ซูฉีเฉียวยิ้มเยาะในใจอีกครั้ง ใช่แล้ว เมื่อเขาเริ่มมีสีหน้าบูดบึ้ง ก็เริ่มมีคนเอ่ยสมทบขึ้น ตอนนี้เป็น้าชายคนโตของนางเป็คนเอ่ยปาก หากเป็คนปกติทั่วไปก็คงจะเล่าว่าครอบครัวเป็อย่างไรให้พวกเขาฟัง แต่ใครอยากได้พวกเ้ามาเป็ญาติผู้ใหญ่กัน
ทว่าซูฉีเฉียวก็เพียงแค่ยิ้มเยาะออกมา
แม้แต่นางเฉินที่คาดหวังในตัวของพี่น้องครอบครัวเฉินของตนเอง เวลานี้นางเองก็ผิดหวังเช่นกัน
นางส่งเสียงหัวเราะที่เย็นะเืออกมา ก่อนจะให้ต้านิวไปอยู่ข้างๆ ด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่ดึงซูฉีเฉียวออกมาก็ได้กล่าวออกมาด้วย “เสี่ยวฉี เื่นี้แม่จัดการเอง”
ก็จริงอยู่ คนเหล่านี้เป็ญาติพี่น้องของนางเฉิน ให้นางดูแลเอาเองแล้วกันว่าจะจัดการอย่างไร ครั้งนี้ให้คนเหล่านี้เสียใจบ้างก็ดี จะได้จัดการเื่วุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นางเฉินก้าวออกมามองคนรอบข้างด้วยสายตาเ็า ก่อนที่ท้ายที่สุดนางจะหยุดมองไปยังพี่น้องทั้งสามคนของตนเอง
“เหล่าต้า เหล่าเอ้อ เหล่าซาน พวกเราไปกันเถอะ ข้าไม่ควรพาพวกเ้ามาที่นี่ั้แ่แรก การที่ข้าพาพวกเ้ามาที่นี่คือความผิดพลาด”
การตัดสินใจของนางทำให้เหล่าต้ามีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะหันไปสบตากับน้องรองที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย จากนั้นเหล่าเอ้อจึงถอนหายใจและก้าวออกมาพูด
“ท่านพี่ ตามคำนิยามว่าพี่สาวคนโตเปรียบเสมือนมารดา แม่ของพวกเราตายั้แ่พวกเราอายุยังน้อย ท่านพี่เป็คนเลี้ยงพวกเราจนเติบใหญ่ ที่ผ่านมาเวลาเกิดเื่ในครอบครัว พวกเราต่างก็ดูว่าท่านพี่จะจัดการอย่างไร หากตอนนี้ท่านพี่ไม่สนใจพวกเราแล้ว พวกเราก็ไม่มีทางเลือก”
ซูฉีเฉียวรู้สึกเหลือทนอีกครั้ง ที่แท้คนในครอบครัวของมารดาก็ยากจนกันขนาดนี้นี่เอง บิดาของนางทำงานอย่างหนักมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่พอกิน ไม่มีเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเพียงพอ ที่แท้ก็เป็เพราะนางเฉินรับบทเป็มารดา คอยช่วยเหลือพี่น้องเหล่านี้นี่เอง
ซึ่งนั่นทำให้นางมองไปที่เหล่าเอ้ออย่างอดไม่ได้ “น้ารอง สิ่งที่ท่านพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผลนะ พี่สาวดูแลพี่น้องดุจมารดา คนที่เปรียบเหมือนกับมารดาผู้นี้เลี้ยงดูบุตรชายบุตรสาวจนเติบใหญ่แล้ว แก่แล้วก็น่าจะได้มีความสุขกับครอบครัวของตนเอง
น้องชายอย่างพวกท่านก็สร้างครอบครัวกันแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าควรหันกลับมาใส่ใจดูแลพี่สาวที่คอยดูแลพวกท่านมาได้แล้วกระมัง พวกท่านเกาะแม่ของข้ามาจนแก่เฒ่า ตอนนี้ยังจะพาครอบครัวมารุมทึ้งแม่ข้าอีกหรือ ที่น่าขันมากกว่านั้น ยามนี้พวกท่านยังจะตามแม่ข้ามาเพื่อมาเกาะข้าอีก เื่เกาะข้ากินน่ะช่างมันเถิด น่าขันยิ่งนัก ใครบอกพวกท่านว่าการที่มาเกาะข้ากินแล้วจะมาทำตัวเป็ใหญ่ที่นี่ได้ ท่านคิดว่าตนเองเป็เ้าของที่ดินอย่างนั้นหรือ
