จากที่เขาเข้าใจ เหล่าต้าน่ะหรือจะเป็คนเข้าใจเหตุและผลเช่นนี้ วันนี้เหตุใดนิสัยจึงได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้เล่า
หากจะบอกว่าเหล่าต้าสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ในเวลาอันสั้น ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาด
ซึ่งในบรรดาพี่น้อง เหล่าต้าเป็คนที่เฉลียวฉลาดมากที่สุด เขาจะต้องลอบวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ
เมื่อครุ่นคิดแล้วเหล่าเอ้อจึงตัดสินใจว่าอยู่ก็อยู่ เขาจะดูว่าเหล่าต้าคิดจะทำอะไร
หลังจากที่คนอื่นๆ ออกไปจากเรือนแล้ว เหล่าเอ้อกลับตั้งใจเดินช้าๆ ตามหลังของเหล่าต้าไป ภรรยาของเหล่าต้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน จู่ๆ นิสัยของสามีก็เปลี่ยนแปลงไป เหตุใดเขาถึงไม่เหมือนสามีคนเดิมของนางเลยสักนิด
คนไร้ประโยชน์ไม่สามารถเป็ผู้นำได้ เหตุใดจึงเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้นะ เขาไม่ได้โวยวายใส่ซูฉีเฉียว แต่ในทางกลับกันเขากลับเป็ฝ่ายที่คอยเกลี้ยกล่อมผู้อื่น
ฝนสีแดงตกลงมาจากฟากฟ้า[1] สิ่งนี้ทำให้ภรรยาของเหล่าต้าใมาก
นางดึงเหล่าต้ามายังพื้นที่รกร้าง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงดัง
“เฉินเหล่าต้า เ้าบอกกับข้ามาสิว่ามันเป็อย่างไรกันแน่ เ้าเป็คนดีั้แ่เมื่อใดกัน ถึงขั้นช่วยนังเด็กซูฉีเฉียวพูด บอกมาว่าเ้าคิดจะทำอย่างไร”
เหล่าต้าของตระกูลเฉินได้ฟัง ก็รีบยกมือมาปิดปากภรรยาเอาไว้ทันที
สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยิน เหล่าเอ้อที่อยู่ไกลๆ พยายามย่อตัวลงไม่กล้าส่งเสียง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใคร เฉินเหล่าต้าจึงเอ่ยออกมาเสียงแ่
“เ้านี่นะ เคยรู้อะไรบ้าง ช่างไร้สมองจริงๆ เื่ที่เกิดในวันนี้ มันควรเป็เช่นนี้อยู่แล้ว หรือเ้าหวังจะให้นางมาดูแลเหมือนเ้าเป็ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหรือ นังเด็กซูฉีเฉียวกล้าที่จะให้พวกเราไปทำงาน หลังจากนี้ข้าจะจัดการนางแน่ หึ คอยดูเถิด รอให้ข้ารู้เคล็ดลับก่อนว่าเหตุใดนางจึงได้ร่ำรวยขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ ยามนั้นจะเป็วันที่พวกเราได้พลิกมาเป็นาย”
เพียงแค่ภรรยาของเหล่าต้าได้ยิน แววตาก็เป็ประกาย
“เคล็ดลับ!!” เหล่าเอ้อที่เป็กังวลเพราะอยู่ไกลจนแทบไม่ค่อยได้ยินอะไร เมื่อได้ยินคำว่าเคล็ดลับก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที
เขาว่าแล้วเชียวเหล่าต้าไม่ใช่คนดีอะไร เหล่าต้ามีแผนการจะทำอะไรสักอย่างจริงๆ ด้วย
“หึ เ้านี่โง่จริงๆ เลย ไม่คิดบ้างหรือว่าเมื่อก่อนครอบครัวของซูฉีเฉียวยากจนเพียงใด จู่ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นเช่นนี้ เ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีสูตรลับใดที่ทำให้นางร่ำรวยได้เร็วเช่นนี้
