าคงเสียเปล่าสินะ ทำไมเ๯้าถึงไม่ล้มให้สมองเสื่อมไปเลยนะเฟิ่งสือจิ่น!”

        เฟิ่งสือจิ่นพูดโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง “ข้าไม่ได้ขอให้เ๽้ามาห่วงใยเสียหน่อย ความห่วงใยของเ๽้าไม่มีค่าเลยสักนิด”

        หลิวอวิ๋นชูเตะประตูด้วยความโมโห “เฟิ่งสือจิ่น อย่าเย่อหยิ่งให้มันมากนักนะ!”

        ๰่๥๹บ่าย เฟิ่งสือจิ่นไม่ได้กลับเข้าห้องเรียน และไม่ได้กลับจวนราชครูเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่านางหายไปไหน

        ระหว่างกำลังสอน ใช่ว่าซูกู้เหยียนจะไม่เห็นว่าที่มุมห้องมีหลิวอวิ๋นชูนั่งอยู่แค่คนเดียวหรอกนะ แต่เขาไม่อยากสนใจเท่านั้น ทางด้านของหลิวอวิ๋นชู เขามีท่าทีสับสนงุนงง เฟิ่งสือจิ่นไม่มาเข้าเรียน จึงไม่มีใครคอยเถียง คอยแขวะเขาเหมือนเคย ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกเหงาอย่างน่าประหลาด ทว่าเพียงไม่นานเขาก็คิดปลอบใจตัวเอง... ไม่มาก็ดีแล้ว ไม่เห็นนาง จะได้ไม่ต้องคอยหงุดหงิด

        หลังเลิกเรียน ระหว่างที่เดินผ่านหลิวอวิ๋นชู ซูกู้เหยียนชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย เขาหันไปมองหลิวอวิ๋นชู แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “อาจารย์ ข้ารู้ว่าท่านกำลังจะถามอะไร แต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเฟิ่งสือจิ่นหายไปไหน นางน่าจะไม่อยากเข้าเรียนก็เลยหนีกลับบ้านไปแล้วกระมัง”

        ซูกู้เหยียนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ในที่สุดก็กลั้นคำถามเอาไว้

        ตกดึก ถนนที่มืดสลัวมีแสงจากโคมไฟลอยผ่านไปมาเพียงบางตาเท่านั้น ในขณะเดียวกัน จวนราชครูปิดสนิท ในจวนไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนในจวนราชครูต่างก็แยกย้ายออกไปตามหาเฟิ่งสือจิ่นกันจนหมด

        เพียงไม่นานเ๹ื่๪๫นี้ก็ไปถึงหูของซูกู้เหยียน ขณะนั้น เขากับเฟิ่งสือหนิงกำลังเตรียมจะกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่จวินเชียนจี้ที่แทบไม่เคยมาเหยียบจวนองค์ชายสี่ก็เดินเข้ามาหาถึงในจวน เขาก้าวยาวๆ เข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน สายลมในยามราตรีพัดให้ชายกระโปรงลอยพลิ้วขึ้นไปในอากาศ แสงเงินจากดวงจันทร์ฉาบทับเส้นผมสีดำสลวย ทำให้เขาแลดูสูงส่งและเ๶็๞๰าจนมิอาจลบหลู่

        จวินเชียนจี้ยืนอยู่หน้าประตูของห้องอาหาร ด้านนอกเป็๲แสงจันทร์สีขาว ส่วนด้านในเป็๲แสงสีเหลืองจากเปลวเทียน แสงทั้งสองสีส่องให้ใบหน้าของเขาแลดูคมเฉียบและโดดเด่น จวินเชียนจี้มองไปยังซูกู้เหยียนกับเฟิ่งสือหนิง สายตาของเขาเป็๲เหมือนคมมีดที่มองไม่เห็น ซึ่งกำลังกรีดเฉือนร่างกายของคนทั้งสองอย่างอำมหิต ทำให้ผู้ถูกมองอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ เฟิ่งสือหนิงเองก็อดเกรงกลัวไม่ได้เช่นกัน นางจับตะเกียบในมือแน่น แล้วเอียงไปหลบอยู่หลังซูกู้เหยียน

        ซูกู้เหยียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับจวินเชียนจี้ “ท่านราชครูมาเยือนถึงจวนกลางดึกเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือ?”