ข้าจะบอกอะไรท่านนะ เื่ในวันนี้ต่อให้พวกท่านไม่อยากไปจากที่นี่อย่างไรก็ต้องไป ข้า ซูฉีเฉียวจะไม่ขอนับพวกท่านเป็ญาติ บอกว่าข้าไม่ให้ความเคารพ ฟ้องร้องเื่ของข้า เอาสิ มาคิดบัญชีกันก่อนแล้วค่อยไป ที่นี่มีสายตาตั้งหลายคู่จับจ้องมองมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าข้า ซูฉีเฉียวปฏิบัติต่อพวกท่านอย่างไร ข้าเชื่อว่าสายตาของผู้คนเ่าั้ต่างรับรู้ดี พวกท่านรู้ดีว่าใครถูกใครผิด กลับไปกันดีๆ เล่า ข้าไม่ขอส่ง”
เมื่อมาถึงตอนนี้ จางเฉาิที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็ได้รับข่าวในครั้งนี้ เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นที่ถูกขับไล่ แต่ละคนต่างพากันโมโหใส่ภรรยาของเขา ซึ่งทำให้เขาโกรธขึ้นมาทันที
“พวกท่านจะเอาอย่างไร กินบ้านข้า นอนบ้านข้า ตอนนี้ยังคิดจะมารังแกข้าอีกหรือ จะเอาอย่างไรเล่า อยากสู้กันอย่างนั้นหรือ มาเถิด มาดูว่าผู้ใดจะชนะ”
เหล่าคนงานที่ถูกจ้างระยะยาวที่มาอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ต่างก็ทนมองการกระทำของคนจากครอบครัวเฉินไม่ไหวอีกต่อไป ครอบครัวของนายจ้างเป็คนดี ไม่เคยปฏิบัติโดยการเอาเปรียบคนงานเลย แต่คนพวกนี้มาถึงก็ยังดีๆ กันอยู่ แต่ตอนนี้กลับสร้างปัญหา ทั้งยังจะทำร้ายกันอีก
“พวกเ้ากล้าทำร้ายคนอื่นหรือ หึ หากจะตีผู้อื่น ข้าคนนี้นี่ละจะไม่ยอมปล่อยพวกเ้าไปแน่” คนงานระยะยาวผู้หนึ่งที่ตัวค่อนข้างใหญ่ะโออกมา ดวงตาจับจ้องพร้อมกับในมือที่คว้าท่อนไม้เอาไว้…
คนของตระกูลเฉินตกตะลึงและมองไปรอบด้านอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่ารอบกายมีชายหนุ่มร่างใหญ่เข้ามารายล้อมเอาไว้ สมาชิกของตระกูลเฉินเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อเห็นว่าท่าไม่ค่อยดี ทุกคนต่างก็แข้งขาอ่อน ต่างเห็นพ้องตรงกันว่าจะต้องผลักดันคนที่จะทำให้ซูฉีเฉียวรู้สึกลำบากใจสักหน่อยออกไปรับผิดชอบ
คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือผู้าุโของตระกูลเฉิน
ตาเฒ่าเฉินที่ป่วยมานาน นอนซมอยู่แต่บนเตียง ครั้งนี้เมื่อเหล่าบุตรชายและลูกสะใภ้เห็นว่ารับมือต่อไปไม่ไหว กำลังจะถูกซูฉีเฉียวและคนอื่นๆ ขับไล่ออกไปจากที่นี่ พวกเขาจะยอมแพ้กับชีวิตที่มั่นคงแบบนี้ไปได้อย่างไร ไม่ต้องทนกับความหนาวเหน็บ ไม่ต้องมีชีวิตที่หิวโหย ใช้ชีวิตไม่ต่างจากยามอยู่ที่บ้าน หากต้องไปจากที่นี่ เช่นนั้นก็เท่ากับไปหาความตายน่ะสิ
และเพราะเหตุนั้น เหล่าบุตรชายและลูกสะใภ้ได้ไปช่วยกันประคองชายชราที่กำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงขึ้นมา
บุตรชายและลูกสะใภ้ได้เล่าเื่ราวสั้นๆ ให้เขาฟังแล้วหนึ่งรอบ แน่นอนว่าพวกเขาพยายามช่วยกันพูดว่าเป็ครอบครัวเฉินของพวกเขาเป็ฝ่ายถูกกระทำแน่นอน ตอนนี้ขอแค่ให้ชายชราได้ออกหน้าไปพูดสักประโยคสองประโยค เพื่อร้องขอซูฉีเฉียวให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อก็พอ