อีกอย่างพวกเรามาที่นี่ตั้งหลายวันแล้ว พวกเ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าหลังบ้านของนางปิดสนิทอยู่ตลอด เหล่าสตรีที่เข้าไป ก็เข้าไปครึ่งค่อนวันกว่าจะพากันออกมา คนเ่าั้จะต้องเป็คนที่ทำเงินให้นางแน่นอน น่าเสียดาย ข้าไปแอบดูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในเลย หลังจากนี้จะหาโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ระมัดระวังตัว ข้าจะไปแอบเรียนรู้…”
เมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ เหล่าเอ้อก็ไม่แอบฟังต่อไปอีก ในใจของเขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกในจิตใต้สำนึกออกมา ที่แท้…ที่แท้การที่ซูฉีเฉียวร่ำรวยอย่างรวดเร็วขนาดนี้เป็เพราะมีสูตรลับนี่เอง
จริงๆ แล้ว หากสามารถสืบหาได้ว่าซูฉีเฉียวมีสูตรลับอะไรที่ทำให้ร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ เขาเองก็สามารถร่ำรวยเช่นนี้ได้เหมือนกัน
เมื่อถึงเวลานั้น คงไม่ต้องทำอะไรตามที่ผู้อื่นสั่งแบบนี้อีกต่อไป
ไร้เงิน ไร้ที่ดิน ไร้บ้าน ไร้ทรัพย์สิน ไร้บ่าวรับใช้ เื่นั้นไม่ใช่เื่ใหญ่ ขอแค่เขารู้สูตรลับนั้น เขาก็จะสามารถได้สิ่งเ่าั้มาเป็ของตนเอง ฮ่าๆ…
เมื่อนึกถึงความฝันอันสวยงาม เหล่าเอ้อก็เกือบเสียสติ เหล่าต้าและภรรยาก็พูดกันด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะะโโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ต่างกัน
“เฉินเหล่าต้า เ้านี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะ หลังจากที่ครุ่นคิดก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าซูฉีเฉียวจะต้องมีสูตรลับบางอย่างแน่นอน ไม่เลว ไม่เลว พวกเราจะต้องหาสูตรลับของนังเด็กคนนั้นให้ได้ หึ เมื่อถึงตอนที่พวกเขาจะหาสูตรลับในการร่ำรวยได้ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวซูฉีเฉียวอีก เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้นางเลียนิ้วเท้าของข้า นังเด็กร้ายกาจ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็แก่กว่าเ้า แต่ยังกล้าทำกับข้าเช่นนี้อีก นี่สามี เ้าว่าหลังจากนี้หากพวกเรารับรู้สูตรลับแล้ว ต่อให้ไม่ได้ทำงานหาเงิน แต่การที่เอาสูตรลับนี้ออกไปขายก็คงจะหาเงินได้ไม่น้อย ฮ่าๆ…เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็จะมีเงินมากมายเหมือนกับซูฉีเฉียว มีที่ดินมากมาย รวมไปถึงบ่าวรับใช้…”
“รอให้พวกเรารู้สูตรลับนั้นก่อน สิ่งเ่าั้ก็จะเป็ของพวกเรา เพียงแต่ว่าเื่ทั้งหมดนี้จะต้องรอให้พวกเรารู้วิธีนั้นก่อน มาพูดยามนี้ก็คงจะยังไม่มีประโยชน์อะไร” หลังจากที่เฉินเหล่าต้าฝันหวานได้ไม่นาน เขาจึงมีสติขึ้นมา
