จ้าวเหม่ยหลินนึกขึ้นได้ว่าท่านพ่อก็เรียกพบเช่นกัน จึงเอ่ยปากขอตัวลา ทว่าจ้าวซ่งจื่อกลับเอ่ยปากขอนำทางไปยังเรือนหยางจี๋ให้
ร่างเล็กที่เพิ่งกลับเข้าจวนไม่คุ้นเส้นทาง จึงพยักหน้ารับ ปล่อยให้เ้าบ้านเป็ผู้นำทาง
พอเดินมาได้สักพักร่างเล็กก็เริ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เดิมทีควรนำทางไปยังเรือนหลัก แต่เหตุใดรู้สึกถึงวกมาทางเดินด้านหลังของจวน
ฝีเท้าของจ้าวซ่งจื่อหยุดลงหน้าโรงเก็บฟืน เขาหันมามองจ้าวเหม่ยหลิน “เ้าจำโรงเก็บฟืนนี้ได้หรือไม่”
จ้าวเหม่ยหลินส่ายหน้า “สามปีแล้ว ข้าจำอะไรไม่ได้ดอกเ้าค่ะ” สิ้นคำก็เงยหน้ามองชายหนุ่ม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเศร้าแฝงอยู่ในแววตา “หากท่านพี่จะรื้อฟื้นความจำให้น้อง..ก็เป็วันอื่นเถิดเ้าค่ะ”
“ข้าคิดถึงเ้า” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
จ้าวเหม่ยหลินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะแย้มยิ้มตอบอย่างไม่แสดงพิรุธ อาจจะทำให้ชายหนุ่มจับได้ว่าในร่างไม่ใช่จ้าวเหม่ยหลิน “ข้าก็คิดถึงพี่ซ่งจื่อเ้าค่ะ” น้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมย่อตัวลงเล็กน้อย
จากนั้นจ้าวซ่งจื่อก็ยอมนำทางไปยังเรือนหยางจี๋โดยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก พอมาถึงรองเสนาบดีคลังเพียงสอบถามเื่ราวความเป็อยู่ที่เรือนนอกคร่าวๆ ก่อนจะกล่าวตักเตือนเสียงเรียบ “อยู่ในจวนแล้ว อย่านำนิสัยจากชนบทติดตัวมาใช้ล่ะ”
“เ้าค่ะ”
“ข้าไม่อยากตามเช็ดตามเก็บปัญหาให้เ้า” ชายวันกลางคนกล่าว แล้วสั่งให้บุตรสาวไปกักตัวในเรือนตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า
ทว่าคนอย่างจ้าวเหม่ยหลินหรือจะยอมทำตามคำสั่ง นางคิดว่าคงถึงเวลาต้องออกไปสำรวจเมืองหลวงเสียหน่อย หาโอกาสมองหาทำเลดีสำหรับเปิดร้านหนังสือสักแห่ง
อย่างน้อยก็เป็หนทางพึ่งพาตัวเอง ไม่ต้องมัวแต่จมอยู่ในจวน มีแต่ความวุ่นวายให้ปวดหัว วันแรกก็เล่นงานนางจนเกือบเอาตัวไม่รอด
ร่างเล็กจึงลอบติดสินบนพ่อบ้านไป๋ เพื่อให้นางออกจากจวนทางประตูหลังอย่างไม่มีผู้ใดรู้ ซูจินเองก็ขอตามไปด้วย แต่จ้าวเหม่ยหลินไม่ยอม นางปฏิเสธอ้างให้สาวรับใช้อยู่เฝ้าเรือนแทน
ส่วนเงินทองก็ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากเครื่องประดับที่ได้รับมานั้นก็น่าจะเพียงพอสำหรับใช้จ่ายเที่ยวเล่นในวันนี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วที่สองแม่ลูกกลับจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าจ้าวิจูก็ยังโวยวายไม่หยุด นางระบายอารมณ์ด้วยการทำลายข้าวของในห้อง ทั้งขว้างหมอน ทุบแจกัน สาวรับใช้ต่างต้องเดินตามเก็บตามเช็ดไม่ห่าง
