องค์หญิงซีเยวี่ยลูบพระพักตร์ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินอย่างแ่เบา “ฝ่าา หม่อมฉันก็กำลังยิ้มให้พระองค์อยู่มิใช่หรือเพคะ”
นางรู้สึกว่าตัวนางในตอนนี้ช่างต่ำช้าเหลือเกิน ที่แท้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง นางสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินยื่นมือมาโอบเอวนาง ก่อนจะดึงลงไป ตัวของนางในตอนนี้แนบชิดติดกับตัวของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากการกอดรัด คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินจะกอดนางเอาไว้แน่น
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินกระซิบข้างหูนาง “หรูเอ๋อร์ หลายวันมานี้เราเอาแต่คิดถึงเ้าตลอดเลย”
องค์หญิงซีเยวี่ยขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเองฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินก็ยื่นพระพักตร์มาประทับริมฝีปากนาง นางรู้สึกหวาดกลัว แต่เพื่อให้แผนของเสด็จพี่สำเร็จ นางมีแต่จะต้องทำเยี่ยงนี้เท่านั้น
นางจูบตอบ ตัวของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง พระองค์เปลี่ยนมากดนางไว้กับเตียง พลางถอดเสื้อผ้านางออกอย่างร้อนใจ
นางคาดไม่ถึงเลยว่า ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินจะป่าเถื่อนและเอาแต่ใจเช่นนี้ ตัวของนางเต็มไปด้วยรอยแดง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บอย่างเงียบๆ
ครั้งแรกของนาง นางเจ็บจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ และสุดท้ายนางก็ผล็อยหลับไป
องค์หญิงซีเยวี่ยตื่นในเช้าวันถัดมา นางมองฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินที่ไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์นอนกอดนางที่ไม่ใส่เสื้อผ้าใดๆ เช่นกันเอาไว้ แล้วนางก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
เสียงสะอื้นปลุกฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินให้ตื่นขึ้น เขาลืมตาก็เห็นสตรีเปลือยกายอยู่ตรงหน้า ในใจรู้สึกใเป็อย่างยิ่ง รีบลุกขึ้นนั่งโดยพลัน เมื่อเลิกผ้าห่มออก จึงเห็นรอยสีแดงคล้ำเป็วงอยู่บนเตียง
เขารีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า ะโเสียงดังใส่องค์หญิงซีเยวี่ย “เ้าช่างใจกล้านัก!”
ท่าทางขององค์หญิงซีเยวี่ยในตอนนี้แลดูน่าสงสารอย่างสุดซึ้ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเอ่ยว่า “ฝ่าา พระองค์ต่างหากที่ทรงทำเื่ไม่ถูกต้อง!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินชะงัก มองรอยแดงตามร่างกายขององค์หญิงซีเยวี่ยแล้วก้มหน้าลง จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เรา…เราดื่มหนักเกินไป…”
เขาส่งเสื้อผ้าให้องค์หญิงซีเยวี่ย ก่อนจะหันหลังไปอีกทาง “เื่ของต่างแคว้น เราจะให้คำตอบที่น่าพอใจอย่างแน่นอน”
เขาจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปด้านนอก ทันทีที่เปิดประตูออกมา พบสี่ราชชายาที่กำลังมีสีหน้าตะลึงระคนใ
ซูเฟยซึ่งเป็หนึ่งในสี่ราชชายาถามอย่างเป็ห่วง “ฝ่าา องค์ชายจากต่างแคว้นมาตามหาคนกับพวกหม่อมฉัน ตรัสว่าไม่รู้ว่าองค์หญิงซีเยวี่ยหายไปไหนเพคะ!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้ฟังดังนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เดินอย่างเร็วรี่ไปหาองค์ชายเอ่อร์ตั้น เห็นใบหน้าขององค์ชายดูทุกข์ใจและเคร่งเครียด เขารู้สึกเป็ห่วงขึ้นมา
องค์ชายเอ่อร์ตั้นเอ่ยถาม “ฝ่าา ทรงทราบใช่หรือไม่ว่าองค์หญิงซีเยวี่ยอยู่ที่ใด เมื่อคืนกระหม่อมเห็นกับตาว่าพระองค์ทรงพาองค์หญิงซีเยวี่ยมาที่ตำหนักเจินหลง!”
ฮ่องเต้เข้าเจี้ยนเจินมีสีหน้าอึดอัดใจยิ่ง กล่าวขอโทษองค์ชายเอ่อร์ตั้น “เมื่อคืนเราดื่มหนักเกินไป สติเลอะเลือนไปชั่วขณะ”
ซูเฟยซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยออกมา “ฝ่าา เมื่อคืนทรงพาพระองค์หญิงเข้าไปในตำหนักเจินหลงจริงหรือเพคะ หม่อมฉันก็นึกว่า…”
ซูเฟยไม่ทันจะได้กล่าวจบประโยค ถูกฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินหันมาถลึงตาใส่เสียก่อน จึงรีบหุบปากทันใด
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเอ่ยกับองค์ชายเอ่อร์ตั้น “เราชื่นชอบองค์หญิงซีเยวี่ยมานานแล้ว เมื่อคืนจึงพานางมาที่ตำหนักเพื่อบอกความในใจกับนาง ซึ่งนางเองก็ยินยอมที่จะอยู่ที่ตำหนักเราเมื่อคืน คำตอบนี้เป็ที่น่าพอใจแก่แคว้นท่านหรือไม่”
จบประโยค องค์หญิงซีเยวี่ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าทุกคน องค์ชายเอ่อร์ตั้นเห็นองค์หญิงซีเยวี่ยพลันลุกขึ้นยืน ถามด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “เป็ถึงองค์หญิง เ้าลืมมารยาทและเกียรติขององค์หญิงแคว้นเราไปหมดแล้วหรือ! เสด็จพ่อทรงสั่งสอนเ้าว่าอย่างไร เ้าลืมไปหมดแล้วหรือ!”