“เื่นั้นก็จริงอยู่ เช่นนั้นพวกเราจะต้องคำนวณให้ดี ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถนำสูตรลับนั้นมาอยู่ในมือได้ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราเริ่มจากพี่สาวของเ้าเลยดีหรือไม่ ข้าว่าพี่สาวเ้าเป็คนหลอกง่าย หากนางไม่ใช่คนใจอ่อน นางคงไม่ทำหน้าที่ดุจวัวดุจม้า[2] ให้พวกเ้ามานานหลายปีเช่นนี้หรอก เลือกพี่สาวเ้าแล้วกัน เื่นี้น่าจะเป็ไปได้มากที่สุด”
เฉินเหล่าต้าครุ่นคิด
***
นางเฉินนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ
ซูฉีเฉียวที่นอนติดกับนางก็ถูกนางรบกวนจนทำให้นอนไม่ค่อยหลับเช่นกัน “ท่านแม่ เป็อะไรหรือ”
“ลูกรัก แม่ต้องขอโทษเ้าจริงๆ ตอนนี้แม่มาคิดๆ ดูก็รู้สึกได้ว่าแม่ทำไม่ถูกต้อง เฮ้อ หากพูดถึงแล้ว ก็ให้โทษที่แม่ไม่มีความสามารถพอ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกเขา…ก็เป็น้องชายแท้ๆ ของข้า นึกถึงตอนที่ท่านยายของเ้าจากไป นางได้มอบความไว้วางใจให้ข้าดูแลพวกเขา ต้องเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบใหญ่ ในใจ…ก็รู้สึกเป็ทุกข์”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของนางเฉินก็สะอึกสะอื้น
ซูฉีเฉียวที่ฟังก็รู้สึกรำคาญใจ นางลุกขึ้นนั่ง จุดไฟและมองไปยังนางเฉิน
นางเอนตัวลงบนเตียง แววตานั้นแดงก่ำราวกับลูกท้อ
ในใจรู้สึกได้ถึงความไร้อำนาจ นี่สินะสตรีในยุคโบราณ สะอาดบริสุทธิ์จนพูดอะไรไม่ออก แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าญาติพี่น้องเหล่านี้ไม่ได้ปฏิบัติดีต่อตนเอง ทั้งไม่ดีและไม่จริงใจ แต่นางก็ยังเต็มใจที่จะทุ่มเทให้กับคนเ่าั้
“ท่านแม่ ท่านคิดว่ามีตรงใดที่ปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ดีหรือคืนนี้พวกเราสองแม่ลูกมาพูดคุยกันเถิด”
นางเฉินปาดน้ำตา ตอนนี้นางจึงเอ่ยถึงความเศร้าโศกในอดีตขึ้นมา
“ปีนั้นข้าอายุมากที่สุด ข้างหลังมีแต่น้องๆ ที่ยังเล็ก ยามที่ท่านแม่จากไป ข้าอายุราวๆ สิบห้าปี ตอนนั้นเพิ่งจะหมั้นหมาย ท่านแม่จับมือของข้าและบอกให้ข้าดูแลน้องชายให้ดีๆ บอกว่าพวกเขายังเด็ก ยังไม่รู้เื่รู้ราว ตอนนั้นท่านพ่อก็กังวลว่าจะดูแลน้องชายที่น่าสงสารได้อย่างไร เพื่อดูแลพวกเขา ข้าได้ให้ท่านพ่อยืดระยะเวลางานแต่งงานออกไปอีกหนึ่งปี…
มีอยู่ปีหนึ่ง เ้าป่วย พ่อของเ้าก็ไม่อยู่ที่บ้าน หากไม่ใช่เพราะน้าชายของเ้ามาที่บ้านพอดี และแบกเ้าไปในเมือง ชีวิตน้อยๆ ของเ้าก็คงไม่รอดแล้ว ข้านึกไปอีกว่า มีอยู่ปีหนึ่งตอนวันเกิดของข้า พวกน้าชายของเ้าทำเค้กข้าวให้กับข้า ตอนนั้นพวกเขาปฏิบัติต่อข้าดีมากจริงๆ แต่ว่าภายหลังเมื่อพวกเขามีครอบครัว มีภรรยา บางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป…”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้นางเฉินก็ถอนหายใจออกมาเสียงยาว ซูฉีเฉียวอดยิ้มเยาะออกมาเสียไม่ได้ ดูท่าทางแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้คงไม่การเปลี่ยนแปลงแค่เล็กๆ น้อยๆ สินะ คราแรกก็ยังพอจะรักษาความพยายามนี้เอาไว้ แต่ภายหลังที่ให้กำเนิดบุตร น้าชายเ่าั้ของนางก็อยากจะหาช่องทางในการหาเงินให้ได้มากขึ้น