ชายชรารู้ดีว่าคนในครอบครัวตนเองไม่ได้ความ แต่ว่าลูกหลานเหล่านี้ต่างก็แซ่เฉินกันทั้งนั้น ดังนั้นเวลาที่เขาต้องเลือก เขาก็ต้องให้ความสนใจกับคนในตระกูลเฉินมากกว่าอยู่แล้ว
“แม่หนูฉี…แคกๆ…ถือว่าตาเฒ่าคนนี้ขอร้องเ้าแล้วกัน ให้พวกเราอยู่ที่นี่ต่อเถิด เ้าจะจัดการพวกเขาอย่างไรก็แล้วแต่เ้าจะเห็นสมควร...แคกๆ…ข้ามีสิ่งที่ร้องขอเพียงอย่างเดียว ให้อาหารพวกเขากินเถิด ให้พวกเขาผ่านพ้นความยากลำบากที่อยู่เบื้องหน้านี้ไปทีเถิด”
เมื่อเห็นชายชราที่ใกล้ความตายเข้าไปทุกที ชายคนนี้เป็ญาติของนาง เป็ท่านตาแท้ๆ ไม่ว่าจะทรงพลังมากเพียงใด แต่ซูฉีเฉียวเองก็ไม่ใจแข็งพอที่จะปฏิเสธชายชราที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่งคนนี้ได้
สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงพยักหน้าเพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้อยู่ต่อ
“หากพวกท่านจะอยู่ต่อก็ได้ ประคองท่านตาเข้าไปด้านในก่อน ข้าจะบอกเงื่อนไขในการอยู่ที่ให้ชัดเจน มิเช่นนั้นหากเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาอีก พวกเราก็ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนอาจจะพบเจอกับเื่ที่ยากลำบากอีกแน่”
ครั้งนี้คนของตระกูลเฉินยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ไม่ขัดนางอีกและยอมหุบปากเงียบ ให้ผู้เป็ชายจากในตระกูลเฉินเพียงไม่กี่คนเอ่ยปากเจรจาต่อรองเท่านั้น มองท่าทีในการเจรจาของคนจากในตระกูลเฉินสองสามคนนั้น ซูฉีเฉียวรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไร้อำนาจได้อย่างลึกซึ้ง นี่มันยุคโบราณนี่นา ไม่ว่าอย่างไรก็ทำอะไรที่เกินขอบเขตไปไม่ได้
หากทำเช่นนั้น คนในตระกูลก็จะกดดันเ้า และถูกป่าวประกาศออกไปว่าเ้าเป็คนไม่ดี คำพูดจากคนเ่าั้อาจทำให้เ้าเหมือนจมน้ำตายเลยก็ว่าได้
ทว่านางไม่คิดเกรงกลัว พวกเ้ามุ่งหน้ามาพักอาศัยกับข้า ไม่ใช่ข้าที่ร้องขอให้พวกเ้ามาที่นี่เพื่อเลี้ยงดูจนแก่และส่งลงโลงไปเสียหน่อย ยิ่งที่เป็คนของตระกูลเฉินที่คอยแต่จะเอาเปรียบ เื่เช่นนี้นางไม่มีทางทำแน่นอน
“การที่พวกท่านจะอยู่ต่อนั้นเป็เื่ที่ทำได้ แต่ที่นี่ข้าไม่เลี้ยงดูคนเกียจคร้าน คนที่อยู่ที่นี่ต่อต้องใช้แรงเพื่อแลกข้าว ไม่ว่าจะเป็เด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะต้องทำเช่นนี้ ที่นี่ปฏิบัติต่อผู้คนโดยไม่มีการลำเอียง หากทำงานได้ดี ก็จะได้รับเงินจำนวนไม่น้อย ในทางกลับกันหากไม่ตั้งใจทำงาน ก็ต้องขอโทษด้วย ที่นี่ไม่เอาคนเช่นนั้นไว้”
เหล่าคนของตระกูลเฉินที่ได้ยินต่างก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที
สีหน้าของเขาหม่นหมองขึ้นมาทันทีก่อนจะหันไปมองซูฉีเฉียวนิ่งๆ “ข้าว่านะแม่หนูฉี เ้าทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกราวกับว่าเ้าปฏิบัติกับพวกเราเหมือนคนงาน ยังมีความสัมพันธ์ของเครือญาติกันอยู่หรือไม่ คนเราไม่ควรลืมชาติกำเนิด ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หากไม่มีพี่สาวของข้า ก็จะไม่มีเ้าออกมา อีกอย่างในตอนที่เ้าเกิดเื่ หากไม่ใช่เพราะข้าส่งเ้าไปหาหมอในเมือง เ้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เื่นี้ยังเป็คำถามอยู่เลย”
ซูฉีเฉียวส่งเสียงหัวเราะออกมา ได้เลย นี่จะทวงบุญคุณกันใช่หรือไม่
ยามนั้นที่เกิดเื่ขึ้นตัวนางจดจำได้ไม่ชัดเจนนัก แต่หาก้าได้ผลที่ดี วิธีนี้ไม่น่าจะสำเร็จ นางเลิกคิ้วมองไปยังเหล่าต้าด้วยใบหน้าที่คล้ายยิ้มแต่ก็คล้ายไม่ได้ยิ้มออกมา “ท่านน้า ข้าเรียกท่านว่าท่านน้า ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว หากข้าพูดจบแล้วพวกท่านจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเลย ข้า ซูฉีเฉียว ไม่เคยปฏิบัติต่อใครด้วยความลำเอียง ไม่ว่าจะเป็ใคร หาก้าอยู่ที่นี่เพื่อมีข้าวกินก็ต้องใช้แรงแลก ท่านไม่ออกแรง แต่อยากให้ข้าเลี้ยงดู ทุกคนต่างมาหาข้าเพราะมีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ แล้วข้าจำเป็จะต้องเลี้ยงดูพวกท่านทุกคนหรือ นี่เป็เื่ที่ไร้เหตุผลมากใช่หรือไม่ พวกท่านมือเท้าดี แต่กลับมาให้ผู้อื่นเลี้ยงเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน แล้วก็หากทำงานออกมาไม่ดี ข้าก็มีอำนาจที่จะหักเงิน ไม่พอใจในคำสั่งของข้าแล้ว้าจะมาสร้างความวุ่นวายข้าก็จะหักเงิน อยู่ที่นี่กับข้าใช้กฎหมายในการปกครอง พวกท่านอยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ หากไม่ใช่เพราะท่านตามาขอร้องข้า ข้าก็คงจะเกียจคร้านเกินจะมาพูดกับพวกท่านเช่นนี้หรอก!”
เมื่อเห็นว่าคนเ่าั้จะโวยวายขึ้นมาอีก ซูฉีเฉียวจึงเชิดคางขึ้นแล้วหัวเราะออกมาด้วยความเ็า
“ทำไมเล่า ยังทะนงตนว่าเป็ญาติผู้ใหญ่ของตระกูลเฉินอยู่อีกหรือ ข้าจะบอกอะไรให้นะ ข้าไม่ได้เหมือนท่านแม่ที่พวกท่านจะนำมากดดันข้าได้ ขอโทษทีเถิด ก่อนที่จะทำงานที่นี่ ควรคิดสักหน่อยว่าตนเองมีความสามารถหรือไม่ คนอย่างข้าไม่กลัวฟ้ากลัวดินอะไรทั้งนั้น เอาละ คนที่เต็มใจจะอยู่ต่อก็จะต้องทำตามวิธีของข้า ทำงานบุกเบิกที่ดินเพื่อเพาะปลูก หากไม่เต็มใจก็รีบไป ข้าไม่ขอส่ง พูดตามตรงข้าคาดหวังอย่างยิ่งว่าเหล่าท่านๆ ทั้งหลายจะออกไปจากที่ดินของข้า ข้าคงทนกับพวกท่านไม่ได้แน่”
นางเอ่ยคำพูดประโยคนั้นออกไป ซูฉีเฉียวไม่อยากจะเห็นหน้าคนเหล่านี้อีกเลย
และไม่อยากจะได้ยินเื่ของเครือญาติที่น่ารำคาญเหล่านี้อีก
……
แค่ซูฉีเฉียวเดินออกไป ชายหนุ่มของตระกูลเฉินที่อยู่ในห้องก็เริ่มโวยวายขึ้นมา มีคำพูดทุกรูปแบบหลุดออกมา บอกว่าที่นี่ดูถูกคนและ้าจะไปอยู่ที่อื่นแทน
บางคนก็บอกว่าจะไปแจ้งกับทางการว่า คนที่นี่รังแกญาติพี่น้องของตนเอง