องค์หญิงซีเยวี่ยน้ำตาไหลนองหน้า นางคุกเข่าลงไปกับพื้นร่ำไห้สะอึกสะอื้น “เสด็จพี่ น้องผิดไปแล้วเพคะ”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นแค่นเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะหันไปหาฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ฝ่าา ในเมื่อพระองค์กับน้องสาวของกระหม่อมมีความสัมพันธ์กันแล้ว กระหม่อมก็จะไม่เอ่ยกระไรอีก หวังว่าพระองค์จะให้นางประทับอยู่ที่นี่ต่อ และดูแลนางอย่างดี ต่อให้พระองค์ส่งนางกลับแคว้น เื่นี้ก็เป็เื่ยากที่จะเอ่ยปากอยู่ดี”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินคาดเดาว่าเื่นี้น่าจะเป็แผนขององค์หญิงซีเยวี่ยและองค์ชายเอ่อร์ตั้น ทว่าตอนนี้คงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ต้องโทษที่เขาประมาทเกินไป เมื่อเป็เช่นนี้จึงเอ่ยตอบองค์ชายเอ่อร์ตั้นไปว่า “เราจะดูแลองค์หญิงซีเยวี่ยอย่างดี เื่นี้เป็เราที่ผิดต่อแคว้นของท่าน”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นยิ้ม “กระหม่อมรู้มานานแล้วว่าน้องสาวของกระหม่อมมีใจภักดีต่อฝ่าา ตอนนี้นางได้สมปรารถนาแล้ว ถือเป็เื่ที่ดี”
สีหน้าของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเปลี่ยนไปทันใด มององค์หญิงซีเยวี่ยซึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนจะตอบองค์ชายเอ่อร์ตั้น “องค์ชาย ท่านวางใจเถิด เราต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่แคว้นของท่านแน่นอน”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นพยักหน้า ยิ้มให้ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “กระหม่อมถวายบังคมลา วันนี้พวกกระหม่อมต้องเดินทางกลับแล้ว แม้ไม่อาจพาองค์หญิงกลับไปด้วยได้ ในใจกระหม่อมรู้สึกโหวงเหวงเหลือเกิน กระหม่อมต้องรีบกลับไปทูลเื่นี้แก่เสด็จพ่อโดยไว เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพยักหน้า “ท่านเป็บุตรที่กตัญญูยิ่ง นี่ก็สายมากแล้ว ท่านออกเดินทางเถิด”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นพยักหน้ารับคำ ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินไปส่งองค์ชายเอ่อร์ตั้นถึงหน้าประตูวังหลวง เขาทอดมองขบวนอันยิ่งใหญ่ขององค์ชายเอ่อร์ตั้นที่ค่อยๆ เคลื่อนขบวนเดินทางกลับ ทันใดนั้นใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มพลันแปรเปลี่ยนเป็อึมครึมยากจะคาดเดา
เขารู้สึกโมโหยิ่งนัก เอามือไพล่ไว้ด้านหลังขณะเดินกลับตำหนักเจินหลง ที่นั่นองค์หญิงซีเยวี่ยยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาเห็นแล้วรู้สึกยุ่งยากใจยิ่งนัก
เขาไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างองค์หญิงซีเยวี่ย ก้มหน้ามองนาง “เป็เราที่ผิดต่อเ้า นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าพักอยู่กับซูเฟยที่ตำหนักิฉือเถิด เราจะให้ตำแหน่งเฟยแก่เ้า”
องค์หญิงตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ซีเยวี่ยขอบพระทัยฝ่าาเพคะ”
เื่นี้เป็ไปตามแผนขององค์หญิงซีเยวี่ยและซูเฟย ครั้นซูเฟยซึ่งยังคงอยู่ที่ตำหนักเจินหลงได้ทราบข่าวนี้ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกว้างดีใจ
ท่านอ๋องที่อยู่นอกวังหลวงทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน เคราถึงกับสั่น ไอออกมาไม่หยุด จนพ่อบ้านต้องเข้ามาช่วยลูบหลังให้อย่างเป็ห่วง
ท่านอ๋องกล่าวเสียงดังเต็มไปด้วยโทสะ “เหลวไหลสิ้นดี! นี่ต้องเป็แผนของพวกต่างแคว้นแน่!”
จ้าวซีเหอซึ่งอยู่ด้านนอกได้ยินประโยคนี้รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง ทรุดนั่งด้านหน้าท่านอ๋องแล้วใช้มือลูบหลังเพื่อให้ท่านอ๋องใจเย็นๆ “ท่านพ่อ อย่าโมโหขอรับ มันไม่ดีต่อร่างกาย”
ท่านอ๋องถลึงตามองบุตรชาย โทสะในใจพุ่งสูงขึ้นไปอีก “ซีเหอ เ้ายังเด็ก ไม่มีทางรู้ทันแผนของพวกต่างแคว้นหรอก!”
หนิงมู่ฉือยกขนมหวานมาวางไว้ตรงหน้าท่านอ๋อง คิดว่าเมื่อท่านอ๋องได้กลิ่นขนมหวานอาจจะอารมณ์เย็นลงก็เป็ได้
นางมองท่านอ๋องที่ยังคงมีน้ำโหพลางถอนหายใจออกมา กลับคาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะรั้งนางเอาไว้ แล้วเอ่ยถามออกมา “นางหนูหนิง เ้ารู้เื่ที่แม่ทัพใหญ่สร้างความดีความชอบโดยการตีเอาต่างแคว้นมาได้หรือไม่”
ได้ยินประโยคนี้ นางชะงักนิ่งโดยพลัน