คนเราต่างก็มีความเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเมื่อมีคนยินยอมที่จะทำหน้าที่ดุจวัวดุจม้า คนพวกนี้ย่อมรังแกผู้ที่มีจิตใจดี
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้ท่านกำลังจะบอกข้าว่าการที่ข้าปฏิบัติต่อพวกเขาในวันนี้คือสิ่งที่ไม่ควรทำหรือ ข้าปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนอื่นๆ ใช้แรงงานเพื่อแลกข้าวหรือแลกเงิน เช่นนี้เป็การเอาเปรียบพวกเขาหรือ หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าพวกเขาคือพี่น้องของท่านแม่ ข้าคงไม่อยากจะใส่ใจ ยอมเสียเงินให้ คนอย่างข้าจะหาได้ที่ไหนกัน”
นางเฉินปาดน้ำตาก่อนจะตีมือของนาง “แม่รู้และแม่ก็เข้าใจ หลายปีมานี้พวกน้าชายของเ้าถูกคนเอาเปรียบ ตอนนี้เมื่อถูกพี่น้องหลอกลวงก็ยิ่งสับสนและทำให้พวกเขามีจิตใจที่โหดร้ายมากขึ้น แม่รู้ความลำบากของเ้า แม่อดคิดไม่ได้เลยว่ามิตรภาพในตอนนั้นเหตุใดจึงได้เป็เช่นนี้ไปได้ เฮ้อ คนเราเมื่ออายุมากขึ้น บางครั้งก็ทำให้คิดถึงเื่เก่าๆ ลูกรักเ้าอย่าว่าแม่เลย แม่แค่รู้สึก…ไม่สบายใจเท่านั้น”
“ท่านแม่ ท่านไม่รู้สึกหรือ การที่ข้าต้องเลี้ยงดูพวกท่านน้า แม้กระทั่งลูกหลานของพวกเขาข้าก็ต้องเลี้ยงดูด้วยหรือถึงจะถือว่าเป็การปฏิบัติดีต่อพวกเขา” ซูฉีเฉียวเอ่ยถามด้วยความอ่อนโยน แต่เื้ัของความอ่อนโยนนั้นกลับแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“ไม่ใช่ เสี่ยวฉี เ้าอย่าเอ่ยเช่นนั้น แม่แค่คิดว่าตัวแม่ไม่มีความสามารถพอ ดังนั้นจึงทำให้พวกเขา…แต่ก็ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ ใจของคนเราเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือแม่เองที่ยังมองว่าพวกเขาเป็เหมือนลูก เื่นี้ไม่ถูกต้อง แม่ควรจะต้องเปลี่ยนความคิด ลูกฉี คนพวกนี้ไม่ควรเป็ภาระของเ้า หากเ้ารู้สึกลำบากใจ ข้าก็จะพาพวกเขาไปจากที่นี่”
ซูฉีเฉียวมองมารดาที่สับสนผู้นี้ด้วยนิ่งๆ ก่อนจะส่ายหน้า “ท่านแม่ เื่นี้ท่านไม่ต้องสนใจแล้ว ในเมื่อท่านแม่มาที่นี่แล้ว ช่วยข้าดูแลลูกๆ ทั้งสามคนก็ถือว่าเป็การช่วยเหลือข้าแล้ว ท่านแม่ ข้าไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้กับพวกเขาเท่านั้น การปฏิบัติต่อท่าน ต่อน้องชาย ข้าก็จะปฏิบัติเหมือนกัน ท่านช่วยข้าดูแลลูกๆ ข้าก็จะจ่ายเงินจ้างให้ท่าน น้องชายช่วยพวกเราทำงาน ข้าก็จะจ่ายค่าแรงให้เขา ข้าไม่ปฏิบัติต่อใครด้วยความลำเอียง หากท่านรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าลูกอกตัญญู พวกท่านก็สามารถไปจากที่นี่ได้ หลักการของข้าก็เป็เช่นนี้”
นางเฉินที่ได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง และรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่สงบนิ่งของซูฉีเฉียว ท้ายที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมายาวๆ “ข้ารู้แล้วว่าเ้าปฏิบัติต่อผู้คนโดยไม่ลำเอียง…อันที่จริงมันก็เป็เื่ดี แม่แก่แล้ว ไม่ได้มีสติปัญญาดี และตัดสินใจไม่ได้”
