สาวๆ รูปร่างอรชรหน้าตาหมดจดของหอนางโลมได้ยินประโยคนี้ ต่างหัวเราะอย่างเริงร่ายิ่งกว่าเดิม เอ่ยหยอกฉีอันว่า “ไอโยว คาดว่าคุณชายคงไม่รู้จักเื่สนุกๆ บนโลกใบนี้กระมัง!”
ฉีอันตีหน้าขรึมเพื่อกู้ความน่าเคารพนับถือของตัวเองกลับคืนมา พูดเสียงดังใส่สาวๆ ของหอนางโลม “พวกเ้าช่างไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ เช่นนั้นข้าจะให้พวกเ้าเห็นถึงความร้ายกาจของข้า!”
หญิงสาวของหอนางโลมได้ฟังก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันยิ่งกว่าเดิม ฉีอันถึงกับมีน้ำโห ชี้มือไปที่หญิงสาวที่หัวเราะเสียงดังที่สุด “เ้า…มานี่!”
หญิงสาวนางนั่นเปลี่ยนเป็ท่าทีกระอักกระอ่วน มองพี่สาวน้องสาวคนอื่นที่ยังคงหัวเราะเยาะ นางยิ้มขณะกล่าวกับฉีอัน “เช่นนั้นวันนี้ข้าขอลองความร้ายกาจของคุณชายหน่อยนะเ้าคะ”
ฉีอันหน้าแดงขณะพาหญิงสาวนางนั้นไปที่ห้อง
จ้าวซีเหอหัวเราะออกมาขณะมองฉีอันเดินเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเขาพบว่ามีมือข้างหนึ่งค่อยๆ ลูบไล้มาบนตัวเขา เขาอดขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงหันไปมองด้านข้างเพื่อดูว่าเป็มือผู้ใด
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ผู้มีใบหน้าสะสวยกำลังมองมาที่เขา เขายิ้มแห้งให้นาง ขณะมองการแต่งตัวแต่งหน้าของนางในวันนี้
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์สวมชุดสีชมพู เป็ชุดเปิดไหล่เผยให้เห็นไหล่กลมมนสีชมพูเืฝาด ทั้งยังเห็นร่องอกได้อย่างชัดเจน ได้เห็นผิวขาวและรอยยิ้มกว้างของนาง เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นจ้าวซีเหอมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาตกตะลึง นางรีบจัดชุดให้เปิดเผยเนื้อตัวยิ่งขึ้นและส่งยิ้มกว้างให้จ้าวซีเหอยิ่งกว่าเดิม “ซื่อจื่อ นานแล้วที่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ได้อยู่กับท่าน คราวที่แล้วท่านก็แอบหนีไปตอนที่ข้ากำลังทำอาหาร”
ประโยคนี้ทำให้จ้าวซีเหอนึกถึงหนิงมู่ฉือขึ้นมา เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะกดความคิดถึงนี้ลงไป เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ “เมิ่งเอ๋อร์ วันนั้นข้ามีเื่สำคัญต้องไปทำจริงๆ ที่ต้องทิ้งเ้าไป ข้าเองก็เศร้าใจเช่นกัน”
“ซื่อจื่อไม่ชอบเมิ่งเอ๋อร์แล้วหรือเ้าคะ เมิ่งเอ๋อร์ได้ยินมาว่าท่านมีใจให้แม่ครัวในตำหนักของท่าน!” ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ร้องไห้น้ำตาไหลพราก
สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ยื่นแขนไปโอบเอวฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้ามาในอ้อมกอด กล่าวปลอบใจว่า “ดูเ้าสิ คิดมากไปถึงไหนแล้ว นางก็เพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะไปชอบนางได้อย่างไร” รอยยิ้มของเขาดูแข็งๆ ชอบกล
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังพลันเงยหน้าขึ้น จูงมือพาจ้าวซีเหอไปที่ห้องพลางส่งยิ้มให้เขา “ในเมื่อซื่อจื่อพูดเช่นนี้ เมิ่งเอ๋อร์ก็วางใจแล้ว”
จ้าวซีเหอลูบผมดำเงางามของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ “วันนี้ข้าก็มาหาเ้าแล้วมิใช่หรือ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของจ้าวซีเหอออก ก่อนจะจับให้นั่งบนเก้าอี้ “เช่นนั้นซื่อจื่อรอข้าอยู่ที่นี่สักประเดี๋ยวเ้าคะ เมิ่งเอ๋อร์จะไปทำอาหารมาให้ท่านรองท้อง ท่านจะได้ชิมฝีมือของเมิ่งเอ๋อร์ด้วย”
จ้าวซีเหอส่งยิ้มให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์กำชับอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง “ซื่อจื่อ ครั้งนี้ห้ามแอบหนีไปก่อนอีกนะเ้าคะ!”
จ้าวซีเหอโบกมือไปมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้แล้ว ข้ารับปากเ้า ครั้งนี้ไม่แอบหนีไปก่อนแน่นอน”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ปิดประตูได้อย่างวางใจ เมื่อออกมาสีหน้านางพลันเศร้าโศก แววตาของจ้าวซีเหอในตอนนี้มีความกังวลที่นางไม่เข้าใจอยู่ภายใน เป็ความกังกลเพราะสตรีอื่น
ห้องด้านล่าง ฉีอันในตอนนี้กำลังตื่นเต้นระคนเคร่งเครียดที่สุดในชีวิต เขามองสตรีที่เขาพาเข้ามาในห้องด้วย ซึ่งเวลานี้กำลังถอดเสื้อผ้าเขาออกอย่างช้าๆ เขาอดไม่ได้ที่จะร้องอย่างใ ทำให้สตรีตรงหน้ายิ้มกว้างพร้อมทั้งหลุดหัวเราะออกมา “คุณชาย ข้าแค่อยากจะปรนนิบัติท่าน เหตุใดถึงร้องเสียงดังเช่นนี้ด้วยเล่า”
หญิงนางนั้นค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เดินตรงเข้าไปหาฉีอันพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน ฉีอันเืลมพลุ่งพล่าน เห็นเช่นนี้มีหรือจะทนไหว ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ ลมหายใจหอบกระชั้น
“มาสิเ้าคะคุณชาย ข้าจะช่วยให้ท่านลิ้มรสความสุขที่สุขที่สุดของโลกใบนี้” หญิงสาวนางนั้นขึ้นทาบทับร่างของฉีอัน
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยกอาหารที่นางทำเองกับมือเข้ามาให้ห้อง นางมองจ้าวซีเหออย่างภาคภูมิใจ “นี่คืออาหารที่หลายวันมานี้ข้าฝึกทำออกมา หวังว่าซื่อจื่อจะไม่รังเกียจนะเ้าคะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รินสุราใส่จอก ก่อนจะยื่นให้จ้าวซีเหอ พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ซื่อจื่อ เมิ่งเอ๋อร์ขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก”
จ้าวซีเหอยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมด รู้สึกสดชื่นและคล่องคอดีเหลือเกิน เขายกจอกขึ้นสูดกลิ่นก่อนจะเอ่ยออกมา “สุรานี้กลิ่นหอมมาก สุราร้อยบุปผานี่ ข้าจำได้ว่าคือสุราที่ข้าให้เ้า ทำไมหรือ เหตุใดเ้าถึงยังดื่มไม่หมด”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยกมือปิดปากยิ้มออกมา ดวงตาดั่งนกเฟิ่ง[1]เจือแววขบขัน “สุราที่ซื่อจื่อให้ เมิ่งเอ๋อร์ย่อมต้องเก็บไว้ดื่มกับท่านสิเ้าคะ จะกล้าดื่มคนเดียวจนหมดได้อย่างไร”
นางเห็นจ้าวซีเหอไม่ยอมขยับตะเกียบทานอาหารฝีมือนางสักที จึงเอ่ยออกมา “ซื่อจื่อ อาหารที่เมิ่งเอ๋อร์ทำไม่ถูกใจท่านหรือเ้าคะ อาหารเย็นหมดแล้ว แต่ข้ายังไม่เห็นท่านลงมือทานเลย”
จ้าวซีเหอได้ยินจึงใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากหนึ่งคำ หากเทียบกับอาหารที่หนิงมู่ฉือทำแล้ว อาหารนี้ย่อมยากที่จะกลืนลงท้องไปได้ แต่ด้วยความที่เขาไม่อยากให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เสียหน้า จึงต้องฝืนกลืนมันลงไป จากนั้นหยิกจอกสุราขึ้นมาดื่มตามโดยไว เขามองหน้าตารอคอยของฉู่เมื่องเอ๋อร์ ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ฝีมือการทำอาหารของเมิ่งเอ๋อร์ดีมากจริงๆ อาหารที่ทำออกมารสชาติเยี่ยมมาก”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังก็ยิ้ม กล่าวออดอ้อน “ในเมื่ออร่อย เช่นนั้นซื่อจื่อท่านเยอะๆ นะเ้าคะ” ฉู่เมิ่งเออร์ใช้ตะเกียบของตัวเองคีบอาหารใส่จานให้จ้าวซีเหออีกครา
จ้าวซีเหอขมวดคิ้วมองอาหารในถ้วย แล้วหันไปมองจอกสุราอันว่างเปล่าของตัวเอง เขารินสุราใส่จอก ยกขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า ราวกับอยากจะลืมเื่ราวก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น
จ้าวซีเหอเริ่มมึนศีรษะ เริ่มมองเห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างโยกไปเอนมา เขาพยายามเบิ่งตาให้ลืมเอาไว้ “เมิ่งเอ๋อร์ เ้าอย่าขยับสิ ข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มองจ้าวซีเหอที่เมาจนเริ่มพูดจาเรื่อยเปื่อย นางแย่งจอกสุรามาจากเขา กอดไหล่เขา เอาหน้าอกเข้าไปแนบชิดกับแผ่นหลังของเขา พลางกระซิบเบาๆ ข้างหู “ซื่อจื่อ อย่าดื่มอีกเลยเ้าค่ะ”
ทว่าจ้าวซีเหอกลับผลักฉู่เมิ่งเอ๋อร์ออก ลุกขึ้นยืนตัวเงนไปเงนมา พร้อมกับกล่าวเสียงดัง “อย่ามาห้ามข้า ข้าจะดื่มอีก!”
[1] นกเฟิ่ง คือนกฟินิกซ์จีน เป็สัญลักษณ์ของความสุข ความสงบ และความรุ่งเรือง มักอยู่เป็คู่กับนกหวง ภายหลังเฟิ่งหวงจึงกลายเป็สัญลักษณ์ของสตรี