เสียงหวีดเสียงกรีดร้องของคุณหนูรองดังอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเกาฟางก็ทนไม่ไหว
“พอได้แล้วิเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเ้ากำลังไม่พอใจ แต่หากท่านย่ารู้เข้าว่าเ้านิสัยเช่นนี้ จะไม่ยิ่งโกรธกว่าเดิมหรือ?” น้ำเสียงของนางทั้งอ่อนทั้งเหนื่อยใจ พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาภาพลักษณ์ลูกสาวไว้ต่อหน้าคนทั้งเรือน
“ท่านแม่..” จ้าวิจูหยุดมือที่กำลังจะปัดแจกัน ก่อนจะเบะปาก น้ำตาคลอเบ้าโผเข้ากอดผู้เป็มารดาแน่น “ส่งนางกลับเรือนนอกเถิดเ้าค่ะ” น้ำเสียงสะอื้น
“แม่รู้” เกาฟางถอนหายใจ แล้วใช้มือลูบหลังบุตรสาว “แม่รู้ว่าเ้า้าที่จะเป็คนโปรดของทุกคนในจวนจ้าว แต่จะให้แม่ทำอย่างไร ในเมื่อมีข่าวลือเช่นนั้น หากแม่ไม่รับนางกลับมา ชื่อเสียงของแม่ย่อมเสียหาย”
“แต่ท่านต้องจัดการให้ลูกนะเ้าคะ” จ้าวิจูเงยหน้าขึ้นมองมารดาด้วยแววตาเว้าวอน น้ำตายังเปื้อนสองแก้ม
“ได้ได้” เกาฟางเช็ดหยดน้ำตาให้บุตรสาวอย่างอ่อนโยน แต่ในใจก็อดถอนหายใจไม่ได้ จ้าวเหม่ยหลินเพียงวันแรกเข้าจวนวาจาของนางก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายอมลดโทษ ช่างเป็เด็กที่ไม่ควรมองข้าม
“แม่จะจัดการนางให้” ถึงแม้ว่าจ้าวิจูจะไม่เอ่ยปาก เกาฟางก็พร้อมจะกำจัดจ้าวเหม่ยหลินอยู่แล้ว ในเมื่อสามีไม่สนใจก็ต้องปูทางอนาคตให้ลูกสาวถึงจะถูก
“พี่ซ่งจื่อเองก็เหมือนจะให้ความสนใจนาง…” จ้าวิจูยังพูดไม่ทันจบ น้ำตาก็ร่วงไหลลงอาบสองแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่
เกาฟางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหรี่ตาจับสังเกต “เกี่ยวอะไรกับซ่งจื่อ? หรือว่า…เ้าชอบเขา”
“เปล่าเ้าค่ะ!” จ้าวิจูรีบตอบเสียงหลง สายตาหลบเลี่ยงด้วยความลนลาน “พี่ซ่งจื่อเป็คนของจวนจ้าว เป็พี่ชายของข้า ข้าจะกล้าชอบได้อย่างไรกัน…” แม้คำพูดจะเป็การปฏิเสธ ทว่าน้ำเสียงสั่นไหวกลับเผยความในใจออกมาอย่างชัดเจน
เกาฟางถอนหายใจเป็ครั้งที่สาม ก่อนเอ่ยเสียงอ่อน “ไว้เ้าออกเรือนเมื่อใด แม่จะหาสามีที่ดีและเหมาะสมให้เ้าเอง แม่จะไม่มีวันให้จ้าวิจูต้องเป็อนุของใครเด็ดขาด” นางรู้ดีว่าลูกสาวที่เกิดจากภรรยารอง จึงยากจะแต่งเข้าไปเป็ภรรยาเอก แต่นางก็จะไม่ยอมให้ลูกต้องตกต่ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้