จนเมื่อทุกคนโวยวายกันมาได้สักพัก เหล่าต้าจึงหันไปมองใบหน้าที่กำลังโกรธเคืองอยู่
“เหล่าซื่อ เ้าคิดว่าถูกรังแกกดขี่ อยากไปจากที่นี่ ตกลง เ้าไปคนเดียวเลย ข้าไม่อยากไป ต้องถูกรังแกกดขี่แล้วอย่างไรเล่า อยู่ที่นี่ใช้แรงแลกข้าว อย่างน้อยก็ยังมีอะไรกิน หากไปที่อื่น เมื่อคนเขาเห็นว่าเ้าหอบลูกหอบเมียไปด้วย มีคนอยากจะเข้ามาช่วยเหลือก็ไม่แน่ว่าอาจจะเข้ามาหลอกก็ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้เหล่าซื่อพยักหน้าเห็นด้วย
“แม่นางต้าหยาง เ้าบอกว่านางไม่ปฏิบัติต่อพวกเราในฐานะญาติพี่น้อง เื่นั้นก็สมเหตุสมผล แต่พวกเราก็ห่างกันไม่ถึงสามรุ่น พวกเ้าเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่านางเป็บุตรสาวของพี่ใหญ่ มาคิดดูแล้วถึงอย่างไรนางก็เป็หลานสาวของพวกเรา พวกเราตั้งมากมายบากหน้ามาขอพักพิงกับนาง สามารถหาที่อยู่ที่กินให้พวกเราได้ขนาดนี้ ลองมองรอบๆ กายพวกเราสิว่ามีญาติคนใดที่ทำแบบนางได้บ้าง”
“ครอบครัวของเ้าก็มีพี่น้องใช่หรือไม่ ข้าจำได้ว่าเ้ายังมีท่านลุง ท่านป้าอีก พวกเขาก็มีบุตรชายบุตรสาวหลายคน เหตุใดไม่เคยได้ยินว่าพวกเ้าจะไปขอพักพิงกับพวกเขาเลยเล่า อยู่ที่นี่ต้องถูกรังแกและกดขี่ก็ยังจะอยู่อีกหรือ”
เมื่อถูกถามเช่นนี้ แม่นางต้าหยางก็ถอยกลับไปทันที ใบหน้าแดงก่ำของนางดูลังเลและพูดอะไรไม่ออก
เหล่าต้าเผยรอยยิ้มเยาะออกมา “ดูสถานการณ์ของตนเองให้ชัดเจนก่อน อย่าเอาแต่คิดว่าตนเองมีความเป็คนถึงเพียงนั้น ข้านึกถึงคำพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค เมื่ออยู่ใต้ชายคา จะต้องก้มศีรษะทำตัวให้สมกับเป็มนุษย์[1] ยามนี้หากพวกเราปฏิบัติต่อตนเองเหมือนเป็สุนัขตัวหนึ่ง บางทีก็อาจจะยังมีที่บังแดดบังฝน หากเป็แบบนี้พวกเราก็คงต้องมาทางไหนไปทางนั้น
จากเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ซูฉีเฉียวเป็คนรักษาคำพูด พวกเราอยู่กันอย่างสงบเถิด ข้าจะทำเช่นนี้ ส่วนพวกเ้าหากจะก่อเื่นั่นก็เป็เื่ของพวกเ้า หาก้าแจ้งทางการ พวกเ้าจะเอาเหตุผลอะไรไปแจ้ง ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะว่าเ้านะ มีคนดูแลอาหารและที่อยู่อาศัย และต้องดูแลคนมากมายขนาดนี้ ช่างไม่สมเหตุสมผลเลยหากเ้าจะไปแจ้งกับเ้าหน้าที่ ช่างเถอะ ข้าไม่พูดมากแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ เื่วุ่นวายเช่นนี้ ข้าไม่อยากยุ่งอีก”
เหล่าต้าพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่อย่างไรก็ต้องระงับเอาไว้
มีเพียงเหล่าเอ้อที่เห็นเหล่าต้าพูดออกมาเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็ได้แต่กลอกไปมาไม่หยุด
—-----------------------------------------------------------------
[1] เมื่ออยู่ใต้ชายคา จะต้องก้มศีรษะทำตัวให้สมกับเป็มนุษย์ หมายถึง อดทนภายใต้สถานการณ์บางอย่างเพื่อป้องกันตัวเอง