ท่านอ๋องเห็นหนิงมู่ฉือมีสีหน้าอึดอัดใจ รู้ทันทีว่าไปสะกิดถูกแผลอันเ็ปในใจนางเข้าให้แล้ว จึงไม่ได้พูดเื่นี้ต่อ
จ้าวซีเหอเห็นใบหน้าปวดใจของหนิงมู่ฉือ คิดอยากจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ จึงแกล้งทำเป็หัวเราะออกมาพร้อมกับเปลี่ยนเื่ “ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าฝีมือการทำอาหารของนางโด่งดังไปทั่วหล้าแล้ว”
ท่านอ๋องได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เอ่ยกับหนิงมู่ฉือว่า “นางหนูหนิง เ้ามานั่งนี่ก่อน ข้ามีเื่จะพูดกับเ้า” ท่านอ๋องตบที่นั่งข้างตัวเป็การบอกให้นั่งลงด้านข้าง
หนิงมู่ฉือก้มหน้าขณะทรุดนั่งลงด้านข้างท่านอ๋อง นางเงยหน้ามองท่านอ๋องด้วยสีหน้าไม่สงบนัก “ท่านอ๋อง ท่านมีเื่ใดจะคุยกับฉือเอ๋อร์หรือเ้าคะ”
“นางหนูหนิง ข้ารู้ว่าเ้ามีฝีมือทำอาหารเหนือผู้ใด เ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ทุกคนล้วนอยากเห็นว่าหน้าตาเ้าเป็อย่างไร แต่ฐานะของเ้าในตอนนี้ไม่เหมาะจะเป็จุดสนใจของผู้คน การมีฐานะสูงส่งเป็เื่อันตรายต่อเ้า” ท่านอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“ฉือเอ๋อร์…ทราบเ้าค่ะ” นางพยักหน้า ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง
จ้าวซีเหอที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างเอ่ยออกมาว่า “ท่านพ่อ ลูกได้ข่าวมาว่า ่นี้คนในวังพูดถึงนางกันไม่น้อย พูดกันว่าพ่อครัวในวังหลวงรู้สึกไม่เห็นด้วยที่นางได้ฉายาเทพแม่ครัว จึงอยากจะแข่งกับนางสักครา”
ท่านอ๋องได้ฟัง หันไปมองหน้าหนิงมู่ฉือ “ที่ข้าจะพูดกับเ้าก็คือเื่นี้”
หนิงมู่ฉือมีสีหน้างุนงง “อยากจะแข่งกับข้า?”
ท่านอ๋องพยักหน้า ใช้มือลูบเคราสีดอกเลาของตัวเอง “ใช่ นับั้แ่เ้าชนะพ่อครัวจากต่างแคว้น มีคนไม่น้อยพูดว่าเ้าแค่โชคดี ไม่ได้ชนะด้วยความสามารถของเ้าจริงๆ ทุกคนจึงอยากแย่งฉายาเทพแม่ครัวมาจากเ้า เมื่อวานฝ่าารับสั่งกับข้าว่า จะทรงเลือกวันให้เ้าแข่งกับพ่อครัวของวังหลวง”
หนิงมู่ฉือได้ฟังสีหน้าเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม “แต่ตอนนี้ข้าควรเก็บงำฝีมือเอาไว้ก่อนมิใช่หรือเ้าคะ”
ท่านอ๋องส่ายหน้าแล้วยิ้มตอบ “ไม่เป็ไร เ้าก็แข่งไปเถิด ยิ่งเ้าหลบๆ ซ่อนๆ ผู้คนจะยิ่งคาดเดากันไปใหญ่ ตอนแข่งเ้าแสดงออกให้ดีๆ ถ้ามีโอกาสหลบซ่อนความสามารถ เ้าก็หลบซ่อนสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ฐานะของเ้าตอนนี้ไม่เหมาะจะให้ผู้คนหันมาสนใจ มิเช่นนั้นจะเป็อันตรายต่อตัวเ้าเอง” ท่านอ๋องมีสีหน้าเคร่งเครียด
หนิงมู่ฉือมีสีหน้าขรึมลงหลายส่วน ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าว “ขอบคุณท่านอ๋องมากเ้าค่ะที่เตือน ฉือเอ๋อร์รู้แล้วว่าควรต้องทำเช่นไร”
ท่านอ๋องได้ยินก็พยักหน้าอย่างวางใจ “เ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ่นี้เ้าจงดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี”
หนิงมู่ฉือพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมา นางยังคงคิดเื่ที่ท่านอ๋องพูดกับนางก่อนหน้านี้ นางเดินอย่างเหม่อลอยจึงทำให้ชนเข้ากับจ้าวซีเหอ
จ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือมีสีหน้าเครียดรู้สึกเป็ห่วงยิ่งนัก ทว่าปากกลับเอ่ยหยอกเย้าออกไปอย่างเ้าชู้ “ว่าอย่างไร แต่งงานกับข้า เป็สาวใช้ข้างห้องของข้า เ้าจะได้ไม่ต้องเจอเื่ยุ่งยากพวกนี้ ดีหรือไม่”
หนิงมู่ฉือรู้ว่าอีกฝ่ายล้อเล่น นางจึงยิ้มออกมา “ซื่อจื่อพูดล้อเล่นแล้ว”