ซูฉีเฉียวชี้ให้เห็นชัดเจนอย่างไม่ปรานี “ใช่แล้ว สิ่งที่ท่านแม่ทำในตอนนี้…ทำให้ข้ารู้สึกดูถูกดูแคลนท่านมาก ท่านยินดีที่จะรับภาระดูแลพวกคนที่มีมือมีเท้า นั่นเป็เื่ของท่าน แต่ท่านรู้หรือไม่ การที่ท่านทำเช่นนี้เหมือนลากท่านพ่อและน้องชายลงไปในน้ำ ดูท่านพ่อของข้าสิ พูดถึงตอนยังหนุ่มที่ท่านพ่อทำงานค้าขาย ครอบครัวที่ทำอาชีพเช่นนี้ พวกเราน่าจะเจริญรุ่งเรืองตั้งนานแล้ว แต่เหตุใดที่ท่านแม่ค้าขายมาตลอดหนึ่งปี แต่ไม่เห็นเงินแม้แต่น้อย ค้าขายไปสองปีก็มีภาระเพิ่ม ค้าขายไปสามปีก็แทบจะไม่มีข้าวกิน สาเหตุก็เพราะต่อให้เขาหาเงินมาได้เยอะเพียงใด แต่ท่านแม่ก็เอาเงินไปให้คนเ่าั้
พวกเขาไม่มีเงินหรืออย่างไร เบื้องหน้าของพวกเขาบอกว่าไม่มีเงิน แต่เื้ัเล่า ท่านรู้มากน้อยเพียงไหนกัน หากไม่มีเงินจริงๆ พวกเขาจะตัวอ้วนถ้วนขนาดนั้นหรือไม่ ดูดีกว่าท่านพ่อและน้องชายเสียอีก คนเ่าั้เป็ญาติของท่านแม่ ท่านพ่อและน้องชายก็เป็คนในครอบครัวท่านเหมือนกัน
หลายปีมานี้เพราะน้ำใจอันดีงามของท่านทำให้พวกเขาต้องยากลำบากร่วมกับท่านมาตั้งกี่ปี มีแต่ท่านพ่อที่ทนท่านแม่ได้ หากเป็บุรุษปกติทั่วไปคงทนไม่ได้และแยกทางกันแล้ว ท่านแม่ คนมีลูกมักจะต้องคิดเผื่อในอนาคต น้องชายก็ใกล้จะถึง่อายุที่ต้องแต่งงานแล้ว หากท่านทำเช่นนี้ต่อไป ยังจะ้าให้น้องชายมีภรรยาอยู่หรือไม่ ท่านเป็แม่ของข้า ท่านคิดเพียงแค่ว่าจะบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า แต่กลับไม่เคยนึกถึงข้าเลยว่าตอนที่จัดการเื่นี้ จิตใจของข้าว้าวุ่นและรำคาญใจเพียงใด สามารถทำได้เท่าในตอนนี้ก็ถือว่าเป็ความอดทนสูงสุดของข้าแล้ว หากท่านยังนอนไม่หลับอีก ข้าจะไปนอนที่ห้องอื่น บุตรสาวคนนี้เป็คนอกตัญญู ข้าคงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำตัวเป็คนดีเช่นท่านหรอก”
เมื่อถูกซูฉีเฉียวสั่งสอนเช่นนี้ สีหน้าของนางเฉินเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ในท้ายที่สุดก็ได้แต่นั่งเหม่อไม่เอ่ยปากพูดอะไร ซูฉีเฉียวคร้านที่จะต้องมองดูผู้เป็มารดาจึงพลิกตัวเพื่อเข้านอน
ไม่ใช่ว่านางใจร้าย คนดีอย่างนางเฉิน พี่สาวที่สับสนคนนี้ควรจะได้รับยาแรง ตอนนี้ครอบครัวไม่เป็ครอบครัว ทำตัวน่ารังเกียจ ตนเองมีสิทธิ์อะไร ทั้งที่ทำอะไรไม่ได้ยังจะลากคนในครอบครัวมาร่วมด้วยอีก คนคนนี้ชอบหาเื่
……
เมื่อมีระเบียบที่แข็งแกร่งของซูฉีเฉียว หากญาติพวกนี้อยากจะแอบอู้ ก็คงไม่ใช่เื่ง่ายเสียแล้ว
—---------------------------------------------------------------------
[1] ฝนสีแดงตกลงมาจากฟากฟ้า หมายถึง สิ่งที่เป็ไปไม่ได้ สิ่งที่ผิดปกติ
[2] ดุจวัวดุจม้า หมายถึง ทำงานหนักเยี่ยงวัวเยี่ยงม้า