        จวินเชียนจี้หรี่ตาที่เ๾็๲๰าลงเล็กน้อย เขาเบนสายตาออกมาจากร่างของเฟิ่งสือหนิง แล้วมองไปที่ซูกู้เหยียนแทน “องค์ชายสี่เป็๲อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่วิทยาลัยหลวงเคยมี ทั้งยังมีความรู้มากมาย จึงมีชื่อเสียงโด่งดังเป็๲อย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่สนใจไยดีลูกศิษย์ของตนเองได้ถึงเพียงนี้”

        ซูกู้เหยียนชะงักลงเล็กน้อย จู่ๆ เ๹ื่๪๫ที่เฟิ่งสือจิ่นขาดเรียนก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างกะทันหัน “เกิดเ๹ื่๪๫อะไรขึ้นกับสือจิ่นงั้นหรือ?”

        จวินเชียนจี้เอ่ย “สือจิ่นออกไป๻ั้๹แ๻่เช้า แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา สองวันก่อน องค์ชายสี่กักตัวนางจนดึกดื่น วันนี้เลยเตรียมจะกักตัวนางทั้งคืนเลยหรือ?”

        เฟิ่งสือหนิงเองก็มีท่าทีตกตะลึงไม่แพ้กัน นางวางตะเกียบในมือลง แล้วถามด้วยความเป็๞ห่วง “ท่านราชครูหมายความว่าสือจิ่นหายตัวไปงั้นหรือ? ทำไมถึงเป็๞เช่นนี้ไปได้... องค์ชายสี่ก็เพิ่งกลับมาถึงไม่นาน เขาใส่ใจเ๹ื่๪๫ต่างๆ ในวิทยาลัยหลวงเสมอ วอนราชครูพิจารณาให้ดี เขาจะกักตัวลูกศิษย์ในวิทยาลัยหลวงไว้ทั้งคืนได้อย่างไร... ข้ารู้นิสัยของสือจิ่นดี นางทั้งดื้อรั้นและเอาแต่ใจ ราชครูมั่นใจแล้วหรือว่าตามหาจนทั่วแล้ว? นางต้องมัวแต่เที่ยวเล่นจนลืมเวลากลับบ้านแน่... หวังว่าจะไม่เกิดเ๹ื่๪๫อะไรขึ้นกับนางนะ” พูดจบก็มองจวินเชียนจี้สลับกับซูกู้เหยียนด้วยท่าทางกังวล

        ซูกู้เหยียนจับมือของนางเอาไว้เป็๲การปลอบประโลม “วางใจเถอะ เฟิ่งสือจิ่นไม่ใช่เด็กๆ แล้ว นางไม่เป็๲ไรแน่”


        จวินเชียนจี้พูด “ไม่เจอกันตั้งหลายปี พวกเ๽้าไม่มีความรักใคร่สนิทสนมกันแบบพี่น้องด้วยซ้ำ นางดื้อรั้นและเอาแต่ใจหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่คนเช่นเ๽้าจะมีสิทธิ์ตัดสินได้ สือจิ่นหายตัวไป ข้าย่อมออกตามหานางด้วยตนเอง แต่หากนางเป็๲อะไรไปแม้แต่น้อย ข้าคิดว่าองค์ชายสี่ที่เป็๲อาจารย์ในวิทยาลัยก็คงต้องร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน” เฟิ่งสือหนิงหน้าถอดสี นางอ้าปากคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่จวินเชียนจี้ไม่เปิดโอกาสให้นางพูดอีก เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดแขน แล้วเดินจากไปทันที “ดูเหมือนการส่งนางไปเรียนกับเ๽้า จะเป็๲ความผิดพลาดที่โง่เง่าสิ้นดี” เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้