ใบหน้าจ้าวซีเหอแปรเปลี่ยนเป็ไม่พอใจ เขาจับแขนหนิงมู่ฉือเอาไว้ เดินเข้าไปประชิดจนนางต้องถอยหลังตัวเข้าไปอยู่ในมุม “เ้าก็รู้ว่าข้าพูดออกมาจากใจ”
ใบหน้าหนิงมู่ฉือเปลี่ยนเป็แดงก่ำ จมูกได้กลิ่นดอกบัวจางๆ จากตัวคนตรงหน้า นางยิ้มอย่างทำอันใดไม่ถูก “ซื่อจื่อ ได้โปรดอย่าล้อข้าเล่นอีกเลยเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอถอนหายใจออกมา ปล่อยมือจากหนิงมู่ฉือ แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “เ้าไม่รู้จริงๆ ด้วย”
จ้าวซีเหอหันหลังเดินจากไป หนิงมู่ฉือมองภาพด้านหลังของจ้าวซีเหออย่างเหม่อลอย เห็นภาพด้านหลังของเขาดูเปลี่ยวเหงา หัวใจของนางรู้สึกอึดอัดราวกับมีบางสิ่งติดแน่นอยู่ข้างในก็ไม่ปาน ทว่านางทำได้เพียงมองภาพด้านหลังของเขาพร้อมกับยิ้มเจื่อนเท่านั้น “ขอโทษด้วย เพื่อมิให้ท่านต้องเดือดร้อนไปด้วย ข้ามีแต่ต้องปล่อยมือ”
จ้าวซีเหอเดินยิ้มอย่างเศร้าสร้อยไปตามทาง เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเด็กรับใช้ซึ่งเดินตามอยู่ด้านข้าง “ฉีอัน ข้าจะไปหอจุ้งหง”
ฉีอันมองอย่างไม่เชื่อสายตา “ซื่อจื่อ นานแล้วที่ท่านไม่ได้ไปหอจุ้ยหง เหตุใดวันนี้ถึง…”
มุมปากเขายกขึ้นเป็รอยยิ้ม ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเป็การบอกว่าอย่าพูดไป “ห้ามพูดมาก ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
ฉีอันพยักหน้า เดินตามหลังจ้าวซีเหอไปอย่างไม่วางใจ เดินไปจนถึงหอจุ้ยหงซึ่งมีโคมแดงแขวนอยู่ด้านหน้า เขามองหญิงสาวแต่งหน้าเข้มจัด มือที่ถือผ้าเช็ดหน้ากวักเรียกไม่หยุด กลิ่นชาดกลิ่นแป้งฟุ้งไปทั่วทั้งถนน ฉีอันอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดจมูก
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางของฉีอันก็ยิ้มออกมา ส่งสายตาหยอกล้อพลางเอ่ยกระเซ้า “ที่แท้เ้าก็ยังไม่โตเป็ผู้ใหญ่เต็มตัวนี่เอง ต้องโทษเ้านายอย่างข้าเองที่ดูแลเ้าไม่ดี เช่นนั้นวันนี้เ้าสนุกให้เต็มที่เถิด”
ฉีอันถึงกับหน้าขึ้นสีแดงก่ำเมื่อได้ฟัง กล่าวตอบอย่างอึกอัก “ซื่อ…ซื่อจื่อ…อย่า…อย่าดีกว่าขอรับ”
จ้าวซีเหอหัวเราะออกมา “ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวข้าจ่ายเอง” กล่าวจบก็เดินเข้าไปในหอจุ้ยหงอย่างรวดเร็ว จากนั้นะโเรียกแม่เล้าด้วยเสียงดังสนั่น “แม่เล้า มานี่หน่อย”
แม่เล้าได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคย ปรี่เข้ามาหาด้วยความดีใจ จนเนื้อตัวซึ่งอุดมไปด้วยไขมันสั่นกระเพื่อมไปทั้งร่าง เมื่อมาถึงก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “ไอโยว ซื่อจื่อมาแล้วหรือเ้าคะ ไม่ทราบว่าที่วันนี้ที่เรียกข้า ้าสิ่งใดหรือเ้าคะ”
จ้าวซีเหอหยิบพัดขึ้นมาคลี่ออกแล้วพัดเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยแววเย่อหยิ่ง เอ่ยกับแม่เล้าพร้อมทั้งชี้ไปที่ฉีอัน “หาสาวๆ มาปรนนิบัติคุณชายท่านนี้หน่อยสิ”
แม่เล้าได้ฟังจึงยิ้มเขินอายเดินไปหาฉีอัน จับแขนฉีอันพลางส่งเสียงเรียกสาวๆ “เด็กๆ ลูกค้ามาแล้ว รีบมาบริการเร็ว”
หญิงาวในหอนางโลมได้ยินประโยคนี้พาร่างอรชรอ้อนแอ้นตรงมาหาฉีอันอย่างดีอกดีใจ เห็นฉีอันมีสีหน้าแดงก่ำ หัวเราะคิกคักพลางหันไปพูดกับแม่เล้าว่า “อ้าว ที่แท้คุณชายท่านนี้ยังเป็คุณชายอ่อนหัดอยู่นี่เอง!”
สิ้นเสียง จ้าวซีเหอที่อยู่บนชั้นบนของหอนางโลมซึ่งกำลังชมเื่สนุกอยู่พลันหัวเราะออกมา
ฉีอันหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม เอ่ยติดๆ ขัดๆ “เ้า…เ้าอย่ามาหาเื่ข้านะ!”